xs
xsm
sm
md
lg

“คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 23 ส.ค. 2556 (ต่อ)....

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มาวันนี้เป็นการร่อนทองครั้งสุดท้าย ทองที่เหลืออยู่บนตะแกรงนั่นคือทองคำแท้ๆ แล้ว ก็คือพันธมิตรฯ ที่เข้าใจในหลักการของเรา เมื่อพันธมิตรฯ เข้าใจในหลักการของเรา ยืนอยู่ตรงไหน เราเอาชาติเป็นตัวตั้งการเมือง เราไม่เอาพรรคการเมือง เราพร้อมที่จะปฏิรูปประเทศไทย เมื่อเอาหลักการเป็นตัวตั้ง มีแกนนำ หรือ ไม่มีแกนนำไม่มีความหมาย เราต้องยึดหลักการ เหมือนที่พระพุทธเจ้าทรงบอก ถ้าเห็นธรรมก็เห็นเรา ขอให้เชื่อผมพี่น้อง จากวันนี้ไปแล้วพี่น้องจะพบว่า พี่น้องจะเข้มแข็งมากกว่าเก่าเยอะ จะเข้มแข็งขึ้น เรายุติบทบาททางการเมือง เพราะเราไม่ต้องการให้ถูกกล่าวหาว่า เพราะต้องมีมติแกนนำ มติโน้นนี่นั่น มติไม่ออก มติใครอยากไปก็ไป มติแกนนำไม่เห็นด้วย ไม่ต้องมีมติ ให้พี่น้องพันธมิตรฯ ใช้ปัญญาของตัวเองคิดเอง ใครอยากจะไปร่วมกับใครเชิญตามสบาย แต่ถ้าใครเข้าใจหลักการที่ผมพูด ที่แกนนำเคยวางเอาไว้ และชี้ให้เห็นว่า มันเป็นอย่างนี้แล้วไม่ผิดอย่างที่ผมบอกว่ามันเป็นสภาคณิตศาสตร์แล้ววันนี้ผิดหรือเปล่า ทะเลาะกันแทบตาย เป็นสภาเดรัจฉาน แล้วยังไง เตรียมตัวอภิปราย 57 คน เขาให้อภิปรายกันแค่ 3 คน และเขาสั่งปิดสภาฯ แล้วเขายกมือชนะ แล้วยังไง เขาชนะทุกมาตรา บอกว่าจะสู้จนสุดฤทธิ์ในสภา สู้แล้วยังไง

พี่น้องครับ ทำไมผมถึงต้องบอกว่า เราต้องอ่านประวัติศาสตร์ พระเจ้าตากสอนตอนแหกออกจากกรุงศรีอยุธยา หนีออกไปต่อสู้ ทำไมรวบรวมพลพรรคได้แค่ 500 คน เพราะว่า 500 คน คือคนที่ใจเด็ด 500 คนที่เข้าใจว่านี่คือการกู้ชาติ กู้บ้านกู้เมือง 500 คน ที่พร้อมจะตาย เหมือนกัน ผมพูดมาตั้งนานแล้วไม่รู้กี่ครั้ง หลักฐานมีตลอด เราจะมีคนเข้าใจเรากันเพียงกี่คนไม่เป็นไร ขอให้คนที่เข้าใจเราเป็นทองคำแท้ คนถึงน้อยแต่มีคุณภาพสูงยังมีพลานุภาพกว่าคนที่โลเล ไม่มีจุดยืน พี่น้องต้องจำตรงนี้เอาไว้ ถ้าฟังผมอภิปรายหรือผมพูดในทีวี ต้องจำได้ว่าผมพูดคลอดเวลา สิ่งทีเราไม่ควรจะพูดเลย ถ้ากูรู้อย่างนี้ไม่ควรจะพูด และที่ไม่ควรจะพูดเด็ดขาดเลย คือว่า กูว่าแล้ว แหม ถ้ากูรู้อย่างนี้ และกูว่าแล้ว อย่าพูด แต่ที่ต้องพูดแล้วท่องจำใส่ตัวเอง ก็คือคำว่า แล้วยังไง นั่นคือกุญแจของคำพูด แล้วยังไง

วันนี้พี่น้องแข็งแกร่งขึ้นมาเชื่อผม ปกติธรรมดาเสียใจ สูดลมหายใจลึกๆ นึกในใจว่าพุท หายใจออก กำหนดลมหายใจที่จมูก นึกว่าโธ สูด 10 ครั้ งพอครบ 10 ครั้งเลิกเสียใจ ดีใจ ที่เป็นพันธมิตรฯจริงๆและดีใจที่แกนนำยุติการนำ และจงดีใจที่พวกเราไม่ได้ไปไหน เพระาเราไม่เปลี่ยน เรายังมั่นคงและเราซื่อตรงอยู่เหมือนเดิม เมื่อใดก็ตามชาติบ้านเมืองต้องการ เมื่อใดก็ตามถ้าประชาชนลุกขึ้นมาทั่วประเทศ หรือเมื่อใดก็ตามที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยประชาชน สถานการณ์เกิดขึ้นเราจะกลับมา พี่น้องวันนี้อย่าไปพึ่งใคร อย่าไปพึ่งพรรคการเมือง จะไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ เพราะพรรคการเมืองมีผลประโยชน์ของพรรคการเมือง ที่จำเป็นจะต้องอยู่ในสภาฯ และรักษาสภาเดรฉานอันนี้ไว้ เพราะแต่ละพรรคก็บอกว่าพรรคนั้นเลว ให้มันล้มไป ของผมดีกว่า แต่พอขึ้นมา มันก็เลวต่อ

พี่น้องครับ อย่าเสียใจ มั่นใจในตัวเอง เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองศรัทธา ไม่ต้องหวั่นไหวใดๆทั้งสิ้น ตอนนี้พี่น้องมีอิสรเสรีภาพไม่ต้องฟังแกนนำ แต่ใช้ปัญญาคิดว่า จะไปดีไม่ดี กลุ่มนี้ ไปดีไม่ดี นี่มันแค่ล้มระบอบทักษิณ แค่นั้นเอง ไม่เห็นมีใครชูเรื่องปฏิรูปประเทศไทย บางคนชูล้มระบอบทักษิณและปฏิรูปประเทศไทย ถ้าคุณปฏิรูปประเทศไทยคุณก็ล้มระบอบทักษิณอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณล้มระบอบทักษิณคุณไม่ปฏิรูปก็เท่ากับว่าคุณล้มระบอบทักษิณแล้วเอาระบอบประชาธิปัตย์กลับเข้ามาแล้วมันเป็นยังไง เข้าใจไหมครับพี่น้อง ต้องท่องคำว่า แล้วยังไง ถ้าอย่างนั้นอยู่บ้านเฉยๆดีกว่า แต่ถ้าจะสู้เพื่อปฏิรูปประเทศไทย ใครก็ตาม กลุ่มไหนสู้เพื่อปฏิรูปประเทศไทยจริงๆ ไปเลยพี่น้อง ผมยังทำหน้าที่ของผมอยู่ เพราะว่าศัตรูผม ตั้งชื่อผมว่าผมเป็นเถ้าแก่ ผมก็จะต้องเป็นเถ้าแก่ที่เอเอสทีวี ทำให้เอเอสทีวี เว็บไซต์ผู้จัดการ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ วิทยุผู้จัดการ พร้อมที่จะรับใช้พันธมิตรฯ ในหลักการที่เรายึดมั่น เห็นด้วย

พี่น้องครับ สมัยหนึ่ง 193 วัน พอหมด 193 วัน เริ่ม 158 วัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ออกจากพวกเราไป ไม่ซื้อข้าวของเอเอสทีวี ก็ทำเราลำบากไปพักหนึ่ง มาวันนี้มีคนถาม คุณสนธิไม่กลัวเหรอเดี๋ยวคนไม่ซื้อของเอเอสทีวีช็อป ผมบอกว่า ไม่เป็นไร หลักการของชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน ไม่เป็นไร อยู่ไม่ได้ก็ไม่อยู่ คนที่ต้องแบกประเทศนี้ ไมใช่แค่พวกเราอย่างเดียว กระบวนการยุติธรรม ศาลต้องแบก ทหารต้องแบก ข้าราชการที่ซื่อสัตย์ต้องแบก อย่ามาให้พวกเราแบกคนเดียว เราทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ พี่น้อง ขอให้จำไว้ น่าเสียดาย ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นแก่ตัว แล้วไม่ใช้วาทกรรมหลอกประชาชนว่ามีหน้าที่ต้องทำในสภา แล้วยังไงล่ะ คุณทำแล้วยังไง คุณทำแล้วยังไง น่าเสียดาย ถ้าเขาเดินออกมา เราพร้อมจะเดินตามเขา ให้เขาเป็นแกนนำ วันนี้ เชื่อสิ จากวันที่เขาเข้าสภาวันแรก จนถึงวันนี้ ป่านนี้บ้านเมือง ผมเชื่อว่าเปลี่ยนแปลงแล้ว

