xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ"เผยยุทธศาสตร์ถอยเพื่อรุกเปลี่ยนแปลงประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สนธิ"เผยยุทธศาสตร์ถอยเพื่อรุก หลังตกผลึกความคิด หยุดสู้รายประเด็น มุ่งให้ปัญญาคนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ชี้ต้องรีเซ็ตการเมืองใหม่ หยุดการเมืองแบบบวกตัวเลขหาผู้ชนะ แต่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม เฉลี่ยผลประโยชน์เท่าเทียม คนยากคนจนมีโอกาสทำมาหากิน เชื่อประชาชนทำเองได้ หากมีปัญญา ไม่ต้องขอรัฐบาลพระราชทาน ย้ำสภาเดรัจฉานหมดค่าแล้ว นักการเมืองไม่มีใครเสียสละ



นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว"ไทยโพสต์"เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ฉบับแทปลอยด์วันอาทิตย์ที่ 1 ก.ย.นี้ "ASTVผู้จัดการออนไลน์"นำรายละเอียดการให้สัมภาษณ์แบบคำต่อคำมานำเสนอ

ถาม อยากให้ฉายภาพนิดหนึ่ง ว่าถอยเพื่อรุกนี่คืออะไร

สนธิ-
คือ ส่วนตัวผมแล้วกันนะ ช่วงหลังผมเริ่มตกผลึกในเรื่องของการเคลื่อนไหวและการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ถ้าคุณมองตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ที่เราสู้ระบอบทักษิณ แล้วต่อมาเราก็สู้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะว่าเราไม่สู้ก็ไม่ได้ เพราะว่าเรามีความรู้สึกว่า ถ้าปฏิวัติทั้งทีแล้วไม่กล้าปฏิวัติประเทศไทย เราถือว่าเสียของ นี่ส่วนตัวผมนะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ก็คือเข้ามาในลักษณะสมบัติผลัดกันชม แล้วพอมีเลือกตั้ง สมัคร สุนทรเวช เข้ามา แล้วก็สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนกระทั่งมาเป็นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วก็มาที่ยิ่งลักษณ์

คือสรุปง่ายๆ ว่าเราต่อสู้ทางความคิด เราต่อสู้กับพวกระบอบทักษิณ นปช. เสื้อแดง แล้วในช่วงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาล เราก็ต่อสู้กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในเรื่องของเขาพระวิหาร ในเรื่องของการโกงน้ำมันปาล์ม ในเรื่องของ ปตท. ก็คือสู้ทั้งแดงทั้งฟ้า

พอมาวันนี้เราก็มามองว่า เอ๊ะ ผลของการสู้มันเป็นอย่างนี้ แต่ว่าเหตุมันอยู่ที่ไหน พอเราเห็นระบบทุกอย่างที่มันล่มสลายแล้ว เราก็คิดว่า ไม่ไหวแล้ว เราสู้เป็นประเด็นไม่ได้ ถ้าสู้เป็นประเด็น สู้ไปจนตาย วันนี้เรื่องของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พรุ่งนี้เรื่องของ พ.ร.บ.2 ล้านล้าน มะรืนเรื่องของ ปตท. มะเรื่องเรื่องของสวนยาง ว่าไปเรื่อย ไม่จบเสียที เราก็เลยมองไป ปรากฏว่าต้นเหตุของปัญหาคือระบบการเมืองในประเทศไทย แล้วเรามองแล้ว ประเทศไทยมันต้องการการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนจริงๆ

อย่าเพิ่งถามผมว่าจะทำอย่างไรให้มันเปลี่ยน อันนั้นตอนท้ายๆ เดี๋ยวค่อยคุย ที่สำคัญที่สุดคือทำอย่างไรที่จะให้คนเห็นว่าทุกวันนี้สู้กันในกรอบของวงจรอุบาทว์หมดเลย (โทษนะ) เหี้ยไปจัญไรมา เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา ไม่จบ แล้วเราก็ไม่ได้เทิดทูนเชิดชูพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะดีกว่าพรรคเพื่อไทยมากน้อยแค่ไหน อาจจะมียางอายมากหน่อย แต่โดยพฤติกรรมของความเป็นนักการเมือง ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย เราก็มาดูคนอย่างบรรหาร ศิลปอาชา หรือว่าพรรคเล็กพรรคน้อย สรุปแล้วพรรคพวกนี้ที่อ้างว่าทำเพื่อประชาชน ก็ไม่ใช่ เพราะเข้ามาเพื่อขอร่วมรัฐบาล ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลชุดไหนที่ไม่ร่วมกับรัฐบาล

สมัยประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก็มีแค่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีใครไปแซมตรงนั้นเลย พอเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ก็มีพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยบางส่วน เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งภูมิใจไทยก็เป็นที่เข้าใจได้ เพราะว่าเป็นพรรคของเนวิน ชิดชอบ เพื่อไทยเขาไม่เอา ทักษิณ ชินวัตร ไม่เอา เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับระบบการเมือง ที่ผมเรียกว่าทำให้มันเกิดสิ่งที่ผมเรียกว่า "สภาเดรัจฉาน"

สภา ทำไมถึงเป็นสภาเดรัจฉาน เพราะว่าเวลาอยู่นอกสภา ใช้หลักรัฐศาสตร์ ใช้หลักนิติศาสตร์ ใช้หลักตรรกศาสตร์ แต่พอเข้าสภา ดันทะลึ่งใช้หลักคณิตศาสตร์ บวก ลบ คูณ หาร ตัวเลข ใครมีเสียงข้างมากก็ชนะ มันก็จบด้วยเสียงข้างมาก แค่นี้เอง แล้วพอเรามาดูสิ่งที่พวกเราเรียนรู้มากันตั้งแต่หนุ่มตั้งแต่แน่น ตั้งแต่เด็ก ว่า ถ้าประชาธิปไตย มันต้องมีสภา มันต้องมีฝ่ายบริหาร มันต้องมีฝ่ายตุลาการ 3 อำนาจนี้ต้องเป็นอิสระซึ่งกันและกัน แต่ในข้อเท็จจริง ถ้าเราไม่โกหกตัวเราเอง เป็นมานานแล้ว บริหารกับนิติบัญญัติเป็นพวกเดียวกันหมด แล้วในที่สุด พรรคไหนมีเสียงข้างมาก คนนั้นก็ได้เป็นประธานสภา ถ้าอย่างนั้นแล้ว การแยกอำนาจนิติบัญญัติ แยกอำนาจบริหาร ก็โกหกหลอกลวงสิ ทุกคนเข้าใจ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นรามคำแหง ที่ไหนก็สอนมา เด็กนักเรียนที่เรียนรัฐศาสตร์ก็เรียนรู้มาแบบนี้ แต่ข้อเท็จจริงมันไม่ใช่อย่างนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย

เราดูคุณภาพการศึกษาที่ต่ำลงๆ เราดูสถานภาพของชาติบ้านเมืองที่คนมีแต่เสียภาษี แต่ไม่ได้รับผลตอบแทนจากการเสียภาษีคืนมาในรูปแบบของความมั่นคงในชีวิต ในรูปแบบของชีวิตความเป็นอยู่ ในรูปแบบของความปลอดภัยในชีวิต เรามาดูบทบาทของตำรวจ หรือล่าสุดเมื่อวานนี้ ข่าวเมื่อเช้านี้ก็เห็นชัดเจนว่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พาทหาร 2 คน ไปพบทักษิณ เพื่อที่จะขอไฟเขียวให้เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม หรือทหาร ตำรวจ ทุกคนที่อยากจะได้ตำแหน่ง ต้องไปหาทักษิณ แล้วทักษิณคือใคร ถ้าทักษิณไม่ใช่นักโทษผู้หนีคดี แล้วทำไมทักษิณถึงมีบทบาทอย่างนี้ แล้วนายกรัฐมนตรีคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำอะไรอยู่ คือทุกอย่างมันโกหกไปหมดเลย ผมก็เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องไม่อยู่ในวังวนนี้ ผมต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ แล้วผมก็ต้องสู้ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงประเทศ ถามว่ายากมั้ย ยากมาก แต่ต้องทำ เพราะฉะนั้นนี่คือเป้าหมายที่ผมจะต้องเดินต่อไปจากนี้ไป แต่ผมไม่ใช่แกนนำอีกต่อไปแล้ว แต่ผมก็จะใช้ส่วนตัวผม ใช้เครือข่ายผมที่มีอยู่ ให้ปัญญากับคน

