นักธุรกิจ-นักวิชาการอิสระ เผยพันธมิตรฯ ยุติบทบาท ถือว่าออกแรง เสียสละมากพอแล้ว ให้คนอื่นได้คิดบ้าง แนะรุกเรื่องการใช้ความคิด ประสานจุดร่วม
คลิกที่นี่ เพื่อฟังเสียงรายการสภาท่าพระอาทิตย์
วันนี้ (1 ก.ย.) นายณรงค์ โชควัฒนา นักธุรกิจและนักวิชาการอิสระ กล่าวในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี มองว่าการตัดสินใจยุติบทบาทของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นการถอยเรื่องการใช้กำลัง แต่รุกเรื่องการใช้ความคิด ให้คนไทยหลายฝ่าย เช่น ทหารได้คิด ซึ่งพันธมิตรฯ ได้ทำหน้าที่มากพอแล้ว ถือเป็นเรื่องดี แต่คนไทยอีกหลายคนยังไม่ได้ทำหน้าที่ ทั้งที่ต้องมีหน้าที่ในการสร้างความถูกต้องให้แก่บ้านเมือง เช่น ตำรวจ ทหาร นักวิชาการ พรรคการเมือง ไม่ได้ทำหน้าที่เลย
ทั้งนี้ สถานการณ์ในประเทศไม่ใช่การต่อสู้ด้วยกำลัง เช่น การเดินชุมนุมบนท้องถนน แต่เป็นการต่อสู้กันทางความคิด เป็นสงครามแย่งชิงความศรัทธาจากประชาชนว่าแนวทางของใครถูกต้อง ทุกคนอ้างความชอบธรรม ความเป็นประชาธิปไตย วันนี้เป็นความสับสนของคนในประเทศว่าจะไปทางไหน ก็แตกแยกกันในทางความคิด สงครามที่เกิดขึ้นเป็นสงครามทางความคิดก่อน ถ้าความคิดถ้าไม่สามารถตกผลึกเป็นเอกภาพจะนำไปสู่สงครามการใช้กำลัง และจะนำไปสู่การสูญเสีย อย่างไรก็ตาม การต่อสู้โดยการชุมนุมพันธมิตรฯ ทำมามากพอแล้ว แต่การต่อสู้กันทางความคิดยังไม่พอ
“วันนี้ผมดีใจที่พันธมิตรฯ มีการใช้ความคิดด้วย ผมไม่ได้คิดว่าจะยุติการเคลื่อนไหวทางกำลังตลอดไป หมายความว่าหยุดชั่วคราวของการเคลื่อนไหวทางนี้ แล้วเคลื่อนไหวทางความคิดมากขึ้น กระตุ้นให้ประชาชนกลุ่มอื่นๆ รู้จักคิดมากขึ้น ไม่งั้นเขาไม่คิด รอให้พันธมิตรฯ เป็นคนเคลื่อน เพราะทุกคนก็รออยู่ ถ้าไม่ปลดจากตรงนี้ ไม่บอกว่าลาออกจากแกนนำเขาก็บอกเมื่อไหร่จะออกมา แล้วทุกคนก็จะรอพันธมิตรอยู่ เมื่อพันธมิตรประกาศสลายแกนนำ แต่ให้อิสระมวลชนพันธมิตรฯ ที่จะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง อันนี้คือให้เขาคิดแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่คิดอะไรเลย รอมติแกนนำอย่างเดียว” นายณรงค์กล่าว
นายณรงค์กล่าวต่อว่า ไม่ว่าพันธมิตรฯ จะยุติบทบาทหรือไม่ คนที่มีความเดือดร้อนและคิดไม่ตรงกับรัฐบาลกลุ่มต่างๆ ก็เคลื่อนไหวในแนวทางของเขา ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวเป็นการรวมศูนย์ แต่ตอนนี้ไม่ต้องรอแล้ว อยากจะเคลื่อนไหวอะไรก็เรื่องของเขา มีอิสระที่จะทำ แต่ต้องคิดให้ดีและรอบคอบก่อนว่าการขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยมวลชนบนท้องถนน ถ้าใช้คนไม่มากมันยาก ถ้าไม่ทำงานทางความคิดมันยาก สุ่มเสี่ยงต่อความล้มเหลวมากกว่า นปช. ใช้เวลา 2 ปีไล่รัฐบาลที่อ่อนแอ โดยนายกฯ เวลานั้นทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายถูกสลายการชุมนุมโดยประชาชนไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการปราบปรามประชาชน และเมื่อคล้อยตามไม่ได้ไม่ชนะ วันนี้ยังติดคุกอยู่ จึงนำมาสู่การออกกฎหมายนิรโทษกรรม
นักธุรกิจและนักวิชาการอิสระกล่าวอีกว่า ตนกับพันธมิตรฯ มีแต่ความชื่นชมว่ารักบ้านเมือง รักประเทศจริงๆ อยากจะขอพูดแค่ว่าเขาต้องต่อสู้ด้วยความคิด สติปัญญา เขาได้ออกแรง เสียสละมากพอแล้ว มากจนเกินกว่าที่คนทั่วไปจะทำได้ วันนี้จะเพิ่มด้วยความคิดได้ไหม ต้องเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองมันไม่ใช่คนแค่นี้เปลี่ยนแปลงได้ พันธมิตรฯ จะต้องหาพวกมากกว่านี้ ไม่ใช่การด่าแล้วผลักให้คนไปเป็นคนอื่น ต้องประสานจุดร่วมมากกว่านี้ และต้องให้ความรู้กับประชาชน สงครามนี้เป็นสงครามความคิด สติปัญญา มากกว่าเป็นสงครามโดยการใช้กำลัง