พี่น้องครับ ผมไม่ต้องบอกให้เข้มแข็ง พี่น้องเข้มแข็งอยู่แล้ว ไม่มีน้ำตาจากผมหรอก ติ๊กนี่ยกเว้น เขาเป็นผู้หญิง ตั้วนี่ยกเว้น เพราะเป็นศิลปิน อารมณ์อ่อนไหว ผมนี่โดนมา 200 นัดแล้ว ผมไม่รู้สึกอะไร แต่ว่า ผมไม่ได้คิดถึงพี่น้อง เพราะว่าพี่น้องอยู่ในใจผมตลอดเวลา ไม่เคยไปไหน เจอหน้าผม ทักผม ผมก็ทักพี่น้อง สวัสดีครับคุณสนธิ สวัสดีครับท่าน ตลอดเวลา เมื่อเป็นพันธมิตรฯ แล้ว ให้จิตใจคิดดี ทำดี เอาชาติเป็นตัวตั้ง มันไม่เคยเหงา ไม่เคยหลงตัวเองว่าเราเป็นแกนนำ ไม่เคยเหงาจริงๆ เหมือนกับคนที่ปฏิบัติธรรม เมื่อมีธรรมในใจ เจออีกคนหนึ่ง ปฏิบัติธรรมเหมือนกัน เขามีธรรมในใจ ธรรมต่อธรรมเจอกัน มันพูดภาษาเดียวกัน มันจะไปเหงาได้ยังไง ไม่เหงาพี่น้อง ไม่ต้องเสียใจ หลายคนร้องไห้หน้าทีวี เสียไปทำไมน้ำตา ไม่ต้องไปเสียน้ำตา เข้มแข็งเอาไว้ ยิ้มเอาไว้ เหมือนอย่างที่พี่พิภพพูด นี่คือการเกิดใหม่ของพวกเรา และเราจะแข็งแกร่งกว่าเก่าอย่างแน่นอนที่สุด ขอบคุณครับพี่น้องครับ

ช่วงที่ 2

เติมศักดิ์ - สวัสดีครับ พบกับช่วงสุดท้ายของรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิภาคพิเศษวันนี้ ช่วงนี้ผมกับคุณเก๋ อุษณีย์ เอกอุษณีย์ จะเปิดใจอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 4 ท่านที่วันนี้ประกาศอย่างเป็นทางการในการยุติบทบาท ในฐานะแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะครับ พบกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อาจารย์พิภพ ธงไชย และอาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์อีกครั้งครับ สวัสดีครับ

อุษณีย์ - มาถึงนาทีนี้ต้องเรียกอดีตแกนนำพันธมิตรฯ เลยนะ เรียบร้อยไปแล้ว

เติมศักดิ์ - นับแต่แถลงการณ์ฉบับสุดท้าย

อุษณีย์ - และตอนนี้รู้สึกว่า ทุกเว็บไซต์สำนักข่าวก็จับจ้องมาที่นี่ ก็ยังจับความสับสนได้อยู่บ้างหลายท่านก็ไปพาดหัวข่าวบอกว่า พันธมิตรฯ สลายตัวแล้ว บางท่านบอกว่า แกนนำยุติบทบาทชั่วคราว คุณต้น

เติมศักดิ์ - หรือบางสื่อใช้คำว่า พันธมิตรฯ ประกาศสลายตัว นี่คือการตีความของสื่อมวลชน ณ นาทีนี้นะครับ ทั้ง 4 ท่านอยากจะชี้แจงยังไงครับ เชิญครับ

จำลอง - ผมได้พูดไปแล้วไงครับว่า แม้เรายุติการเป็นแกนนำของเรา เราก็ยังคงเป็นพันธมิตรฯ ที่พร้อมจะเสียสละเพื่อบ้านเมือง เราไม่ได้สลายตัว พันธมิตรฯ ยังอยู่เต็มที่เลย เขาแปลผิดนะครับ

เติมศักดิ์ - พันธมิตรฯ ยังอยู่ เพราะพันธมิตรฯ คือจิตวิญญาณ อีกแบบคือ อุดมการณ์ งั้นพันธมิตรฯ ยังอยู่เพียงแต่แกนนำทั้ง 4 ท่านวันนี้ ประกาศยุติบทบาทการนำ

จำลอง - ด้วยความจำเป็นครับ

เติมศักดิ์ - จะบอกว่าเป็นการยุติบทบาทชั่วคราวได้ไหมครับ

สมเกียรติ - ผมไม่อยากใช้คำว่า ชั่วคราว ผมอยากใช้คำว่า ยุติเฉยๆ ไม่มีชั่วคราว ไม่มีถาวร แต่เมื่อใดก็ตามสถานการณ์เรียกร้อง แล้วสถานการณ์นั้นเรามองแล้วว่า คุ้มหรือไม่คุ้ม ถ้าคุ้มพันธมิตรฯ ยังต้องการเรา เราจะกลับมา

จำลอง - อย่างที่บอกไปแล้ว คุ้ม พร้อมที่จะรวมตัวกันกลับมาใหม่เป็นแกนนำประชาชนชุมนุมครั้งใหญ่ ถึงไหนถึงกัน ถ้าคุ้มค่า

พิภพ - คือผมอยากจะย้ำว่า ที่จริงเราใช้คำระมัดระวังมากทั้ง 4 จะดูใช้คำว่า ยุติบทบาทของแกนนำ

สนธิ - เราไม่ได้ใช้คำว่า ลาออกนะ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าจะไปลากับใคร

พิภพ - 2.เรายังบอกว่า เรายังเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

สนธิ - เหมือนเดิม

พิภพ - ไม่ว่าจะเกิดหรือว่ายังไง แต่ถ้าเกิดมีขบวนการพันธมิตรฯ ในการที่จะต่อสู้ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทย และเห็นว่าเรายังมีความจำเป็นที่อยากจะให้เรามาร่วมในการนำ ซึ่งอาจจะคนอื่นๆ อีก เราก็ยินดี แต่ขอให้เป็นประเด็นใหญ่ขนาดนั้น

สนธิ - ยังเป็นอุดมการณ์ที่เราเห็นด้วย

สมเกียรติ - มันไม่ใช่ละครฉากสุดท้าย เรื่องมันเป็นแถลงการณ์ครั้งสุดท้ายใช่ไหม ไม่ใช่ตอนจบของละคร เราเข้าใจไหมว่า การที่สื่อตีความอย่างนั้น มันอยู่ที่เป้าหมายของบรรณาธิการด้วย อยากจะให้มวลชนเข้าใจยังไง แต่คนเข้าใจพันธมิตรฯ พันธมิตรฯ ต้องการแนวร่วมทุกสาขาที่ทุกคน ทุกพรรคที่ประกาศลาออก และไม่เอาสภาขี้ข้า สภาธาตุ พร้อมจะมาปฏิรูปการเมือง เราพร้อมจะร่วมด้วย ไม่มีเงื่อนไขเลยครับ

สนธิ - แต่ต้องเป็นเรื่องใหญ่นะ ไม่ใช่แค่เราล้มระบอบทักษิณเราไม่เอานะ

เติมศักดิ์ - ขอชัดๆ ที่เป็นรูปธรรมหน่อยได้ไหมครับ ว่าเงื่อนไขที่ว่า เป็นเงื่อนไขแบบไหน ระดับไหนถึงจะทำให้เกิดการรวมตัวในฐานะแกนนำ

จำลอง - เราบอกล่วงหน้าไม่ได้ เพราะเราตัดสินใจ ที่เราทำมาโดยตลอด ตัดสินใจตามสถานการณ์ สถานการณ์เป็นยังไง แล้วพวกเรา เราติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา อย่างน้อยก็คือเราต้องไปขึ้นศาล ไปศาลจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ เราก็คุยกันเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง แล้วเรายังโทรศัพท์คุยกันอีก เพราะฉะนั้นขอยืนยันนะครับว่า ไม่ได้ใช้เวลามากเลย เมื่อสถานการณ์เกิดขึ้น

สนธิ - เพียงแค่ยกหูโทรศัพท์

พิภพ - พวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่ รวมทั้งแกนนำรุ่น 2 ด้วย ทำงานปฏิรูปอยู่ แต่เราจะปฏิรูปในส่วนที่เรารับผิดชอบ อย่างเช่นคุณสนธิ ปฏิรูปสื่อ นำการปฏิรูป และตอนนี้ก็เลื่อนมาปฏิรูปสุขภาพ อย่างลุงทำเรื่องปฏิรูปมาตลอด และแน่นอนมันมีส่วน สมเกียรติก็พยายามทำ ผมก็ทำในส่วนของผม แต่เมื่อเกิดการเชื่อมร้อยกันในทุกจุดที่จะปฏิรูปประเทศไทยใหญ่ คำว่าปฏิรูปประเทศไทย มันต้องปฏิรูปซอยออกมาอีกนะว่าอะไรบ้าง แต่ถ้านำไปสู่อันนั้น ผมคิดว่าพี่น้องพันธมิตรฯ จะเป็นคนนำการปฏิรูปประเทศไทยได้ เพราะความเข้มแข็งที่สู้กันมาตั้ง 8 ปี และความเข้าใจ อย่างที่คุณสนธิบอกว่า ทองแท้

เติมศักดิ์ - จากการประเมินของทั้ง 4 ท่าน คิดว่าวันนั้นมันจะอีกยาวไกลแค่ไหนครับ 1 ปี 2 ปี