คือสังคมไทยมันเป็นสังคมที่พะรุงพะรังมาก หลายเรื่อง มันต้องรีเซ็ต เหมือนโทรศัพท์ พอมันแฮงก์เราต้องกดรีเซ็ตใหม่หมด หรือว่ากลับไปที่ศูนย์ใหม่ แล้วมานั่งคุยกันว่า เฮ้ย! ไม่ได้แล้ว ชาติบ้านเมืองอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ แล้วถ้าเรามองย้อนหลังไปแล้ว ประชาธิปไตยที่เราเอามา มันเป็นประชาธิปไตยที่ฝรั่งมันมอบให้เรามา ทุกอย่างเป็นประชาธิปไตยหมด แม้กระทั่งการถกเถียงในสภา เมื่อเช้านี้ ที่บอกว่าที่มาของ ส.ว. คนก็บอกต้องให้ประชาชนเลือก ก็มันเป็นฐานเสียง ส.ส.ฐานเดียวกัน เมื่อเลือกขึ้นมาแล้วคุณก็ได้ ส.ว.ซึ่งมาจากฐานเดียวกับ ส.ส. ถ้าอย่างนั้นคุณจะมี ส.ว.ไปทำไม เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือสิ่งซึ่งผมบอกว่าผมยุติบทบาทในฐานะแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะว่าผมไม่อยากจะไปทะเลาะกับใครอีกแล้ว ผมไม่อยากไปทะเลาะกับเสื้อแดง ผมไม่อยากไปทะเลาะกับเสื้อฟ้า ผมไม่เอาแล้ว ผมคิดว่าเรื่องของชาติบ้านเมืองใหญ่กว่า ผมอยากจะเดินหน้าเพื่อเสนอการเปลี่ยนแปลงประเทศเพื่อคนไทย 65 ล้านคน ไม่ใช่เพื่อคนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ล้านคน หรือคนที่เลือกพรรคเพื่อไทย 15 ล้านคน

ถาม- อะไรที่เป็นปัจจัยเงื่อนไขสุดท้ายที่ทำให้แกนนำทั้งหมดประกาศยุติบทบาท เป็นเพราะว่าประชาธิปัตย์ไม่ยอมลาออก?

สนธิ-
นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่จริงๆ มันไม่ใช่เป็นส่วนใหญ่ คือตอนนั้นเราก็มองแค่ประชาธิปัตย์ แต่วันนี้เรามาตกผลึกแล้วจริงๆ ไม่ใช่ประชาธิปัตย์เจ้าเดียว มันทุกเจ้าเลย ตอนนั้นถ้ามองในเรื่องของยุทธวิธีทางการเมือง ยุทธวิธีทางมวลชน ถ้าประชาธิปัตย์ วันแรกที่เข้าสภาแล้วแพ้คะแนนเสียงในเรื่องของการเลื่อนวาระ เผด็จการรัฐสภาเกิดขึ้น ประชาธิปัตย์ต้องเดินออก แล้วลาออกเลย เมื่อลาออกสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรครัฐบาลเจ้าเดียวที่อยู่ในสภา ไม่มีฝ่ายค้าน การพิจารณาเรื่องอะไรก็ตามในสภาต้องหยุดทันที อย่างน้อยที่สุดต้องตั้งโต๊ะเจรจากัน ดีที่สุดก็คือว่า อย่างน้อยที่สุดถ้าเขาจะกลับไปอีกที พวกพรรคเพื่อไทยก็ต้องให้เหตุผลว่าเขาจะฟังพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น อันนี้คืออย่างเลวที่สุด แต่อย่างดีที่สุดคือออกมาแล้วลาออกเลย และเดินหน้าเพื่อที่จะเรียกมวลชนทั่วประเทศเพื่อให้เปลี่ยนแปลงประเทศ แต่ผมขอพรรคประชาธิปัตย์มากไป เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์คือส่วนหนึ่งของปัญหา เพราะเขาต้องการจะรักษาสถานภาพตัวเขาเอง เขาต้องการจะรักษาสิทธิประโยชน์ เขาต้องการจะรักษาในเรื่องภาพพจน์ของเขา ซึ่งผมก็รู้ว่าสิ่งซึ่งเขามาอ้างตลอดเวลาว่าเขายังมีกฎหมายที่ต้องแก้ในสภา ต้องต่อสู้ในสภาอีกเยอะ แต่คำถามที่เขาตอบผมไม่ได้คือ เยอะ แล้วยังไง? เพราะว่าพอเขากดเครื่องคิดเลข มันก็จบ ใช่มั้ย สู้คุณออกมาเดินหน้ากับประชาชน

พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ไม่เชื่อในพลังของประชาชน เขามีความรู้สึกว่า ทำไมไม่ให้เขาสู้ในสภาไป มวลชนก็สู้นอกสภาไป ไม่ใช่ ผลกระทบมันไม่รุนแรงเท่ากับเขาออกมา แล้วเขาบอกเลยว่าเขาต้องการเปลี่ยนประเทศ และเขาต้องการเปลี่ยนระบบนี้ใหม่ แต่เผอิญเขาเป็นส่วนหนึ่งของระบบ และเขาก็หวังว่าจะได้ประโยชน์จากระบบนี้ เขาถึงไม่ออก อันนั้นคือตอนแรก

แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็คิดอยู่ตลอดเวลาตอนนั้น ถ้าเขาจะรอถึงวาระ 3 แล้วเขาค่อยออก ผมก็คิดว่ามันก็สายไปแล้ว เพราะว่าทั้ง 1 ทั้ง 2 ทั้ง 3 เขาให้ความชอบธรรมกับรัฐบาลไปเรียบร้อยแล้วนี่ เพราะรัฐบาลก็จะถามว่า ถ้าคุณไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก แล้วคุณจะมาลาออกตอนนี้เพื่อมาสู้เอามวลชนขึ้นมาเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง ทำไมคุณมาร่วมสังฆกรรมกับผม เป็นทั้งกรรมาธิการ ร่วมโต้วาทีในสภา แสดงว่าคุณขี้แพ้ชวนตีสิ เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์พลาดตั้งแต่วันแรกแล้ว มันก็เลยเป็นสายน้ำที่ไม่ไหลกลับมาอีก เพราะพรรคประชาธิปัตย์ลึกๆ เขาตั้งธงอย่างนี้ไว้แล้ว ว่าเขาต้องการให้มวลชนสู้คู่กับเขา และเขาต้องการให้พันธมิตรฯ ออกมานำอีก ซึ่งผมบอกไม่ใช่ ไม่ใช่ ผมไม่สู้เป็นรายประเด็น จำได้มั้ยตอนแรกสุดเขาบอกว่า ใครไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้ออกมา ผมไม่สู้ในรายประเด็นอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ตรงนี้ก็คือจุดเปลี่ยนครั้งแรก

พออยู่ต่อมา เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็มาดูเหตุการณ์ แล้วผมก็ถามตัวผมเองว่า ปี 2548 ผม 58 ปี แปดปีผมสู้มา ไม่เห็นอะไรเลย จนผม 66 แล้ว ผมจะต้องสู้รายประเด็นไปอีกจนถึงผมตะบันน้ำกินหรือยังไง ไม่ใช่แล้ว ถ้าผมจะต้องตายในอนาคต ขอใช้เวลาที่เหลือให้ปัญญาคนดีกว่า หรือว่านำคน หรือว่าร่วมกับมวลชน ที่เขาต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยไม่มีสี ติดอยู่เรื่องเดียว ถ้าเสื้อแดงต้องการจะมาร่วมด้วย เขาต้องก้าวข้าม 2 เรื่อง เรื่องแรก เขาต้องรู้ว่าเขาต้องไม่สู้เพื่อทักษิณ เขาต้องสู้เพื่อคน 65 ล้านคน เรื่องที่ 2 เขาต้องไม่หมิ่นสถาบันกษัตริย์นะ เขาต้องมีเจตนาชัดเจน บริสุทธิ์ ว่าเขาต้องการจะรักษาไว้ซึ่งสถาบันกษัตริย์ ระบบการเมืองที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถ้าเขาก้าวข้าม 2 เรื่องนี้ได้ ผมไม่ขัดข้องที่จะจับมือกับเขา และเขาจะต้องยึดถือในหลักนิติรัฐ ใครผิด ว่ากันไปตามผิด ถ้าไม่ผิด ก็ไม่ผิด และถ้าผิด ก็ต้องเป็นผิดไปเลย ไม่ใช่มานิรโทษกรรมความผิด ไม่ใช่ ถ้าเขาก้าวข้ามเรื่องพวกนี้ เขาก็คือคนไทยด้วยกันนี่เอง เพราะสิ่งที่ผมเสนอในการเปลี่ยนแปลงประเทศนั้น ลึกๆ คือสิ่งซึ่งเขาสร้างวาทกรรมในการโจมตีอำมาตย์ตลอดเวลา ถามว่าเขาก้าวข้ามตรงนี้ได้ไหม

คุณธิดา ถาวรเศรษฐ ก็บอกว่าเห็นด้วย แต่คุณชินวัฒน์ ส.ส.เพื่อไทย ซึ่งโตมาจากแท็กซี่ ก็บอกว่าไม่ได้ ถ้าก้าวข้ามทักษิณ ถ้าอย่างนั้นแล้ว ไม่ต้องมี นปช. ก็แสดงว่าพรรคเพื่อไทย ทุกอย่าง ยังติดหลุมพราง กับดักเดิมอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอนาคต นั่นคือทั้งหมดที่ผมตกผลึกมาจนวันนี้ แล้วผมรู้แล้วตอนนี้ ตอนนี้ผมตื่นมาตอนเช้าผมรู้ทันทีว่า ชีวิตผมต้องเดินไปยังไง ผมไม่สับสนอีกต่อไป ผมไปมุ่งเป้าที่ใหญ่ เพื่อใหญ่กว่า ทำได้มั้ย ยาก แต่ต้องทำ สำเร็จมั้ย ไม่รู้ แต่ต้องทำ

ถาม- ย้อนไปวันที่ก่อนตัดสินใจ แกนนำได้คุยกันตกผลึก มีความเห็นเป็นเอกภาพหรือเปล่า

สนธิ-
ยัง เป็นความคิดผมคนแรกก่อน แล้วผมก็เอาไปออกรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ สามอาทิตย์ก่อนที่จะมาประกาศ ผมไปเสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ลาออก ตอนนั้น ผมก็ยังพูดในทีวี ในรายการ ผมพูดชัดเจนว่าเป็นความคิดส่วนตัวผม หลังจากนั้นอาทิตย์ที่ 2 ผมก็พูดต่อ พอหมดอาทิตย์ที่ 2 แล้ว ผมตกผลึกว่าต้องยุติบทบาทแล้ว ผมก็ปรึกษา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คุณพิภพ ธงไชย 3 คน แค่นี้ ผมบอกผมมีความคิดอย่างนี้ ท่านจำลองมีความคิดยังไง แล้วก็คุณพิภพมีความคิดยังไง เราสามคนนั่งคุยกันสักพักหนึ่ง เราเข้าใจ เราก็บอกว่า จริงๆ แล้วพันธมิตรฯ มันเป็นนามธรรม แล้วแกนนำ คุณต้องเข้าใจนะ ไม่มีใครแต่งตั้งนะ เราตั้งกันเอง เพราะฉะนั้นแล้วเราจะไปหลงกับตรงนี้ทำไม เราต้องยุติบทบาท เราไม่ได้ใช้คำว่าลาออก เพราะเราไม่รู้จะไปลาออกกับใคร แต่เราขอยุติบทบาทเรา เราพอแล้ว แต่เราขอเป็นพันธมิตรฯ อย่างเดียว

แล้วตอนหลังก็เรียกทุกคนมาประชุม พอพูดเรื่องนี้ ตั้ว-ศรัณยู เอาด้วย ทุกคนเอาด้วยหมด เป็นมติเอกฉันท์ เห็นด้วยหมดทุกคน

และอีกประการหนึ่งที่เราต้องตัดสินใจอย่างนั้น ก็เพราะว่าในขณะนี้สังคมไทยมันพะรุงพะรังมากเหลือเกิน กลุ่มโน่น นี่ นั่น เต็มไปหมด เราไม่ต้องการให้คนที่เขาอยู่กับเรา เขาถามว่า เมื่อไรจะมีแกนนำพันธมิตรฯ ออกเสียที จะมีมติออกเสียที เมื่อไร ผมยังไม่ออก ผมจะรอมติ โน่น นี่ นั่น ผมก็เลยบอก อย่างนี้ดีกว่า เมื่อเราไม่ได้เป็นแกนนำแล้ว เท่ากับเราสลายทุกอย่าง ไม่ต้องมาฟังเรา ใครชอบ จะไปสวนลุมฯ ก็ไป ใครชอบจะไปผ่าความจริงกับพรรคประชาธิปัตย์ ไปเลย ไม่ต้องมารอว่าแกนนำจะมีมติหรือไม่มีมติ เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัวไป ส่วนตัวผมนั้น ก็อย่างที่บอก คิดว่าผมจะทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศดีกว่า

ถาม- อย่างที่หลายคนสงสัย ถ้าสมมุติว่าวันนั้นประชาธิปัตย์ลาออกมาจริง พันธมิตรฯ กับประชาธิปัตย์จะเคลื่อนอะไร เรื่องประเด็นไหน อะไร ยังไง

สนธิ-
ถ้าเขาลาออกจริง เขาต้องระดมมวลชน และผมก็ต้องระดมมวลชน เพื่อมาประท้วงตามรัฐธรรมนูญ ว่าระบบการเมืองทุกวันนี้เป็นระบบเผด็จการทางรัฐสภา นั่นล่ะคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น แล้วผมเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเขาเคลื่อนจริง เราร่วมกับเขาเต็มที่ แล้วผมก็อุตส่าห์บอกแล้ว ผมไม่ต้องการเป็นแกนนำ ให้เขานำ ผมจะร่วมกับเขา ผมพร้อม ผมเชื่อว่าคนมาเป็นล้าน คนมาเป็นล้านนี่คุณหลับตาวาดภาพแล้วกัน ในยุทธวิธี คนชุมนุมกันหน้าพระที่นั่งอนันตฯ แถวจะยาวไปจนถึงสนามหลวงเลยนะ ผมคิดว่ารัฐบาลชุดไหนก็ตาม ก็ต้องนั่งคุยด้วย พรรคเพื่อไทยก็ต้องคุยด้วย ตกลงจะเอายังไง ทหาร คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงจะสนิทสนมกับคุณยิ่งลักษณ์ยังไงก็ตาม ก็ต้องถอยออกมา 3 ก้าว แล้วยืนดูเหตุการณ์เฉยๆ แล้วตอนนั้นล่ะ จะเป็นการเจรจากันจริงๆ ว่าบ้านเมืองไปต่อด้วยระบบสภาเดรัจฉานแบบนี้ไปต่อไม่ได้แล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียสละ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เสียสละ เรื่องพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย

ถาม- ในมุมของประชาธิปัตย์ก็บอกว่าขอใช้สิทธิต่อสู้ในสภาก่อน ถ้ามันไม่ไหวค่อยออกมา

สนธิ-
แล้วยังไง นี่ไง ผมตอบว่า แล้วยังไง อย่าบอกว่ามันไม่ไหว เพราะมันไม่ไหวอยู่แล้ว เพราะเขาคิดใช้เครื่องคิดเลขคิด 319 เสียง ต่อ 160 คือประชาธิปัตย์ต้องการมีโอกาสใช้วาทกรรมในสภา ได้โชว์ฟอร์ม ได้พูด เขามีความสุขมากกับการพูด แล้วยังไง คำที่ผมพยายามบอกพันธมิตรฯ ที่เหลืออยู่ บอกว่าให้จำไว้ ให้จำคำนี้ไว้ดีๆ เป็นคำที่สำคัญมาก คือ "แล้วยังไง"

ถาม- ฟังจากที่คุณสนธิพูด นำเสนอแนวคิดนี้ ดูเหมือนว่าไม่เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา กลไกนิติบัญญัติ