สมเกียรติ - ผมว่ามันคงปลายปีนี้ ผมเชื่อว่ามันเกิด เพราะระบอบทักษิณมันมา 8 ปีแล้ว แล้วกลุ่มที่รับผิดชอบบ้านเมืองเขาต้องตัดสินใจ ไม่ใช่เราตัดสินใจอย่างเดียว ทั้งศาล ทั้งกองทัพ และเหนือกว่า เขาต้องตัดสินใจว่าจะเอายังไงแน่กับระบอบทักษิณ พวกเราก็เคลื่อนไหวไปในที่จะปฏิรูปการเมืองอยู่แล้ว แต่การปฏิรูป มันปฏิรูปใหญ่ เราเคยไปเดินสายตั้ง 30 กว่าจังหวัด หลักการปกครองประเทศ 15 ข้อ เขาก็วิจารณ์มาเยอะแยะเลย แล้วเราก็รวบรวมไว้แล้ว ส่วนผมคนเดียว ผมก็มีองค์กรที่จะทำการปฏิรูปกับอาจารย์มหาวิทยาลัย ประชุมกันแล้วที่รังสิต อีก 2 สัปดาห์ก็จะประกาศแล้วว่าเป็นการปฏิรูป ไม่ใช่ปฏิกูลแบบรัฐบาลนะ ที่จะทำวันที่ 25 สิงหาคม นี่ไม่ใช่ ผมยืนยันว่า ในส่วนตัวผม ผมอ่านสถานการณ์ว่า ในปลายปีนี้คงเห็นกันแล้วว่า ประเทศชาติมันถึงคราวต้องปฏิรูป นักการเมืองที่เป็นขี้ข้าทั้งหลายต้องหายไป คือ ล้มระบบขี้ข้านั่นเอง

เติมศักดิ์ - ปลายปีนี้ อ.สมเกียรติ ประเมินอย่างนั้นนะครับ ท่านอื่นล่ะครับ

สมเกียรติ - แต่ลุงจำลองบอกผมว่า คนที่ประเมินอย่างนั้นอาจผิดพลาดได้ต้องอาศัยสถานการณ์

พิภพ - คือสถานการณ์ตอนนี้คงอยู่แบบเดิมไม่ได้แน่ แล้วก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เฉพาะตอนนี้เท่านั้นนะ มันมา แต่เพียงความเข้าใจและการรวมตัวกันผมคิดว่ายังไม่มากพอ แล้วในความเห็นของผมการที่เรายุติบทบาทแกนนำมันจะเกิดวิกฤติในการรวมตัวกันใหม่ น่าจะยิ่งใหญ่กว่าการรวมตัว ผมคิดว่าการรวมตัวของพี่น้องพันธมิตรฯ เป็นประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ยาวนานที่สุด แล้วก็มีแกนนำที่เข้มแข็ง สามัคคี คิดตรงกันในเรื่องที่เราจะทำ ฉะนั้นในสิ่งที่เรา ที่ผมเคยมีประสบการณ์ ถึงได้พูดว่ามันเป็นความมหัศจรรย์ แต่แน่นอน คนก็ถามว่าทำไมยุติบทบาทล่ะ เพราะเราต้องการให้มีการเกิดใหม่ แล้วเราก็พร้อมจะไปเกิดใหม่กับประชาชน

สนธิ - คือบางครั้งอย่าไปเข้าใจผิดว่าเราเป็นแกนนำที่ดีที่สุด เขาก็อาจจะมีคนซึ่งเขามาต่อสู้ที่หลังหรือต่อสู้อยู่แล้ว แล้วเราไม่ได้เห็นศักยภาพเขา เขาอาจจะมีศักยภาพที่ดีเป็นคนซื่อสัตย์ ซื่อตรง เป็นคนมุ่งมั่น มีอุดมการณ์ คนประเภทนี้อาจจะมีอยู่เยอะพอสมควร เพียงแต่เรายังไม่เจอเท่านั้นเอง แต่คงมี ถึงวันนั้นแล้วผมยืนยันตรงนี้เลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วเขาสู้ในหลักการทีเราเห็นด้วย ผมไม่ต้องเป็นอะไรหรอก ผมเป็นแค่พันธมิตรฯ ผมก็ออกไปร่วมเดินตามหลังเขาได้ ไม่ได้ยึดติดอะไรทั้งสิ้นเลย

เติมศักดิ์ - แต่ความรู้สึกของคนจำนวนไม่น้อย เท่าที่ผมดูเป็นห่วงว่าพอไม่มีแกนนำพันธมิตรฯ ระบอบทักษิณมันจะยิ่งลุแก่อำนาจ มันจะยิ่งเหิมเกริมมากกว่าที่เป็นอยู่ไหม

อุษณีย์ - จะเข้าทางไหมคะ

สนธิ - ถ้ามีนำแล้ว แล้วคุณจะไปทำอะไรระบอบทักษิณ คุณเติมศักดิ์ตอบผมหน่อย คุณจะไปต่ออีก 154 วันเหมือนเดิมเหรอ ผมถึงบอกว่าโอกาสที่มันจะมีการเปลี่ยนแปลง วันที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เข้าสภาฯวันแรก ถ้าเขาเดินออกมาวันนั้น แล้วเขาประกาศว่าสภาเป็นสภาเผด็จการ ไม่ใช่การใช้เหตุใช้ผล ใช้เสียงข้างมากจัดการ เดินออกมาวันนั้นสภาฯ ต้องหยุดแล้ว ทันทีเลยนะ เพราะว่าสภาฯกำลังพิจารณาเรื่องเกี่ยวกับวาระของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แล้วไม่มีฝ่ายค้านสักคนเลย คุณจะพิจารณาต่อได้ไง พอหยุด เพื่อไทยต้องส่งคนไปเจรจา อย่างน้อยที่สุด มันก็จะเริ่มมีเหตุผลกันบ้างถึงแม้เขาจะไม่ลาออก แต่ถ้าจริงๆแล้วเขาไม่ยึดติดกับการเป็น ส.ส. อภิสิทธิ์ต่างๆ ถ้าวันประกาศเขาเดินมาแล้วประกาศเลย เขาลาออกทันที
คุณเติม เขามี 12 ล้านเสียง ผมพูดมาตั้งนานแล้ว กรุงเทพมหานคร เสียงของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ก็ล้านหนึ่ง ล้านกว่า แล้ว ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีกกี่คนล่ะที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร แค่เขาประกาศว่าเขาไม่รับ เขาจะนำภาคประชาชนออกไปเพื่อผลักดันเปลี่ยนแปลงให้เกิดการเมืองที่สะอาด การเมืองที่ดี การเมืองที่มีเหตุมีผล ผมเชื่อว่าคนออกมาเยอะเลย อย่างน้อยที่สุดคนทางใต้ที่เป็นคนของเขาออกมาเป็นล้านๆคนเลย เราก็พร้อมที่จะออก ถ้ามองในแง่ร้าย แล้วเสื้อแดงไม่ออกเหรอ ออกก็ดี มันจะได้ประจันหน้ากัน ผมอยากจะเห็นบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ ตอนนั้น ประยุทธ์ นั่งเฉยได้อย่างไร ถึงจะช่วยทักษิณยังไงก็ช่วยไม่ออกแล้ว เพราะประชาชน 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมาด้วยความจริงใจ อีกฝ่ายมาด้วยการว่าจ้าง คุณประยุทธ์จะทำไง ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ 2. คนที่มาด้วยความจริงใจและต้องการจะปฏิรูปเปลี่ยนแปลงจริงๆ ใจจะสู้มากกว่า สู้หมายความว่า พร้อมจะปักหลักพักค้าง ทุกวันไม่ต้องมีคนมานั่งจ่ายเงิน
คุณว่าคนล้านคนตั้งแต่พระที่นั่งอนันฯ ไล่ไปเรื่อยๆผมว่าถึงเลยสนามหลวงนะ

พิภพ - เพราะตอนช่วง 14 ตุลาฯ ยังไม่ถึงล้านนะ

สนธิ - คุณนึกดูแล้วกันเผลอๆพวกพรรคเพื่อไทยพวกนั้น หลายคนบินออกนอกประเทศไปแล้วตอนนั้น เป็นเวลาที่เราจะมานั่งคุยกันแล้ว แล้วผมก็บอกชัดเจน แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร ถวายคืนพระราชอำนาจ ขอพระองค์ท่านให้พระราชทานนายกรัฐมนตรีมา 2 ปี ก็พอ แล้ว 2 ปีดำเนินแผนปฏิรูปการเมืองเป็นขั้นตอน ทำไมต้องมีนายกรัฐมนตรีพระราชทาน เพราะจะได้ไม่ติดขัดอะไรทั้งสิ้น งานการจะได้ดำเนินต่อไป งบประมาณจะได้มีการใช้ แต่แค่ 2 ปี

สมเกียรติ - นี่ 2 ปี บางคนคิด 5 ปี

สนธิ - อันนี้ผมยกตัวอย่างให้ฟัง แต่คุณไม่ทำอย่างนี้แล้ว คุณจะให้มวลชนออกได้ไง คุณจะให้สวนลุมออกได้ไง คือประชาธิปัตย์ต้องกล้าหาญ ทุกอย่างต้อมีต้นทุน อยากได้ของดีต้องลงทุนมาเอา คือนิสัยที่ชอบนั่งเฉยๆแล้วตีกินแก้ไม่ได้สักที

อุษณีย์ - ทีนี้ก็มีบางเสียงบอกว่า ถ้าประชาธิปัตย์ยังหวงเก้าอี้ แล้วมาประจวบกับที่แกนนำพันธมิตรฯยุติบทบาท บ้านเมืองจะหมดหวังไปเลยไหมคะ