สนธิ-
ระบบรัฐสภาแบบนี้ผมไม่เชื่อมั่น ผมไม่เชื่อมั่นในระบบการเลือกตั้งแบบนี้ ผมคิดว่าประชาธิปไตยแปลว่าการยกมือ หรือว่าการเลือกเข้าไป ประชาธิปไตยทุกวันนี้เป็นการหาจำนวนคนเข้าไป เพื่อไปกดบวก ลบ คูณ หาร ในสภาว่าใครมีเสียงมากกว่า แค่นั้นเอง ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น แล้ว ส.ส.แต่ละคน ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ คนหนึ่งมีงบลงจังหวัดคนละ 50 ล้าน 50 คน 25,000 ล้าน ข้อเท็จจริงก็คืองบลงจังหวัด พวก ส.ส.กินหัวคิวไป 20-30 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น ส.ส.คนหนึ่งต่อปีก็จะได้ค่าหัวคิวประมาณ 15 ล้านบาท 30 เปอร์เซ็นต์ ของ 50 ล้าน อยู่ 4 ปี ก็ 60 ล้าน ก็เท่ากับเงินลงทุนที่ลงไป อีกประการหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือ ผมรู้สึกว่าการเมืองระบบนี้ไม่ได้เปิดโอกาสให้ภาคส่วนอื่นได้มีส่วนร่วม จริงอยู่ ดูภาพข้างนอกเหมือนกับว่ามันเป็นการ One man one vote ใครชนะก็เอาไปสิ คนนั้นไป ชาติบ้านเมืองมันไม่ใช่เป็นเรื่องของ One man one vote ชาติบ้านเมืองมันมีองค์ประกอบเยอะมาก มันมีสื่อมวลชน มันมีทนายความ ถามคุณว่าข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว คุณจะทอดทิ้งเขาได้ยังไง ไม่ให้เขามีส่วนร่วมได้ยังไง ชีวิตเขาทั้งชีวิต อย่าว่าแต่แค่ปลัดกระทรวงเลย เอาแค่รองอธิบดี อธิบดี แล้วกัน ที่เกษียณอยู่บ้าน พวกนี้มีประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองมั้ย มี ถามว่าเศรษฐี ไม่ว่าจะเป็นคุณธนินทร์ เจียรวนนท์ หรือคุณเจริญ พวกนี้ พวกเศรษฐี อภิมหาเศรษฐีพวกนี้ เขามีส่วนร่วมในชาติบ้านเมืองนี้มั้ย เขามี งั้นถามต่อว่า แล้วคนจนล่ะ มีส่วนร่วมมั้ย ก็มี ชนชั้นกลางมีส่วนร่วมมั้ย มี ทุกคนมีหมด แต่เราไปสรุปเอาง่ายๆ ว่า ส่งคนลงเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นแล้ว การเมืองที่ถูกต้อง ที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม มันเป็นส่วนผสมของการทำอย่างไรก็ตามที่เอาคนที่มีบทบาทในสังคม หรือแม้กระทั่งพวกอำมาตย์ พวกที่มีเชื้อเจ้า อย่างน้อยที่สุดชาติตระกูลเขาในอดีตเขาก็ร่วมสร้างประเทศมา ถึงเขาจะเป็นแค่หม่อมหลวง หม่อมราชวงศ์ ตอนนี้ หรือเป็นนามสกุลใหญ่ๆ แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็มีส่วนร่วมเหมือนกัน เราจะทำยังไงที่จะทำให้สภาไทยเป็นเบ้าหลอมของคนแต่ละจุดเข้ามา เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ การเมืองที่แท้จริง คือจะทำยังไงให้เอาผลประโยชน์ประเทศชาติจ่ายเฉลี่ยออกไปให้ทุกคนได้ ได้มาก ได้น้อย ไม่เหมือนกัน แต่ว่าไม่ใช่มีแต่คนได้อยู่ฝ่ายเดียว แล้วที่เหลือเสีย

ถาม – นี่เป็นโมเดลของคุณสนธิ

สนธิ-
ไม่ใช่โมเดลผม แต่เป็นข้อเท็จจริง เป็นข้อเท็จจริง ลองกลับไปคิดดูสิ คุณลองกลับไปคิดดูสิ เพราะฉะนั้นแล้วการเมืองที่ถูกต้องในสายตาของผม ไม่ได้แปลว่าการเลือกตั้งอย่างเดียว การคัดสรร การจัดสรร การแต่งตั้ง และการเลือกตั้ง ผสมผสานกัน มันถึงจะเป็น และอีกอย่างหนึ่ง ทำไมคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง นี่คือการมัดไง เป็นการมัดเพื่อเอาโบนัสสุดท้ายให้กับคนที่ลงทุนในพรรคการเมือง ลองคิดให้ดีๆ ทำไมรัฐมนตรีไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งก็ได้ แต่ทำไมนายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง เห็นหรือยัง เพราะว่าโดยพื้นฐานโครงสร้างของอำนาจของประเทศไทย นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุด ใหญ่ที่สุด เหมือนกับเป็นพระเจ้าเลย

ดูสิ วันนี้ใครเป็นนายกฯ เราก็รู้ว่าคนที่เป็นนายกฯ ตัวจริงคือทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะนายกฯ มีสิทธิ์ยุบสภา นายกฯ มีสิทธิ์เปลี่ยน ครม. นายกฯ มีสิทธิ์ที่จะให้คนนั้นออก ตั้งคนนี้ขึ้นมาใหม่ แล้วทำไมทักษิณ ชินวัตร ถึงไม่เอาคนอื่นที่มีความสามารถ ทำไมต้องเอาน้องสาวตัวเอง เพราะว่าต้องการจะกำกับให้หันซ้ายหันขวาได้ แล้วนี่เป็นประชาธิปไตยอะไร ตอบผมหน่อยสิ แค่นี้ก็ผิดแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว เรายังไม่ได้มานั่งคุยกันเลยในชาติบ้านเมืองว่าเราจะปกครองกันยังไง หลักการปกครองเรายังไม่มีเลย เรามีอยู่อย่างเดียว เราเอาไอ้พวกนักวิชาการบ้าบอคอแตก จบจากเยอรมันบ้าง จบฝรั่งเศสบ้าง มานั่งสุมหัวกัน แล้วบอกเราต้องมีรัฐธรรมนูญนะ แล้วมันก็ร่างกันอยู่แค่นี้ มันไม่ถามประชาชนเลยว่าจะร่างกันยังไง และในขณะเดียวกัน ทำไมโรงเรียนในจังหวัดต่างจังหวัด คุณเป็นคนกรุงเทพฯ หรือเปล่า ... ที่ไหน (กรุงเทพฯ) ทำไมโรงเรียนในนครสวรรค์ คุณภาพการศึกษามันถึงสู้โรงเรียนในกรุงเทพฯ ไม่ได้ คนไทยด้วยกัน ไม่เคยมีใครตั้งคำถามแบบนี้ เพราะว่าอำนาจทุกอย่างมันถูกรวมมาอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ ศูนย์อำนาจทุกอย่างมันถูกรวมอยู่ที่กรุงเทพฯ งบประมาณทุกบาททุกสตางค์มารวมอยู่ที่นี่ ด้วยเหตุนี้การเล่นการเมืองของพรรคการเมืองก็คือว่า แย่งชิงกันมา เพื่อมาใช้อำนาจในส่วนกลาง เพื่อจ่ายออกไปต่างจังหวัด ทำไมอำนาจการศึกษาไม่ลงไปที่นครสวรรค์ และงบประมาณการศึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนครสวรรค์ ทำไมถึงไม่ลงไปที่นครสวรรค์ นี่คำถามผมไง

ทำไมการประมูลสร้างทาง สมมุติว่าคุณจะสร้างทางสายเอเชียสายใหม่ กรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ ทำไมต้องเป็นบริษัท ไม่เกิน 5 บริษัท ในกรุงเทพฯ ได้ ทำไมต้องเป็น ช.การช่าง ทำไมต้องเป็นประยูรวิศว์ ทำไมต้องเป็นสี่แสงโยธา ทำไมต้องเป็นอยู่ 2-3 บริษัท ทำไมเส้นทางที่ผ่านนครสวรรค์ 150 กิโลฯ มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท หรือ 6,000 ล้านบาท ทำไมไม่เป็นของนครสวรรค์ เข้าใจหรือยัง มันไม่ใช่ไง เพราะมันรวมทุกอย่างอยู่ที่นี่ นี่คือการกระจายอำนาจที่แท้จริง นี่คือการส่งเสริมการปกครอง คุณบอกว่าประชาชนคนไทยต้องการที่จะปกครองตัวเอง เราต้องให้เขาปกครองตัวเอง การปกครองตัวเองจะปกครองได้ถ้าเราเอางบประมาณลงไปให้เขาจริงๆ ไม่ใช่ให้เขารับเศษกระดูกอย่างทุกวันนี้ ถ้าอย่างนั้นแล้วการค้าใน จ.นครสวรรค์ เจริญเติบโตมั้ย เจริญเติบโต บริษัทก่อสร้างนครสวรรค์มีอยู่หลายบริษัท ถ้างานมันใหญ่ไป มันต้องรวมตัวกัน ตั้งเป็นบริษัทรวมเพื่อเอางานนี้มาทำ หิน ทราย อิฐ ปูน นครสวรรค์ วิศวะ พิษณุโลก จบ ม.สุรนารี จบ ม.นเรศวร จบวิศวโยธา จบเสร็จมันมีงานทำที่ไหน นครสวรรค์ หรือไม่ก็ที่พิษณุโลก เพราะงบประมาณอยู่ที่นั่น คนไม่ต้องลงมากรุงเทพฯ แต่มันทำไม่ได้เพราะนักการเมืองและระบบการเมืองนี้คือการรวบอำนาจไง เพราะถ้ามันทำอย่างนี้แล้ว การเป็นรัฐมนตรีมันไม่ได้ผลประโยชน์