จำลอง - บ้านเมืองมีหวัง เพราะอะไร ผู้ใหญ่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ใช่คอยแต่หวังว่า เดี๋ยวพันธมิตรฯมาไม่ต้องทำอะไรเลย นี่เป็นการกระตุกต่อมของความรับผิดชอบในบ้านเมืองเขานะ เขามีหน้าที่โดยตรง ไม่ใช่เรานะ เราไม่ได้มีหน้าที่แบบเขา และเราไม่ได้กินเงินเดือน เราไม่ได้มีอะไรทั้งสิ้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง พูดก็พูดเถอะ อย่างทหารกับศาล อยู่เฉยๆได้ไง ศาลก็มีคดีที่ฟ้องมาถึงศาลมากมายก่ายกอง มีความผิดทั้งนายกรัฐมนตรี

สนธิ - ป.ป.ช.อีก เรื่องจำนำข้าว

จำลอง - การตัดสินใจของเราวันนี้เป็นการกระตุกผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ต้องออกมาทำ ไม่ใช่ปล่อยให้ตาสีตาสา ยายมียายมาออกมาโดยที่ตัวเองนั่งเฉยๆแล้วคาดหวังว่า สักวัน

สนธิ - พี่ลอง 70 กว่า

จำลอง - 78 เต็มแล้ว

สนธิ - พี่พิภพ ก็จะ 70 แล้ว ผมก็ 66 ทุกคนแก่กันทั้งนั้นแล้ว แล้วพวกเราได้อะไร ไม่ได้อะไรทั้งสิ้นเลย บางครั้งในอดีตอาจเป็นเพราะพวกเราไปห่วงใยบ้านเมืองมากจนเกินไป มันก็เลยทำให้คนที่มีหน้าที่ มีความรู้สึกว่าดีแล้ว นั่งเฉยๆ รอรับเงินกับฝ่ายตรงกันข้ามดีกว่า

สมเกียรติ - มันเหมือนเหตุการณ์ตอนที่เราไปสนามบินทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมือง เราหนีการตายระเบิดลงที่ทำเนียบรัฐบาล แล้วก็กระตุ้นต่อมผู้ใหญ่ ก็เลยออก ศาลออกมาว่าให้ยุบ 3 พรรค งานนี้เรากระตุ้นไม่เหมือนเดิมแล้ว ใช้วิธีการยุติบทบาท แล้วเป็นการกระตุ้นผู้ใหญ่เช่นเดียวกัน ผมคิดว่าการกระตุ้นบทบาทใช้ได้หลายวิธีนะ ไม่ใช่วิธีแบบเดิมอีกแล้ว ใช้ได้หลายวิธี ฉะนั้นการคิดที่จะออกแถลงการณ์เราคิดกันนานมากนะ ผมคิดว่าประมาณ 7 ชั่วโมง ไม่เคยประชุมนานขนาดนี้ แก้ไขแล้วแก้ไขอีก ผมมองบ้านเมืองในยามนี้ผมถือว่าทุนมันครอบงำการเมืองแล้ว แล้วทุนมันครอบงำไปถึงประชาชนแล้ว ถึงข้าราชการผู้ซื่อสัตย์กลายเป็นผู้ไม่ซื่อสัตย์แล้ว วันนี้เรามีบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยทุน ทำอย่างไรจะต้องทำลายมัน เราก็ต้องทำแบบสหบาทาต้องการให้เกิดกระบวนการการเมืองใหม่จริงๆ กระบวนการแบบให้มันยิ่งใหญ่กว่าเดิม แต่พันธมิตรฯเป็นบทเรียนของเราแล้ว และพันธมิตรฯ ไม่ไปไหน ยังอยู่ แต่เราจะคอยโอกาสอันเหมาะสมที่จะมาปฏิรูปการเมืองถ้าเห็นว่าคนที่จะเข้ามาร่วมกับเรามันมามากเกิน ถ้าเรายุติบทบาทแล้ว ถ้าคนข้างนอกไม่ยอม แล้วมากันล้านคนเราจะทำไง เราก็ต้องเรียกประชุมกันใหม่

เติมศักดิ์ - ถ้าใช้วิธีนี้แล้วยังกระตุ้นไม่สำเร็จ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็ยังตัวใครตัวมันเอาตัวรอดอยู่

สมเกียรติ - อันนี้ต้องเป็นคำพูดว่า ให้บ้านเมืองมันล่มสลายไป

จำลอง - เมื่อเราได้ทำจนถึงที่สุดแล้ว แล้วคนอื่นไม่ทำอะไรเลยแล้วบ้านเมืองเสียหาย เราก็ไม่เสียใจมากนะเพราะเราได้ทำสิ่งที่ดีที่สุด ที่พูดแล้วพูดอีก จนชินหูคือว่า มีชนชาติไหนในโลกบ้างที่ไปกินไปนอนในถนน รวม 384 วัน 384 คืน แล้วจะเอาไงอีก คุณออกมาหรือเปล่า คุณเป็นไทยเฉยใช่ไหม คุณเป็นทหารเฉย ข้าราชการเฉยใช่ไหม นี่ต่างหาก ฉะนั้นการประกาศวันนี้จะมีประโยชน์อย่างเห็นเด่นชัด อย่างน้อยก็ 2 อย่าง 1 กระตุกให้มีผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ได้ออกมา เพราะจะมาหวังพันธมิตรฯ ไม่ได้แล้ว อันที่สองก็คือ เปิดโอกาสให้ประชาชนจำนวนมากยินยอม ที่เขาไม่ต้องมานั่งรอฟังพันธมิตรฯ เขาสามารถตัดสินใจออกไปร่วมกับกลุ่มนั่นกลุ่มนี้ ที่ออกมาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ได้อย่างอิสระเสรี

สนธิ - คือพันธมิตรฯ เป็นนามธรรมนะ ถามว่าสมาชิกก็ไม่มี ไม่เหมือนพวก นปช. เพียงแต่พวกพันธมิตรฯ ใครคิดดีทำดี และคิดด้วยส่วนรวมเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เอาชาติเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาเรื่องประเด็นไม่ได้เอาเรื่องพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นตัวตั้ง เป็นพันธมิตรฯ ทั้งนั้น ส่วนเมื่อเป็นแล้วจะยอมรับเป็นพันธมิตรฯ ก็ตกลง แต่ถ้าไม่ยอมรับก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าคิดอย่างนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว พันธมิตรฯ อยู่ทุกทั่วหัวระแหง สำหรับคนที่คิดดีทำดี พูดไม่ได้ว่ามีใครบ้าง
เพราะฉะนั้นแล้วในการที่ลงตัวเองออกมาแล้ว อย่างน้อยที่สุด คนซึ่งเป็นพันธมิตรฯ อย่างน้อยที่สุด ซึ่งมีความหลากหลายเรื่องความคิด พันธมิตรฯ บางคนก็คิดไปในแนวพรรคประชาธิปัตย์ ว่าต้องไล่ระบอบทักษิณก่อน และปฏิรูปการเมืองที่หลัง บางคนก็บอกว่า ไม่ได้ เพราะว่าระบอบทักษิณกับระบอบพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ ระบอบเดียวกัน ก็คือระบอบสภาเดรัจฉาก เพราะฉะนั้นต้องต่อสู้เพื่อล้มสภาฯ นี้ และเปลี่ยนแปลงใหม่ทุกอย่าง ตรงนี้ต่างหากที่พอเราถอยมาแล้วบังปั๊บ ถ้ายังเข้าใจหลักการอย่างน้อยที่สุดในส่วนที่ผมเกี่ยวข้อง ถ้าเขาเห็นว่า ถ้าไปสู้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อล้มเฉพาะระบอบทักษิณเขาอาจจะไม่ไป ก็เป็นสิทธิของเขา แต่ขณะเดียวกันอาจจะมีส่วนหนึ่ง ซึ่งมีความรู้สึกว่า ฉันไม่รู้ฉันจะเอาล้มระบอบทักษิณก็ไป จะได้ไม่ต้องมีเงื่อนไขของมติแกนนำมา ผูกมัด

อุษณีย์ - มีอิสระในการเคลื่อนไหวด้วย

สนธิ - ตามสบายเลย

อุษณีย์ - แต่ยังต้องเกาะกลุ่มกันอยู่ เพื่อจะรอ

จำลอง - เขาเกาะกลุ่มกันในธรรมชาตินะครับ การจะทำอะไรเดี่ยวๆ มันไม่มีพลังหรอก

เติมศักดิ์ - คือแต่ว่าหลายคนก็ยังยึดมั่นศรัทธากับแนวทางในการนำของแกนนำพันธมิตรฯ

สมเกียรติ - ตามในแนวทางใช้ได้ แต่ศรัทธาในแกนนำ ศรัทธาในแนวทางอย่างที่คุณสนธิพูดมันเป็นนามธรรม มันตรวจสอบไม่ได้ แต่ผมไปพบพันธมิตรฯ มากกว่า 50 จังหวัดนะ ผมเชื่อว่าพวกเขาคิดกันแล้วคิดกันอีก จะไปร่วมกับกลุ่มที่มาชุมนุมหรือไม่ พอมาคิดวันนี้ไม่เพียงแต่โค่นล้มระบอบทักษิณเท่านั้น มันต้องปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย เพราะฉะนั้นโจทย์ของเขาต้องเป็นโจทย์ที่หนักหนามาก เขาจะทำอย่างไรที่จะวางแผนขยายแนวร่วม เขายังทำงานต่อเนื่องนะ แม้เรายังจะประกาศยุติบทบาทไปแล้วก็ตาม ถ้าเขาประชุมกันเขาเชิญมาเราจะไปไหมครับ เชิญอดีตแกนนำพันธมิตรฯ

สนธิ - ไปที่ไหน

สมเกียรติ - ไปที่จังหวัดต่างๆ เขาอยากเชิญอดีต

สนธิ - ได้ครับ ในกรณีหลักการไม่ต่างกัน คือถ้าเขาบอกว่า โค่นระบอบทักษิณ แล้วค่อยมาปฏิรูปผมไม่เอา

เติมศักดิ์ - แต่ถ้าหัวข้อคือ การปฏิรูปประเทศไทย

สนธิ - ประเทศไทยทั้งหมดผมเอา

เติมศักดิ์ - สมมุติปฏิรูประบบพลังงาน เอาพลังงานคืนให้สู่คนไทย

สนธิ - การปฏิรูปพลังงานก็เหมือนการปฏิรูปประเทศไทย การปฏิรูปพลังงานคือ การปฏิเสธบทบาททางการเมืองที่เข้ามามีผลประโยชน์ในพลังงาน

สมเกียรติ - เราค้างกฎหมายไว้ 2 ฉบับ ที่พันธมิตรฯ ร่างคือ กฎหมายพลังงาน กับ ป.ป.ช. กฎหมายปราบปรามคอร์รัปชัน เราร่างเสร็จแล้ว ทนายความตรวจสอบดีแล้ว แต่ยังไม่เสนอสภาฯ เพราะฉะนั้นบทบาทในศาล เรื่องเราก็ยังคั่งค้างฟ้องยึดีคืนหุ้น ปตท.

สนธิ - ยังอยู่ในศาล

สมเกียรติ - ยังอยู่ในศาลอยู่ เพราะฉะนั้นบทบาทถึงแม้เราจะยุติไป เราก็ได้ปรึกษาหารือกันตลอด วันจันทร์นี้เราจะไปขึ้นศาลอีก คดีทำเนียบรัฐบาล แกนนำทั้ง 6 คน จะไปขึ้นศาลนะครับ ผมว่ามันก็เหมือนเดิมแหละ เพียงแต่ว่าเราไม่ออกแถลงการณ์ เราถึงบอกว่า เรื่องอะไรเรื่องแถลงการณ์ฉบับสุดท้าย ใช่ไหม ผมถือว่าการยุตินี้ไม่ว่าจะมีชั่วคราว หรือะไรก็ตาม ให้ใช้คำว่า ยุติเฉยๆ ไม่มี

สนธิ - ไม่มีชั่วคราว ไม่มีถาวร และดูเหตุการณ์ก่อน

เติมศักดิ์ - อาจารย์พิภพครับ ผมคิดว่าหลังจากวันนี้ไป เอเอสทีวีคงต้องทำหน้าที่อธิบายเรื่องราวอย่างนี้มากขึ้น ผมคิดว่าต้องใช้เวลาหน่อย แต่ผมคิดว่าง่ายในการอธิบาย เพราะว่าเราอยู่กันมา 300 กว่าวัน แล้วเราก็เรียนรู้มา และ 2 ผมคิดว่าการชุมนุมใหญ่ควรจะต้องเกิดขึ้นเพื่อไปปฏิรูปประเทศไทย แต่พี่น้องพันธมิตรฯ อย่าไปรอการประชุมใหญ่เท่านั้นในการปฏิรูป เหมือนอย่างที่ผมพูดตอนต้นรายการ ในส่วนที่เราเกี่ยวข้องอยู่ในงานการ เราก็ต้องแสดงความคิดเรื่องปฏิรูป ยกตัวอย่างเช่น คุณสนธิก็แสดงความคิดเรื่องปฏิรูปสื่อออกมา ลุงจำลองก็แสดงการเสนอแนวทางปฏิรูปสุขภาพออกมา และผมคิดว่าการที่วันนี้แกนนำดึงตัวเองออก ผมว่าพลังประชาชนมันมีอยู่แล้วนะ พลังที่จะปฏิรูปมันมีอยู่ กระจายไปทั่ว ผมคิดว่าพวกนี้เขาต้องกลับไปคิดใหม่ ว่าเมื่อไม่มีแกนนำคอยชี้นำว่าจะชุมนุมหรือไม่ชุมนุม หรือชี้นำแม้แต่ทิศทางการปฏิรูป จากที่เราประกาศไป 15-16 ข้อ เขาจะมีโอกาสคิดใหม่ และเริ่มขบวนการใหม่ และมีแนวคิดปฏิรูป ผมว่าการเรายุติบทบาทวันนี้ จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และสังคมไทยนำไปสู่การปฏิรูปที่แท้จริง

เติมศักดิ์ - คือหมายความว่าการประกาศยุติบทบาทวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าการชุมนุมใหญ่ภายใต้การนำของทั้ง 4 ท่าน จะไม่เกิดขึ้นอีก

สนธิ - ดูสถานการณ์ คุณเติมศักดิ์ พูดอย่างนั้นไม่ได้ มันต้องดูสถานการณ์ แต่ผมยังคิด ในส่วนตัวผมนะ ว่าการชุมนุมใหญ่โดยที่ปริมาณคนไม่เยอะถึงขนาดพอเพียงที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ชุมนุมไปก็ไม่มีประโยชน์ ใช่มั้ยครับพี่ลอง

จำลอง - และการชุมนุมที่แล้วมา เป็นบทเรียนสำคัญเลยนะว่า นอกจากประชาชนจะต้องมีจำนวนมากแล้ว จะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาทำหน้าที่ของตน โดยที่จะมีการนัดแนะกับเรา หรือไม่มีการนัดแนะกับเราก็ตาม ชี้แจงรายละเอียดซ้ำอีกที 33 วัน ที่เราไปเรียกร้องให้ทักษิณลาออก เราออกมาชุมนุมใหญ่ ชี้ให้ประชาชนเห็นว่าถ้าทักษิณยังเป็นนายกฯ ต่อไป บ้านเมืองจะเสียหายกว่านั้นอีกเยอะแยะทีเดียว ประชาชนเริ่มรู้ก็เกิดเป็นแรงกดดัน จนกระทั่งทหารต้องออกมาปฏิวัติ แล้วประชาชนไปให้ดอกไม้กับทหาร เราไม่ได้นัดแนะกับเขานะ แต่เพราะว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมา และการที่เราเรียกร้องให้สมัคร ให้สมชาย ลาออก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คือศาล ศาลออกมาตัดสิน ถ้ามีเฉพาะศาล ไม่มีประชาชนออกมา มันก็ไม่ได้ ถ้ามีประชาชนออกมาแล้วไม่มีศาล ไม่มีทหาร มันก็ไม่ได้ เพราะเราไม่มีอะไรที่จะไปชี้ขาดให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันต้องมี 2 อย่างควบคู่กันไป จึงจะประสบผลสำเร็จอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น 384 วัน 384 คืน เป็นตัวอย่างที่ดีที่พิสูจน์เรื่องนี้มาโดยเด่นชัดเลย

สนธิ - แล้วมันก็มีบทเรียนต่อไปจากที่พี่ลองพูด ประการแรก ถึงจะมีการปฏิวัติโดยทหาร แต่ว่าถ้าปฏิวัติแบบงี่เง่า แบบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน แล้วมาตั้งนายกรัฐมนตรีอย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ เราก็ไม่เห็นด้วย หรือการสลับขั้ว โดยที่คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือพรรคทางเลือกที่ดีกว่าพรรคเพื่อไทย แต่ในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ต่างกว่าฝ่ายนั้นเท่าไรนั้น หลังจากที่ไปผสมพันธุ์กับพรรคภูมิใจไทย ทุกอย่างพอมันมีบทเรียนมา เราก็เลยคิดทะลุออกมาเลยว่า มันเป็นอยู่ที่ระบบการเมือง มันไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเราต้องเหนื่อยตลอดชีวิต ถึงลูกถึงหลานเราเลย มันไม่ได้

เติมศักดิ์ - แล้วถ้าสมมุติ ในแง่ของเงื่อนไข เกิดวันดีคืนดี เพื่อไทย ระบอบทักษิณ เอาสุดซอยเลย ช่วยเอาพวก 112 ออกจากคุก คืนเงินให้ทักษิณ นี่เป็นเงื่อนไขได้มั้ยครับ