ถาม- ที่บอกว่าจะออกไปขับเคลื่อนเรื่องแนวทางการปฏิรูปอะไรต่างๆ อยากให้พูดให้เป็นรูปธรรมว่าตรงไหน อะไร อย่างไร

สนธิ-
ผมคิดว่าการขับเคลื่อนอันแรกต้องให้ความรู้คน ต้องให้ความรู้ว่าระบบปัจจุบันนี้มันไปไม่ได้แล้ว แล้วถ้าอยู่ต่อไปอย่างนี้ ในที่สุดประเทศไทยจะมีแต่นักการเมือง วันนี้เรามีคน 500 คนที่มาปกครองเรา แล้วสติปัญญาคน 500 คนนี้ ใช้ไม่ได้เลย ไม่ถึงขั้นมาตรฐานเสียด้วยซ้ำ เราต้องชี้ให้เห็นว่าประชาชนทุกคน 65 ล้านคน มีสิทธิมีส่วนในผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ในงบประมาณของชาติบ้านเมืองทุกบาททุกสตางค์ มีหมด คือเราต้องให้ความรู้เขาก่อน ว่าระบบนี้มันเลวตรงไหน มีอย่างไหนบ้างที่มันน่าจะดี น่าจะแก้ไขได้ มีอย่างใดบ้างที่จะทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ได้รับคุณภาพชีวิตมากขึ้น

ผมชอบยกตัวอย่าง การศึกษา ถ้าโรงเรียนรัฐบาลทุกแห่งที่มาจากกระทรวงศึกษาฯ ในนครสวรรค์ ถูกโอนเข้าสู่นครสวรรค์หมด โอนหมดเลยนะ งบประมาณที่มี เรื่องเงินเดือน เรื่องค่าใช้จ่าย ตัดไปให้นครสวรรค์ กระทรวงศึกษาฯ ทำอย่างนี้ทุกจังหวัด กระทรวงศึกษาฯ จะเล็กเลย จะไม่มีการแย่งขิงตำแหน่งกัน คนโน้นเป็นอธิบดี คนนี้เป็นผู้อำนวยการ เลิกหมด กระทรวงศึกษาฯ ทำหน้าที่เป็นคนที่ควบคุม ควบคุมคุณภาพการศึกษา มีการทดสอบมาตรฐานเด็กที่จบ ป.7 เด็กที่จบ ม.3 เด็กที่จบ ม.6 โดยกระทรวงศึกษาฯ เป็นคนทดสอบ ทดสอบมาตรฐานเรื่องภาษาอังกฤษ เรื่องภาษาไทย โน่น นี่ นั่น ผมถามคุณซิว่า พอทดสอบภาษาเสร็จเรียบร้อยแล้วปรากฏว่าเด็กที่จบ ม.3 ของนครสวรรค์ มาตรฐานอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สู้มาตรฐานของเด็กสิงห์บุรีไม่ได้เลย คุณว่าคนนครสวรรค์โกรธมั้ย โกรธตายห่าเลยใช่มั้ย ใครเจ็บตัว นายก อบจ.เจ็บตัว ตรงนี้คือการสอนประชาธิปไตยให้คน เอาผลประโยชน์ไปให้เขาปกป้อง เพราะฉะนั้นแล้วการเมืองท้องถิ่นจะดีขึ้น คนจะเริ่มมีส่วนร่วม เฮ้ย! นี่ของกูนี่หว่า นี่มันโรงเรีน นี่มันลูก นี่มันลูกฉัน ทำไมลูกฉัน ภาษาอังกฤษมันถึงสู้เด็กซึ่งมันจบสิงห์บุรีไม่ได้ นี่คือการแข่งขันที่แท้จริง แต่ว่าแข่งขันเพื่อให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

ถาม- แล้วการเมือง มีแนวคิดปฏิรูปอะไร ยังไง

สนธิ-
คือผมคิดว่าทุกคนต้องหยุดเล่นการเมือง อย่างน้อย 2-3 ปี มีรัฐบาลชั่วคราวเกิดขึ้น แล้วมานั่งคุยกันใหม่ คือการรีเซ็ตกลับไปที่ 0 ผมรู้ว่ายาก แต่เป็นวิธีเดียว ต้องรีเซ็ตกลับไปที่ 0 ใหม่ นักการเมืองต้องเสียสละ ซึ่งผมคิดว่าเขาไม่เสียสละ ผมรู้ว่าเป็นเรื่องของความยากมาก แต่ผมต้องทำ อย่างน้อยที่สุด ถึงไม่สำเร็จ ถ้าผมตายไป วันนี้ผมตายไปอย่างน้อยที่สุด ถ้ามีประชาชนอย่างน้อย 10-20 เปอร์เซ็นต์ เข้าใจในสิ่งที่ผมคุย ผมถือว่าโอเคแล้ว แล้วค่อยๆ กระจายไปเรื่อยๆ

ถาม- หมายถึงแช่แข็ง?

สนธิ-
แน่นอนที่สุด กำหนดชัดเจน เพื่อดูแลประเทศไทย แต่กำหนดวาระของการปฏิรูปประเทศและเปลี่ยนแปลงประเทศ ไม่ใช่เรื่องการศึกษาอย่างเดียว การเงินการทอง โอกาสของคนทำมาหากิน ทำไมคนจนถึงไม่มีโอกาสที่จะเปิดร้านอาหาร ทำไมคนอีสาน บ้านไผ่ ถ้าอยากจะเปิดร้านอาหาร ทำอาหาร หนึ่ง เขาต้องมีทุน สอง เขาต้องเรียนรู้วิธีการทำอาหาร ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ทำไมเดี๋ยวนี้มีกอร์ดอง เบลอ ที่กรุงเทพฯ รู้ใช่มั้ย โรงเรียนสอนทำอาหาร คุณรู้มั้ยค่าเรียนเท่าไร 3 เดือนเกือบ 2 แสนบาท เพื่อเรียนทำอาหารฝรั่ง ทำไมต้องมีแต่ลูกเศรษฐีเรียนล่ะ ทำไมลูกชาวบ้านเรียนไม่ได้ นี่ไง ถ้าคุณจะประชานิยม คุณต้องประชานิยมในลักษณะนี้ ลงทุน ฝึกอบรม เอาครูสอนการทำอาหารฝรั่งเศส เอาครูเชฟมาจากเมืองจีน เปิดศูนย์ทำอาหาร เอาคนจากตำบล จากอำเภอ เข้ามาเรียนรู้การทำอาหาร พอเรียนรู้เสร็จเรียบร้อย ทำเป็น ได้ประกาศนียบัตรแล้ว รัฐให้ทุนสนับสนุน เงินก้อนแรกแสน สองแสนบาท เงินกู้ไม่ต้องมีอะไรค้ำประกัน เพื่อมาเปิดทำธุรกิจส่วนตัว นี่คือประชานิยมที่สอนให้คนทำมาหากิน ไม่ใช่ประชานิยมเอาเงินเข้าไปยัดมือเขา แล้วก็หวังจะได้คะแนนเสียง ผมแค่ยกตัวอย่างเรื่องเดียวพอ ยังมีอีกเยอะ นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ผมอยากเห็น อยากเห็นคนมีโอกาส อยากเห็นคนมีโอกาสจริงๆ มีโอกาสในการทำมาหากิน มีโอกาสในการเข้าสู่ทุน มีโอกาสในการที่จะให้ลูกหลานได้รับการศึกษาที่มีคุณค่า มีคุณภาพ ทัดเทียมกับคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ และนี่คือการเมืองที่แท้จริง และนี่คือประชาธิปไตยที่แท้จริง ประชาธิปไตยไม่ได้แปลว่ายกมือในสภา ประชาธิปไตยไม่ได้แปลว่าเลือกมาแล้วคุณได้เสียงกี่เสียง ไม่ใช่ เข้าใจผิดกันหมดเลย นั่นคือการบวกตัวเลขของนักลงทุน

ถาม- จะให้เกิดเป็นรูปธรรม ก็ต้องอาศัยมวลชน ประชาชนและผู้มีอำนาจนี่ ตรงนี้มันเป็นแค่แนวคิด