สนธิ - ไม่ได้ นี่คือเงื่อนไขของทหารต้องตัดสินใจ ไม่ใช่หน้าที่ผม

เติมศักดิ์ - ทหารหรือครับ

สนธิ - ทหารต้องตัดสินใจ

จำลอง - หหารและศาล

สนธิ - แต่ไม่ใช่หน้าที่ผม จริงๆ แล้วบทบาทที่พรรคเพื่อไทยปู้ยี่ปู้ยําประเทศชาติอยู่ มันมีหลายหน่วยงานซึ่งจะต้องแสดงออก ทหารนี้แน่นอนแต่ไม่ยอมแสดงออก เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนอยู่ข้างทักษิณมานานแล้ว แล้วก็เป็นคนที่ทักษิณไว้ใจที่สุด ยืนยันมาเรียบร้อยแล้ว 2.ศาลรัฐธรรมนูญต้องกล้าหาญที่จะตัดสินใจ 3.ป.ป.ช.ต้องทำงานเร็วขึ้น นี้คือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานที่ไม่ใช่ราชการ คนที่มีชื่อเสียงในสังคมต้องกล้าหาญพอที่จะออกมา แล้วต้องให้กำลังใจสนับสนุนการต่อสู้ของกลุ่มประชาชนที่สู้กับความไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นคนอย่างเช่น คุณอนัน ปันยารชุน คุณหมอประเวศ วะสี หลายคนที่มีชื่อในสังคมต้องออกมาแสดงพลังให้เห็น ไม่ใช่แค่ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร มันต้องมีมากกว่านี้ มันต้องออกมาเลย พูดออกมาให้ชัดเจน คุณอนันเป็นนายกรัฐมนตรีกี่ครั้งแล้ว 2 ครั้ง แล้วเป็นปูชนียบุคคลในประเทศไทยเรื่องการเมืองยืนยันได้ คุณอนันจะต้องออกมากล้าหาญมากกว่านี้ หมอประเวศก็จะต้องกล้าหาญมากกว่านี้ คนมีชื่อเสียงในประเทศต้องกล้าหาญมากกว่านี้ เพราะถ้าเขาพูดคนจะฟัง เมื่อเขาพูดแล้วคนฟังมันจะมีอิทธิพล คือมวลชนจะฟัง สื่อมวลชนมาลงข่าว และคนรอบด้านที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาเขาก็จะเริ่มเห็นด้วยหรือฟังแล้วไปปฏิบัติตาม หรือฟังแล้วมีแนวความคิด แต่ถ้าเขานั่งเฉย คือเราอย่าไปว่าข้าราชการเฉย คนที่ไม่ควรเฉยก็เฉย อนันเฉย ประเวศเฉย แล้วจะมาเล่นบังคับให้จำลอง พิภพ สมเกียรติ และสนธิ ออกมากกระโดดโลดเต้นทำไม

พิภพ - คือคุณสนธิครับ เดิมที่ทุกคนก็ฝากความหวังว่าแกนนำจะเป็นคนเป่านกหวีดใช่ไหม แล้วถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงว่าจะเกิดการชุมนุม วันนี้เราเป็นการให้บทเรียนกับสังคมพอเราดึงตัวเองออกมา ทุกคนต้องมีบทบาทละ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทหารอย่างเดียว เพราะทหารอย่างเดียวก็ไม่พอจะต้องทุกส่วนอย่างที่คุณสนธิพูดไปแล้ว ผมว่าอันนี้ และรวมทั้งพี่น้องพันธมิตรฯ เอง ก็จะต้องมีบทบาทในตัวเอง โดยไม่คิดมาฟังการเป่านกหวีด เพราะตัวเองโดยศักยภาพของตัวเอง จะทำอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย

อุษณีย์ - ทำได้แค่ไหน

พิภพ - ผมคิดว่าถ้าคิดยาวๆ วันนี้ จะเป็นอะไรเงื่อนไขใหม่ ที่ก่อให้เกิดความคิดใหม่ ถ้าคุณยังเฉยกันอยู่ ช่วยไม่ได้ครับ ก็ลุงจำลองก็นำ 500 คน

สนธิ - ที่สำคัญนะครับ คุณเติม คุณเก๋ ที่สำคัญที่ผลประหลาดใจก็คือว่า พวกแกนนำ หรือพวกแนวหน้าของพวกกลุ่มเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็น จตุพร พรหมพันธุ์ หรือว่า ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือแม้กระทั่งพวกนักวิชาการทางฝ่ายเสื้อแเดงเยอะแยะไปหมด เขาเองเขามองไม่ออกเลยหรือว่า การเมืองทุกวันนี้ มันไม่ใช่การเมืองที่เขาเรียกร้องมาตลอดเวลา อย่างที่ผมยกตัวอย่างมาตอนแรก คุณเคยเรียนหนังสือไม่ใช่หรอ อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการต้องแยกกันเป็นอิสระ
แต่ว่าในเมื่อนิติบัญญัติกับบริหารมันรวมกันเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว เขาปิดหูปิดตาได้ไง เข้าใจไหม และเสร็จเรียบร้อยแล้ว การเป็นผู้บัญชาการเมืองคือ การสร้างความเท่าเทียมกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ระหว่างชนชั้นต่างๆ ในสังคมให้โอกาสคนที่ด้อยโอกาส ไอ้ตรงนี้เขาสู้อยู่ไม่ใช่หรอ หรือเขาเพียงเป็นแต่สนใจอยู่อย่างเดียวก็คือว่า ให้พรรคเพื่อไทยมีอำนาจ เพื่อที่จะให้ผลประโยชน์ตกหล่นมาทางเขา เห็นไหม และชูทักษิณก็คือว่า เอาแค่ทักษิณ เอาให้ทักษิณพอใจ เขาคิดได้เพียงแค่นี้หรอ ความจริงแล้วสิ่งที่พวกเรากำลังสู้ในเรื่องการปฏิรูปการเมืองแล้ว เราไม่เอาระบบการเมืองแบบนี้ เพราะระบบการเมืองแบบนี้เป็นระบบกินตัว เป็นระบบชั่วร้าย เป็นระบบอวิชชา เป็นระบบมิจฉาทิฏฐิ เขาน่าจะเห็นด้วย

สมเกียรติ - เขามักจะไปตีโจทย์ผิดไง

พิภพ - พอไม่เอาระบบนี้ หมายถึงต้องไปเอาระบบทหารเท่านั้นใช่ไหมครับ และเขาก็ไปอะไร ภาษาเขาเรียกว่า เครมใช่เปล่า เครม ถามว่าพวกเราชุมนุมเดินขบวน เพื่อจะให้ทหารออกมาปฏิรูป

สนธิ - ใช่ วันนี้เอา พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งถังขยะไปได้เลย ไม่มีประโยชน์

***************(สัญญาณขาด)*****************

เติมศักดิ์ - เขาบอกว่า มาชวนให้เขาลงถนน และพอเขาไม่มาก็มาด่าเขา เขาบอกอย่างนั้น

สมเกียรติ - ผมมองอย่างนี้ การที่เรายุติบทบาทหมายถึง ไม่มีการเป่านกหวีดจากเรา และพันธมิตรฯ ทุกคนมีความคิดความอ่าน และเป็นผู้ตื่นรู้ทางปัญญาแล้ว ยิ่งเป็นทองเนื้อแท้ต้องตื่นรู้ทางปัญญา การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปต้องอีกครั้งเดียวต้องคุ้มค่า คุ้มค่าคืออะไร คือการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย เพราะฉะนั้นการที่เราเป่านกหวีด ทำให้คนมีเสรีภาพ คุณจะมีความกล้าหาญด้วย ปรัชญาของอินเดียเขาบอกว่า เจ้าเสรีภาพเป็นตัวการสำคัญทำให้คนกล้าหาญ ผมก็เชื่อ และวันนี้ไม่มีนกหวีดจากเราแล้วไม่ว่าจะแกนนำที่ไหนเป่า ท่านก็เป่ากันเอง ท่านชวนไปกันเอง ไม่ว่าจะไปสวนลุมฯ หรือเปล่าผมไม่ทราบ แต่ว่าไปแล้วก็ใช้สติปัญญาให้มาก ถ้าเขาหลอกท่านไปอีก ท่านจะทำยังไง ท่านต้องทำหลายอย่างนะคนเราไม่ใช่ไปรอปฏิรูปใหญ่อย่างเดียว บางคนอาจจะไปเคลื่อนไหวกับเขา เพื่อไปหาประสบการณ์ก็ได้ เพื่อมารอปฏิรูปใหญ่อะไร เราก็ไม่ว่ากัน

เติมศักดิ์ - คุณสนธิเป็นหนึ่งในรายชื่อที่รัฐบาลเชิญไปร่วมสภา เวทีปฏิรูปประเทศ

สนธิ - ถ้าผมไป ผมโง่บัดซบเลย ขอโทษต้องใช้ภาษาอย่างนี้ เพราะว่า คุณได้อ่านจดหมายที่คุณยิ่งลักษณ์เขียนหรือเปล่า คุณอ่านแล้วคุณรู้สึกยังไง ผมว่าแกโกหกพกลมหมดทุกข้อเลย เมื่อแกโกหกพกลมมา แล้วจะให้ผมไปร่วมปฏิรูปได้ยังไง อันที่ 1 อันที่ 2 ระหว่างที่จะให้ไปปฏิรูปการเมือง กับเดินเกมทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจประเทศให้มากขึ้่น นี่ไม่ใช่ปฏิรูป นี่คือการหลอกลวงคน ด้านหนึ่งยิ้ม อีกด้านหนึ่งถือมีด ด้านหนึ่งยื่นมือจับโน่นจับนี่ แต่อีกด้านหนึ่งใครเผลอปั๊บแทง พฤติกรรมของพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลชุดนี้ ในสภาเป็นการพิสูจน์ชัดว่าเขาต้องการจะรวบอำนาจ และเขาใช้เกมปฏิรูปการเมืองเพื่อซื้อเวลา ทำให้ภาพเขาดี ทำไมทำให้ภาพเขาดี เพราะเขาตัดหน้าประชาธิปัตย์ เพราะประชาธิปัตย์ตั้งแต่สู้มา สู้เพื่อล้มระบอบทักษิณ ไม่ได้สู้เพื่อปฏิรูปทางการเมืองด้วย เห็นมั้ย ไม่มีนะ ไม่มีเลย เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทย นักยุทธศาสตร์ Strategist ของพรรคเพื่อไทยเป็นคนที่เก่ง ทำอะไรตัดหน้าประชาธิปัตย์ ทำให้ประชาธิปัตย์อยู่ในสภาวะอีหลักอีเหลื่อ