สนธิ-
แนวคิด แต่ก็ต้องขายไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าจะมีคนเห็นด้วย การเมืองแบบนี้เป็นการเมืองกินตัวเองสิ ถ้าไม่มีใครคิด ถ้าไม่มีใครดำเนินการ ถ้าไม่มีใครเดินหน้า ให้ความรู้คน จะปล่อยให้มันเฉาตายไปอย่างนี้ได้ยังไง ไม่ได้ คนที่จะเข้ามาเล่นการเมืองต้องเสียสละ เมืองไทยยังไม่มีนักการเมืองคนไหนที่เสียสละ ไม่มี มีแต่ทำเพื่อพรรค มีแต่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้นเอง คุณไปดูสิ บัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองที่ ป.ป.ช.ประกาศมา คุณดูแล้วตกใจมั้ย คนบางคนอาชีพไม่มี ไม่เคยมี มีเงินอยู่ร้อย เกือบๆ สองร้อยล้าน อย่าให้ผมเอ่ยชื่อ คุณก็รู้ว่าใคร ใช่มั้ย ทุกคนมีเงินหมด ร่ำรวยหมด ขนาดไม่มีๆ ก็สิบกว่าล้าน อาชีพนักการเมืองเป็นอาชีพที่ร่ำรวยจากการฉ้อราษฎร์บังหลวง แล้วการคอร์รัปชันมันกำลังเป็นบ่อนทำลายเสาหลักของชาติ ชาติบ้านเมืองมันผุกร่อนหมดแล้ว วันนี้ไม่มีใครคิดถึงชาติ แปลกมาก คิดถึงแต่ตัวเอง ฉันโกยได้เท่าไร ฉันโกย เพราะว่าเมื่อชาติล่มสลายฉันอยู่ของฉันได้ แต่คนฉิบหายคือใคร ผม คุณ คุณ แล้วทุกวันนี้พวกคุณมีความสุขกันเหรอ คุณเจอน้ำมัน 2 ลิตร/100 แล้วอีกหน่อยไม่ถึง 2 ลิตร ก็ 100 แล้ว เพราะน้ำมันวันนี้ขึ้นเป็น 108 เหรียญต่อ 1 บาร์เรล เพราะว่าสงครามซีเรียจะเกิดขึ้น

ถาม- การรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่อย่างที่คุณสนธิพยายามพูด การเมืองมันต้องมีกลไก มันต้องมีวิธี จะทำยังไง

สนธิ-
คุณอย่ามาถามผมตรงนี้ ผมไม่รู้มันจะเกิดยังไง แต่ว่าผม ณ เวลานี้ ผมเซ็ตตัวเองที่ 0 แล้ว ผมเริ่มใหม่ ผมเริ่มเปลี่ยนประเทศ ถ้าคุณถามโน่น นี่ นั่น ผมตอบไปเดี๋ยวคุณก็ถามต่อๆๆ ในทำนองว่าไม่รู้จักจบสิ้น จะทำได้ยังไง ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ ถ้ามีคนคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แล้วไม่ทำนะ ในโลกนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันต้องมีคนคิดก่อน ต้องถามตัวเองว่า ที่ผมคิดมีเหตุผลมั้ย อย่าเพิ่งถามว่าทำได้/ไม่ได้ คุณเห็นด้วยหรือเปล่า ว่าสิ่งที่ผมคิดมันดีกับประเทศไทย กับคนไทย 65 ล้านคน มันไม่ดีกับนักการเมือง 500 คนหรอก แล้วทหารทุกวันนี้ ที่เป็นวันนี้ ตำรวจทุกวันนี้ ที่เป็นวันนี้ ข้าราชการเลวๆ ที่เป็นทุกวันนี้ เป็นเพราะใคร เป็นเพราะนักการเมืองทั้งนั้น ตั้งแต่บ้านเมืองเรามีการเมืองมา ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ปี 2475 จนถึงวันนี้ ไม่มีการพัฒนาอะไรที่ดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว รวมไปจนถึงเผด็จการทหารด้วย ทั้งหมด เพราะว่าทุกคนไม่ได้เอาชาติเป็นตัวตั้ง เมืองไทยเดี๋ยวนี้หาคนที่เสียสละ หายากมาก ผมนี่ก็มาเสือก ผมก็ลูกเจ๊กคนหนึ่ง ยังมาเสือกเรื่องนี้ แต่ผมสู้มาตั้งแต่ปี 48 แล้ว ผมหยุดสู้ไม่ได้

ถาม- เป็นการทำให้เกิดปฏิวัติประชาชน

สนธิ-
จะทำอะไรก็ตาม ข้อแรกสำคัญที่สุด คือทำให้ประชาชนมีองค์ความรู้ก่อน มีปัญญาก่อน ผมคิดว่าอะไรก็สู้เรื่องปัญญาไม่ได้ ผมนี่ภูมิใจในพันธมิตรฯ ที่เหลืออยู่กับผมทุกวันนี้ สำหรับผมแล้วพวกเขาคือทองคำแท้ เพราะเขาเป็นคนที่เข้าใจเรื่องทุกเรื่องเลย เรื่องบางเรื่องยังไม่ทันพูดเลย เขาอธิบายเสร็จ จบ ทุกขั้นทุกกระบวนการ ถ้าผมสามารถทำให้ประชาชนที่เหลือในประเทศคิดเป็นเหมือนเขา มีปัญญาเหมือนเขา ประเทศไทยไปรอดแน่ แต่ภารกิจมันยังมีอีกเยอะ ต้องทำอีกเยอะ

ถาม- อย่างการกลับมาของพันธมิตรฯ มันจะมีภายใต้เงื่อนไข

สนธิ-
ผมไม่ได้กลับมา

ถาม- หมายถึงแกนนำ

สนธิ-
ผมไม่ได้กลับมาเป็นแกนนำ

ถาม- อนาคต

สนธิ-
อนาคตไม่รู้ ผมตอบให้ไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ผมรู้ ผมจะไม่สู้เพื่อให้ใครคนใดคนหนึ่งมีอำนาจในรัฐบาล แต่ผมจะสู้เพื่อเปลี่ยนประเทศทั้งประเทศ

ถาม- อนาคตถ้าประชาธิปัตย์ออกมาหลังวาระ 3 ผ่าน ออกมาสู่นอกสภา แล้วจะมาร่วมกับพันธมิตรฯ ...

สนธิ-
สายไปแล้ว แล้วผมไม่คิดว่าเขาออก เพราะคุณสุเทพพูดวันนั้นไง พ้นวาระ 3 ก็ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญต่อ ใช่/ไม่ใช่ จากเดิมที เริ่มแรกบอกขอวาระ 3 แล้วจะออก ตอนนี้บอกไม่ได้แล้ว ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญก่อน แล้วถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จล่ะ ก็ยังมีศาลไคฟงต่อ แล้วยังมีศาลพระภูมิต่อ

ถาม- เดาใจยังไงประชาธิปัตย์ก็ไม่ออกมา

สนธิ-
ไม่มีทาง ประชาธิปัตย์ไม่เคยเสียสละเพื่อชาติเลย เพื่อไทยก็ไม่เคยเสียสละเพื่อชาติ นักการเมืองไม่มีใครเสียสละเพื่อชาติเลยแม้แต่นิดเดียว จบข่าว เชื่อผม

ถาม- สามกลุ่มจะรวมกันได้มั้ย มวลชนประชาธิปัตย์ มวลชนพันธมิตรฯ มวลชนสวนลุมฯ

สนธิ-
ถ้าเขาเห็นด้วยกับการเปลี่ยนประเทศ ได้ แต่ถ้าเขาเห็นว่าไม่ได้ ต้องเอาระบอบทักษิณไปก่อน ต้องเอา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก่อน เชิญคุณตามสบาย

ถาม- ยังไงก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง

สนธิ-
ต้องมีการเปลี่ยนแปลง

ถาม- ถ้าผิดจากนี้คุณสนธิไม่ ...

สนธิ-
ผมไม่เอา ยังไงก็ไม่เอา ผมไม่ต้องการสู้เป็นประเด็น ผมไม่ต้องการสู้เป็นประเด็นเข้าใจใช่มั้ย ผมต้องการสู้ทั้งโครงสร้าง

ถาม- ย้อนกลับไปตรงที่คนหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมสัมพันธภาพระหว่างพันธมิตรฯ กับประชาธิปัตย์ ซึ่งดูเหมือนในอดีตค่อนข้างจะดีต่อกัน เรื่องคดีความ เรื่อง 91 ศพ?

สนธิ-
นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเราสู้มาตั้งแต่ต้น เราไม่ยึดพรรค คำว่า "เรา" พวกผมนะ พวกผม แกนนำ แล้วก็พวกพันธมิตรฯ พันธุ์แท้เลยนะ เราถือว่าใครก็ตามทำร้ายชาติบ้านเมือง เราไม่เอาด้วย ในช่วงพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำร้ายชาติบ้านเมือง เราไม่เอาด้วย ตรงนั้นคือจุดแตกหัก เพราะประชาธิปัตย์ตีกิน ไปมองว่า พันธมิตรฯ นี่พวกประชาธิปัตย์นะ เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์ทำอะไรก็ได้ พันธมิตรฯ อย่ามาวิพากษ์วิจารณ์ เพราะฉะนั้นแล้ว สาวกประชาธิปัตย์ กับสาวกเสื้อแดงนี่ นิสัยเหมือนกันเลย หูหนวกตาบอด อภิสิทธิ์ทำอะไรถูกหมด ทักษิณทำอะไรถูกหมด ผมไม่เอา ขอโทษ ผมไม่เล่นด้วย ผมไม่ต่ำถึงขนาดนั้นหรอก อะไรถูกคือถูก อะไรผิดคือผิด ผมยืนอยู่ตรงนี้

ถาม- คิดว่ามวลชนประชาธิปัตย์ กับมวลชนพันธมิตรฯ หน่อเนื้อเดียวกันมั้ย

สนธิ-
ประชาธิปัตย์เขาบอกว่ามวลชนพันธมิตรฯ แท้ที่จริงคือมวลชนประชาธิปัตย์ ถ้าเขาเชื่ออย่างนั้นก็เอาไปสิ ใครก็ตามที่ยังเชื่อพวกเราอยู่ ยังเชื่อในหลักการพวกเราอยู่ ยังเชื่อการให้ปัญญาพวกเราอยู่ จะมีกี่คนไม่สำคัญ สำหรับผม ขอให้เป็นทองคำแท้ ขอให้เป็นคนที่มีคุณภาพ ขอให้พร้อมจะเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เสียสละเพื่อพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเสื้อแดง หรือพรรคไหนก็ตาม เอาชาติเป็นตัวตั้ง

ถาม- แล้วมองการเมืองภาคประชาชนหลังจากนี้ว่ายังไง

สนธิ-
น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าผมเชื่อว่าความวุ่นวายทุกวันนี้ ความพะรุงพะรังในทุกวันนี้ ในที่สุดแล้วคนที่ไปร่วมพะรุงพะรังด้วย ถึงจุดๆ หนึ่งจะเริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเองว่ามันไม่ใช่ ผมนี่นะ ฝนตกผมก็ยืนอยู่ตรงนี้ ฟ้ามืดครึ้มก็ยืนอยู่ตรงนี้ พอแดดออกผมก็ยังยืนอยู่ที่เก่า ผมไม่เคยไปไหน หลักการแน่นอน เอาชาติเป็นตัวตั้ง เสียสละหมดทุกอย่าง ไม่ได้ทำเพื่อใคร ไม่ได้ทำเพื่อพรรคไหน ไม่เอาทั้งนั้น เอาชาติเป็นส่วนรวม จบ

ถาม- แล้วประเมินกลุ่มต่างๆ อย่างในคำแถลงการณ์บอกว่าพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้มีกลุ่มใหม่ขึ้นมา

สนธิ-
ถ้ากลุ่มใหม่เขาอยากตั้งก็ให้เขาตั้งสิ นั่นคือความหมายของผม ผมไม่ต้องการจะไปเป็นคนขวางโลก เดี๋ยวจะหาว่าผมไปหวงมวลชน ผมไม่ได้หวงมวลชน พันธมิตรฯ เป็นนามธรรม พันธมิตรฯ คือคุณงามความดี คือการเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อชาติ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าใครก็ตามอยากไปร่วมกลุ่มอะไรก็สิทธิของเขา แต่ในที่สุด อย่างที่ผมบอกไง ความพะรุงพะรังตรงนี้มันจะเริ่มหมดไป ในอนาคต เมื่อเหตุการณ์มันผ่านไปสักพัก คนมันต้องเรียนรู้ไง มันต้องเรียนรู้ว่า เฮ้ย มันโกหกกูนี่หว่า เฮ้ย มันไม่จริงนี่หว่า เฮ้ย ไหนบอกมันจะสู้แล้วมันพากูมา ให้กูมาส่งมันเข้าสภาแค่นั้นเอง คนมันก็จะเริ่มคิดมากขึ้นๆ ผมไม่กลัว ในที่สุดแล้วผมมีความสุขกับมวลชนที่เข้าใจผม พันธมิตรฯ ทองแท้ ทองคำแท้ พันธมิตรฯ ที่เสียสละเพื่อชาติ ไม่ได้เสียสละเพื่อพรรคใดพรรคหนึ่ง นั่นล่ะครับ

ถาม- ประเมินมวลชนฝ่ายที่อยู่ตรงข้าม หรือต่อต้าน

สนธิ-
ผมไม่ประเมิน วันนี้ ผมไม่ประเมิน ผมประเมินอยู่อย่างเดียวว่าผมจะทำยังไงที่ผมจะให้องค์ความรู้คนของผม และคนข้างนอกที่สนใจให้มากขึ้น และจะทำยังไงให้เขามีความใส่ใจ จะทำยังไงที่จะให้ปัญญาตรงนี้เผยแพร่กระจายไปเรื่อยๆ ผมสนใจอยู่เพียงแค่นี้

ถาม- บทบาททหารละฮะ ตรงนี้ จะอะไร ยังไง

สนธิ-
ผมว่าทหารวันนี้ก็คือผลพวงของการเมือง คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์มา บอกควรเลิกได้แล้ว พอมีนักข่าวไปถามว่าผมยุติบทบาท มันจะมีกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ทำไม คุณประยุทธ์ต้องถามตัวคุณประยุทธ์เอง ว่าคุณประยุทธ์ทำหน้าที่ในฐานะผู้บัญชาการทหารบกได้ดีหรือยัง ไม้ชี้ผีป่าช้า GT200 คุณประยุทธ์ก็เงียบ เรือเหาะคุณประยุทธ์ก็เงียบ เขาถึงบอกว่าถ้าจะไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น จะไปวิพากษ์วิจารณ์หน้าบ้านคนอื่นให้ดูหน้าบ้านตัวเองเสียก่อนว่าสกปรกหรือเปล่า ตัวเองยังไม่สามารถจะซื้อใจลูกน้องได้ ไม่สามารถจะสร้างความโปร่งใสได้ และในขณะเดียวกันไม่สามารถจะให้ประชาชนเชื่อใจได้ว่าตัวเองเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่ามาวิพากษ์วิจารณ์ผม เพราะผมไม่มี GT200 ผมไม่มีรถถังยูเครน ที่จะต้องมาอธิบายทุกอย่าง ทุกอย่างลูกน้องผมที่อยู่เอเอสทีวี หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เว็บไซต์ผู้จัดการ ทุกคนรักผมหมด เพราะว่าผมซื่อสัตย์กับเขา ผมตรงไปตรงมากับเขา ผมไม่ใช่ปากพูดอย่าง ลับหลังไปทำอีกอย่าง ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นทหารวันนี้อย่าไปพึ่งเลย ผมไม่เคยพึ่งทหารด้วย อย่าเข้าใจผิด คุณประยุทธ์ชอบพูดอยู่เรื่อยว่ามวลชนออก เพราะต้องการให้ทหารออก คุณไม่ต้องออกหรอก สนธิบังออกมาแล้วฉิบหายขนาดไหน สติปัญญาคุณไม่มีหรอก ถ้าคุณมีสติปัญญาเหมือนอย่างที่ผมคิด คุณคงไม่ทำตัวคุณอย่างนี้หรอก

เขาอิงการเมืองมากเกินไป ผลประโยชน์ ความอยาก อยากได้ อยากเป็น อยากมี

ถาม- อยากถามเรื่องแนวคิด เรื่องปัญหาความขัดแย้งต่างๆ นี่ แนวทางการสร้างความปรองดอง คุณสนธิคิดว่าโมเดลควรเป็นยังไง

สนธิ-
ปรองดองอะไรล่ะ ถ้าเปลี่ยนประเทศมันก็ปรองดองได้หมด มันปรองดองอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องไง การที่จะมี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทุกฝ่าย มันไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ใครที่ทำผิด ต้องรับผิด คนเดียวที่จะให้ทุกอย่างสามารถจบได้คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านต้องพระราชทานอภัยโทษทุกคน ถ้าอย่างนั้นไม่ผิดหลักนิติรัฐ เพราะว่าการล้างความผิดออกมานี่มันจะเป็นบรรทัดฐานอีกหน่อย ถ้าใครมีเสียงข้างมากในสภา ทำอะไรก็ได้ แล้วก็ล้างความผิดทีหลัง อันนี้ไม่ถูกต้อง ปรองดองคือต้องยอมถูกกับผิดก่อน ให้ถูกตรงนี้ก่อน

ถาม- คนมักจะไปพูดว่าปัญหาบ้านเมืองทุกวันนี้ เอาคนไม่กี่คน เอาคุณทักษิณ เอาคุณสนธิ คุณจำลอง พวกแกนนำ นปช.มาคุยก็จบแล้ว

สนธิ-
ไม่จริง

ถาม- คิดง่ายไป?