จำลอง - การที่เขาเสนอสภาปฏิรูปฯ ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาเพราะประชาชนไม่เห็นด้วยเยอะ ปัญหาน่ะ ตัวเองทำทั้งนั้นเลย ตัวเองก็ถอนออกมาให้หมดสิ กฎหมายอะไรต่างๆ ที่มันไม่เข้าท่า ที่มันทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็แค่นั้นเอง ทำไมต้องมาตั้งสภาปฏิรูปฯ ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าไป ผมถือว่าโง่นะ

อุษณีย์ - จนถึงนาทีนี้ ยังมีความหวังที่ประชาธิปัตย์จะเสียสละตัวเองเพื่อไปเป้าหมายใหญ่ มีมั้ยคะ

สนธิ - ผมคิดว่ายาก

จำลอง - เพราะว่าประชาธิปัตย์เป็นอย่าง ....

สนธิ - ยากครับ ผมคิดว่าติดอยู่ที่ 2 คน คุณชวน หลีกภัย กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

อุษณีย์ - ไม่ใช่คุณสุเทพเหรอคะ

สนธิ - ผมว่าคุณสุเทพน่าจะเป็นลูกคู่มากกว่า

สมเกียรติ - ที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์มานะ ผมว่ามันอีหลักอีเหลื่อ มันจะมีการลาออกบางส่วน มันจะทิ้ง ส.ส.ไว้ในสภา ผมเคยคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคบางคนที่ผมเคารพนับถือ เขาจะลาออกเฉพาะปาร์ตี้ลิสต์ แล้วก็ไม่ให้คนระดับรองขึ้นไป แสดงว่าเขาปฏิเสธ เขาจะอยู่กับพรรคจำนวนหนึ่ง และคอยที่จะต้านกฎหมายทั้งหลายโดยการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ผมว่าอย่างนี้มันไม่ได้หรอก มันต้องลาออกทั้งหมด อย่าคิดว่าประชาชนไม่มีทางต่อสู้ ถ้าลาออกทั้งงหมด กติกาเก่า เราไม่ทำอะไรเลย เราสู้เพื่อปฏิรูปการเมืองใหม่ อันเก่าเราล้มทิ้งหมดเลย เขาจะทำอะไรก็ตาม เราล้มทิ้งหมด มันไม่เกิดเลย ใช่มั้ยครับ ผมยืนยันว่า ถ้าท่านไม่ลาออกทั้งหมดนะ โอกาสของท่านมันก็แค่ ส.ส.จำนวนน้อยนิด ที่แพ้ทุนนิยมสามานย์ ในขณะที่ท่านก็เป็นทุนนิยมสามานย์อ่อนๆ ด้วย ผมคิดว่า ทุนนิยมสามานย์มีอ่อน มีแข็งนะ อย่างทุนนิยมแข็ง มันใช้เงินจำนวนมาก แล้วทุนนิยมสามานย์อยางพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือเอาเงินจากคนอื่นมาแจกจ่าย ส.ส. ผมถือว่าพวกนี้คบไม่ได้ทั้งสองกลุ่ม ผมจึงให้ล้มระบอบรัฐสภา ที่คุณสนธิใช้คำว่าเดรัจฉาน แต่ผมใช้คำว่า สภาทาส หรือสภาขี้ข้า ออกก่อน

พิภพ - ประชาธิปัตย์ตอนนี้มีทางออกทางเดียวนะ เพราะอย่างอื่นตัวเองทำไม่สำเร็จ ถ้าปฏิรูป ประชาธิปัตย์ลำบากใจนะ จะเข้าปฏิรูป หรือไม่ปฏิรูปเนี่ย ลำบากใจ เพราะตัวเองได้ผ่านอันนี้มาแล้ว ได้ทิ้งปฏิรูป ทิ้งสิ่งที่คุณอานันท์เสนอ สิ่งที่ อ.ประเวศ เสนอ ที่ อ.คณิต เสนอ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เสนอ ดร.สมบัติ เสนอ เอาของ ดร.สมบัติ มาแค่ 2-3 เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์ตอนนี้วางตัวลำบาก ถ้าจะเล่นเกมปฏิรูปก็เล่นไม่ได้ จะบอกว่าปฏิรูปของพรรคเพื่อไทย ของยิ่งลักษณ์ ใช้ไม่ได้ ก็จะเข้าตัวเอง เพราะฉะนั้นเกมประชาธิปัตย์ตอนนี้ก็คือต้องใช้พลังของ ส.ส.ทั้งหมด ออกมาจากสภา เดิมทีผมไม่ค่อยมีความรู้สึกคล้อยตามกับคุณสนธิเท่าไรนะ ในครั้งแรกคุณสนธิพูดในรายการ แต่พอฟังครั้งที่ 2 แล้วมันใช่ ว่าพลังสุดท้ายที่ประชาธิปัตย์จะแสดงออกและมีพลังในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็คือจะต้องละทิ้งความเป็นพรรคเก่า ละทิ้งความเป็น ส.ส.นิสัยแบบ ส.ส.ออกมา แล้วประชาธิปัตย์ต้องถามว่า แล้วมีวิธีอื่นที่ทำแล้วจะมีพลังในการเปลี่ยนแปลงประเทศมั้ย ตอบมาสิ ถ้าไม่มีแล้วถามทำไม ว่าถ้าใช้พลังตัวนี้ ในการออกมาจาก ส.ส.จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมั้ย ผมว่าประชาธิปัตย์ต้องถามตรงนี้ ถ้าถามตัวนี้จะได้คำตอบ

สนธิ - เขารู้คำตอบแล้วแต่เขาไม่กล้า

จำลอง - บทเรียนในอดีตนะ รู้คำตอบ

สนธิ - เขาไม่กล้า

จำลอง - เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ ไม่เคยมีครั้งใด สมัยไหน แก้ได้ในสภา สมัยที่ผมเป็นหัวหน้าพรรคนะ ผมเป็น ส.ส. ผมเป็นหัวหน้าพรรค พรรคขนาดกลางที่มีชื่อเสียงมากนะ แก้ในสภาไม่ได้ ต้องออกมาแก้ข้างนอก ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อเกิดวิกฤตแล้วสามารถแก้ในสภาได้ อย่าไปหวัง

พิภพ - ผมเติมนิด ตอนที่มีปัญหาเรื่อง ส.ป.ก.4-01 การแก้ในสภา ไม่มีทาง พรรคพลังธรรมของ พล.ต.จำลอง ร่วมด้วย มีอันเดียว ถ้าโหวตก็จะแพ้อยู่ตลอด ลุงจำลองก็ถอนตัวออกมา เกิดพลังทันทีในการเปลี่ยนแปลง

จำลอง - ตอนนั้นเขาคาดไม่ถึงว่าเราจะกล้าเสียสละ เพราะว่าเรามีตั้ง 11 รัฐมนตรี ไม่ใช่น้อยๆ นะ แล้วมีการเลี้ยงก่อน ก่อนที่จะมีการประชุมปรึกษาหารือ เขาคงนึกว่าเราไม่กล้า แท้ที่จริงแล้ว เขารู้ดี เพราะเขามีนักกฎหมายเยอะ ว่าการแจก ส.ป.ก.4-01 ให้กับเศรษฐี แล้วเศรษฐีเป็นคนสำคัญของพรรคร่วม มันเป็นเรื่องที่ผิด ผิดแล้วยังทำได้ยังไง เราถอนตัวออกมา เขาเลยต้อง ...