สนธิ-
ไม่จริง ถ้าคุณมีจิตใจเป็นธรรม คุณคิด และคุณอ่านหนังสือมามาก คุณมีข้อมูล ผมถามคุณซิ ตั้งแต่ผมสู้มาปี 2548 ผมสู้เรื่องอะไร ผมไม่เคยสู้ให้ผมมีฟรีทีวี ผมไม่เคยสู้ให้ผมรวยขึ้น ผมสู้เรื่องของชาติบ้านเมืองทุกเรื่อง ผมโดนยิงมา 200 นัด ก็เรื่องชาติบ้านเมือง ทุกอย่างเรื่องชาติบ้านเมืองทั้งสิ้น แปดปีที่ผ่านมาผมได้อะไร และผมสู้ไปผมได้อะไร และผมจะสู้เพื่อให้ปัญญาคน ให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ผมได้อะไร ต้องถามก่อน ผมได้อะไร พันธมิตรฯ ไม่เคยสู้โน่นนี่นั่น ไม่มี พันธมิตรฯ สู้ในเรื่องของการเสียสละ ความถูกต้อง รักชาติ รักบ้านรักเมือง พันธมิตรฯ บอกมานานแล้วว่าเขมรรุกรานดินแดนไทย พันธมิตรฯ พูดมานานแล้วว่าคุณวีระ สมความคิด ยืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทย พันธมิตรฯ พูดมานานแล้วว่าเรื่องเขาพระวิหารอย่าไปยอมรับอำนาจศาลโลก นี่คือสิ่งที่เราสู้ แล้วเราได้อะไร แล้วเอาผมไปนั่งคุยกับพวกเขาทำไม เพราะว่าไปคุยยังไงจุดยืนผมก็เหมือนเดิม พวกนั้นต่างหากที่ต้องพิจารณาตัวเองและถามตัวเองใหม่ว่า จะทำยังไงให้กลับมาละความชั่ว และยืนอยู่บนความถูกต้อง และเอาชาติเป็นตัวตั้ง ถ้าเขายินดีเอาชาติเป็นตัวตั้ง นั่งคุยกันได้ จบ ง่ายนิดเดียว ของผมน่ะไม่สับสน ไม่ซับซ้อนนะ อย่าไปเข้าใจผิด ไม่มีนะ เหมือนสุเทพ เทือกสุบรรณ พูดที่ชุมพร 2550 กว่า เสื้อแดงกับเสื้อเหลืองตัวป่วนประเทศ เอ้า วันนี้ผมหยุดแล้วไง กลายเป็นเสื้อฟ้ากับเสื้อแดงสิ

อนุพงษ์ เผ่าจินดา ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสื้อแดง-เสื้อเหลือง ตัวยุ่ง ทำไมมีกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ คุณประยุทธ์ต้องถามตัวเองก่อนว่า พวกผมสู้เรื่องอะไรบ้าง ถ้าคุณรู้ว่าสิ่งที่ผมสู้ สู้เพื่อส่วนรวมทั้งนั้น ผมไม่เคยสู้ให้คนหลุดออกจากคุกนะ เวลาโดนคดีอะไร เอ้า ช่างมัน โดนแกล้ง เรายอม ไปสู้กัน แต่แน่นอนความเจ็บใจมันต้องมี ของธรรมดา

ถาม- ระดับความขัดแย้งไม่ได้อยู่แค่ทักษิณ สนธิ หันมาคุยกันแล้วจบ

สนธิ-
ไม่ใช่

ถาม- ต้องมีอะไรมากกว่านี้

สนธิ-
หลักการของชาติบ้านเมืองไง หลักการของชาติบ้านเมือง เปลี่ยนแปลงชาติบ้านเมืองได้มั้ย พวกคุณเสียสละได้มั้ย มาคุยให้จบเพื่อให้คุณมีอำนาจต่อ เพื่อให้คุณเล่นการเมืองระบบเดิมต่อ ผมไม่เอา

ถาม- คุยกันในมุมคุณทักษิณ ถ้าให้มาดำเนินคดีก่อนเขาก็ไม่เอา คุณสนธิก็บอกว่าน่าจะต้องมาแนวทางนี้ มันเหมือนคุยกันคนละภาษากัน แล้วมันจะคุยกันได้

สนธิ-
อ้าว แล้วใครถูกใครผิดล่ะ เราวัดกันตรงนี้สิ ผมบอก ไม่ได้ คุณต้องกลับมาติดคุกก่อน ผมผิดเหรอ จะคุยกันเพื่อไม่ให้คุณติดคุก ให้คุณทำลายหลักนิติรัฐ ผมไม่คุยด้วย แล้วผมผิดตรงไหนล่ะ คนผิดก็ต้องเป็นทักษิณสิ

ถาม- ฝ่ายโน้นเขาก็พยายามบอกว่า มันเกิดจากกระบวนการที่ไม่ชอบธรรมหลังปฏิวัติ

สนธิ-
ผมขี้เกียจฟังข้ออ้าง คนที่พิพากษาก็คือศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้งนั้น ไม่ใช่ผมพิพากษาเขา คุณก็ไปเล่นงานกระบวนการยุติธรรม ผู้พิพากษาสิ ก็คุณก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว ทักษิณเขาก็ไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว อะไรที่เป็นผลเสีย เขาไม่เชื่อ แต่อะไรที่เขาใช้กระบวนการยุติธรรม อย่างเช่น เขามอบอำนาจให้คนมาฟ้องผม เขาก็ฟ้อง หน้าไหว้หลังหลอก คนไม่จริงใจต่อชาติบ้านเมือง

ถาม- ประเมินว่าโอกาสที่จะกลับประเทศของคุณทักษิณเป็นยังไงบ้าง แล้วอย่างวันนี้ไม่มีพันธมิตรฯ แล้ว เพื่อไทยใช้เสียงข้างมากออกกฎหมายปรองดองคุณเฉลิม

สนธิ-
ถ้าเขานิรโทษฯ ทักษิณ ทักษิณกลับมา ผมคิดว่าเขากลับยาก ประชาชนลุกฮือแน่นอน

ถาม- ถึงวันนั้นพันธมิตรฯ จะออกมั้ย

สนธิ-
คุณรอดูวันนั้นแล้วกัน พันธมิตรฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผม อดีตแกนนำ ยึดถืออยู่เรื่องเดียว ถ้าจะออกอีกครั้งต้องคุ้ม จบ จบข่าว ถ้าไม่คุ้มไม่ออก

ถาม – ต้องเป็นเรื่องใหญ่มากๆ

สนธิ-
ต้องเปลี่ยนแปลงได้ ต้องคุ้ม ความคุ้มขึ้นอยู่กับแต่ละคนมีปัญหายังไง พิจารณาว่าความคุ้มอยู่ตรงไหน

ถาม- ประเมินเป็นยังไงบ้าง รัฐบาลชุดนี้ ในช่วงอีก 2 ปี จะมีเหตุอะไร

สนธิ-
ไม่ต้องประเมินหรอก เพราะมันล่มสลายหมดแล้ว เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ทุกอย่าง มันไม่มีเหลือแล้ว เมื่อใดก็ตามที่คุณมีตำรวจและทหารที่อยากได้ตำแหน่งต้องบินไปหานักโทษหนีคดี ให้นักโทษหนีคดีแต่งตั้งให้ ผมคิดว่าเมืองไทยไม่มีอะไรเหลือแล้ว ไม่ต้องพูดอีกต่อไป เรื่องอื่นไม่ต้องพูดเลย

ถาม- อย่างการคัดค้าน การตรวจทาน ประชาธิปัตย์ก็เสียงข้างน้อย อะไรต่างๆ แกนนำกลุ่มต่อต้านก็ไม่มี

สนธิ-
ก็นั่นไง แล้วยังไงล่ะ การเมือง การต่อสู้เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อให้มีโอกาสได้ใช้วาทกรรมหรูๆ ในสภา ทุกอย่างต้องมีต้นทุนทั้งสิ้น จะนั่งตีกินเหมือนเดิมที่พรรคประชาธิปัตย์เคยชินและทำอยู่ทุกวันนี้ ทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าจะทำก็ไปทำกับคนที่เขาหลอกได้ แต่อย่ามาทำกับผม ไม่สำเร็จ

ถาม- ความขัดแย้งทั้งหลายทั้งมวลจะต้องขอพึ่งพระบารมีหรือเปล่า

สนธิ-
ไม่จำเป็น ประชาชนสามารถจะแก้ได้ ถ้าประชาชนมีปัญญา

ถาม- การที่คุณสนธิเสนอรัฐบาลพระราชทาน

สนธิ-
ในกรณีที่นักการเมืองเสียสละ แล้วต้องการหยุดเล่นการเมือง เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ







กำลังโหลดความคิดเห็น