สนธิ - ยุบสภา

สมเกียรติ - ผมขอพูดนิดเดียว เรื่องวันที่ 7 สิงหาคม ที่เขาไปเดินส่งพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็กลับ มีคนไปบอกให้คนตระเตรียมกำลังเตรียมไว้ประมาณ 70,000 คน แต่แล้วพรรคขัดแย้งกัน ไม่ทำ แล้ววันนี้เป็นยังไงล่ะ เขาไปส่งแล้วเขาบอกว่า เขาเคารพกฎหมาย พอดีนักข่าวเอเอสทีวีไปสัมภาษณ์ใช่มั้ย ผู้หลักผู้ใหญ่ก็บอกว่าเคารพกฎหมาย ทำเพื่อไปส่งผู้ทรงเกียรติให้ไปทำงานในสภา แล้วไงล่ะ

สนธิ - แล้วยังไง

สมเกียรติ - เออ สู้กันยังไงล่ะ ผมถึงบอกว่า การเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ มี ส.ส.คนดีๆ ก็มี แต่มันมีไม่มาก แล้วอันหนึ่งที่สำคัญที่สุด มันเกรงใจคน ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค ถ้าผู้ใหญ่ในพรรคคนหนึ่ง หรือสองคน พูด เปลี่ยนเลย ตอนแก้รัฐธรรมนูญ มันโหวตผมตอนแรก ไม่เปลี่ยนๆ มันโหวตตอนที่ 2 มันให้ไปล็อบบี้ที่กระบี่ กลับมาปั๊บ มันเปลี่ยน มันทำกันขนาดนั้น มันทำเพื่อจะเปลี่ยน มันคิดว่าถ้าลงเลือกตั้งแล้วชัยชนะจะมาเป็นของอภิสิทธิ์ 125 เสียงใช่มั้ย ปาร์ตี้ลิสต์ มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น

เติมศักดิ์ - เหมือนเขาก็ประเมินได้ว่า ถ้าลาออกมันจะมีอิมแพ็คมากแค่ไหน แต่ว่าตอนนี้มันติดอยู่ที่ความกล้า ใช่มั้ยครับ

สนธิ - ไม่กล้า เขาไม่กล้า

จำลอง - เขาต้องเสียสละด้วย

สนธิ - คือชอบถาม

จำลอง - คนหนึ่งอย่างน้อยก็ได้เงินเดือนเป็นแสนแล้ว อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ถึงเวลาก็ไปลงนาม

เติมศักดิ์ - อยู่ที่ความกล้าและความเสียสละ

จำลอง - ใช่

สนธิ - ต้องเสียสละ

สมเกียรติ - ไม่ มันมีความเกรงใจเขาด้วย ในพรรคนี้ มันเกรงใจผู้ใหญ่ 2-3 คนในพรรค ถ้าพูดเข้ามาในที่ประชุมปั๊บ ก่อนจะลาออกใช่มั้ย เขาพูดว่า อย่างโน้นอย่างนี้ ผมเชื่อมั่นที่สุดในระบบรัฐสภา ถอยหมดเลย ผมเชื่อ ผมเคยอยู่ นั่งอยู่ในการประชุมตลอดมา ผมรู้

สนธิ - คุณเติม วันนี้ถ้าลาออกก็ช้าไปแล้ว พูดตรงๆ เพราะว่าคุณไปให้ความชอบธรรมเขาตลอดเวลา แล้วคุณลาออกมา แล้วระดมคนมาล้มเขา เขาก็บอกคุณขี้แพ้ชวนตีไง ผมบอกการตัดสินใจมันเป็นวิกฤตที่จะต้องตัดสินใจทันที พี่ลองนี่เป็นทหารรู้ มันอยู่ในสงคราม เข้าในสภาฯ วันแรก เขายกมือขอเลื่อนวาระ เขาล้มตูมปังเดินออกทันทีเลย มันต้อง 1 ตามด้วย 2 ตามด้วย 3 ตามด้วย 4 ใช่ไหมครับ ผมชอบพูดเรื่องตัวเลข 0 กับ 1 เลขมันมี 0 กับ 1 เพราะจาก 1 มันจะต่อ 2 1+1=2 3 ก็คือ 2+1=3 ถูกไหม เพราะฉะนั้นแล้วไอ้ตัวเลข 2 3 4 ไป การกระทำอะไรก็ตาม ถ้า 1 มันไม่บริสุทธิ์ไม่ถูกต้อง 2 ก็ไม่ถูกต้องถูกไม่ถูก เพราะฉะนั้น 1 นี่สำคัญที่สุด

เติมศักดิ์ - กระดุมเม็ดแรก

สนธิ - กระดุมเม็ดแรก จุดเริ่มต้นของเขา ดังนั้นวันที่ 7 สำคัญที่สุด สำคัญจริงๆ และวันนั้นคือวันนี้ 20 กว่า ถ้าเขาออกจากวันนั้นแล้ว ผมเชื่อนะ วันนี้มีนั่งคุยกันเรียบร้อยแล้ว

สมเกียรติ - ไม่วันนั้นเกือบจะลาออกกันแล้ว มันขัดกันนิดหน่อย เขาบอกว่าให้เตรียมคน 70,000 อีกคนไม่กล้าเปลี่ยนแปลง หมัดนึงขัดแย้ง ผมบอกจริงๆ ว่า ในพรรคประชาธิปัตย์อิหลักอิเหลื่อตลอดเวลาเลย

อุษณีย์ - เพราะคุณชวน เป็นแกนนำคนหนึ่งที่คัดค้าน และยังยึดติดเรื่องสภาฯ เลยมีจดหมายเปิดผนึกไปกระทุ้งบ่อยๆ จากเสื้อแดง ยิ่งทำให้ประชาธิปัตย์ไม่กล้าตัดสินใจ

สมเกียรติ - เขาตัดสินใจมาแล้วครั้งหนึ่งคือ การไม่ลงเลือกตั้ง เขาเคยทำแล้วกับพรรคมหาชน ทำได้ผล พอวิกฤตการณ์ในภาคใต้ ลงคะแนนไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ตั้ง 14 จังหวัดเลย เขาเอาบทเรียนนี้มาใส่

พิภพ - และนำไปสู่การยุบพรรคด้วย ใช่ไหมครับ เพราะมีการเล่นกล ผมว่าประชาธิปัตย์คิดไม่ชัด 2.ประชาธิปัตย์ไม่ใช่เป็น เห็นพลังของมวลชน

สมเกียรติ - ไม่เห็นประชาชน

สนธิ - หลักการนี้ถูกต้องไม่เห็นพลังของมวลชน อันที่ 2 สำคัญที่สุด ประชาธิปัตย์ลึกๆ แล้ว เป็นพรรคที่โบราณมาก ไม่มีความคิดสร้างสรรค์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว พรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่เป็นรัฐบาลมา ไม่เคยสร้างสรรค์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

เติมศักดิ์ - ตกลงวันนี้ โจทย์ที่เราโยนลงไป ที่สำคัญก็คือ เราจะกระตุกเหลี่ยมพรรคประชาธิปัตย์ พรรค องค์กรอิสระ

สมเกียรติ - และข้าราชการ ผู้มีชื่อเสียงภาคเอกชน อดีตนายกฯ

สนธิ - คือสรุปแล้วมาช่วยกันแบกประเทศหน่อย จบง่ายๆ

สมเกียรติ - ผมใช้สหบาทา

สนธิ - มาช่วยแบกประเทศหน่อย อะไรๆ จะต้องพันธมิตรฯ ทำไม พวกเราคนไม่มากจริงๆ ก็คุณเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรอ พวกเรามีเพียงไม่กี่คน

จำลอง - ที่จริงเยอะนะ ไปดูในรูปสิ รูปที่เราอยู่ในทำเนียบ โอ้โหไม่น่าเชื่อเลยนะ

เติมศักดิ์ - สุดท้ายสำหรับการประกาศจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในวันนี้ทั้ง 4 ท่าน อยากจะบอกพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่าอย่างไรบ้าง

สนธิ - ผมคงไม่บอกเพราะผมพูดไปแล้ว

จำลอง - ผมก็พูดไปแล้ว

สนธิ - อย่าเสียเวลาเลย

จำลอง - ไม่ต้องเสียกำลังใจหรอก เราไม่ไปไหน เรายังอยู่ แต่เราคิดว่าการตัดสินใจของเราวันนี้ ตัดสินใจโดยความรอบคอบเหมือนครั้งที่แล้วๆมา

สนธิ - ให้คิดในแง่หลักธรรมง่ายๆ ถ้าท่านเห็นธรรมท่านเห็นเรา ถ้าเห็นด้วยกับหลักการความถูกต้อง เราไม่ได้ไปไหน เหมือนกัน เราใกล้ชิดกันมาก

จำลอง - มันจะเป็นประโยชน์มากกว่าเรายังอยู่ในตำแหน่งแกนนำ

เติมศักดิ์ - อ.พิภพ ครับ จะพูดถึงกองทุนชดเชยผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

พิภพ - คือวันนี้เราขอยุติบทบาท ผมอยากจะเรียนว่า ผมเองได้รับมอบหมายจากแกนนำให้ดูแลเรื่องผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ผมเลยถือโอกาสสรุปรายงานมาว่า ที่เราได้รับบริจาคมาทั้งหมดประมาณ 47,869,818.27 บาท เราได้ช่วยเหลือไป 47,821,202.60 บาท เราเหลือเงินคงเหลือ 48,715 .60 บาท ผมอยากจะเรียนว่าผู้บาดเจ็บ ผู้พิการ ทั้งหมด 1,700 ราย เรายังดูแลอยู่ในส่วนที่ยังต้องการความช่วยเหลือกับเรา ล่าสุดก็คือไปเยี่ยมคนที่ได้ต่อสู้ในวันที่ 7 ตุลาฯ คือคุณปรีชา ตรีจรูญ ถูกศาลตัดสินจำคุก 30 ปี เราก็ไปมอบเงินให้อีก 80,000 บาท ผมอยากจะเรียนว่าถึงแม้เราจะยุติบทบาทจากแกนนำแต่ความรับผิดชอบจากพี่น้องพันธมิตรฯ เรายังคงอยู่

เติมศักดิ์ - ก็เชื่อมั่นว่า พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกท่านก็คงจะเข้าใจจุดยืนของแถลงการณ์ฉบับสุดท้ายวันนี้และเข้าใจเจตนาของแกนนำ ซึ่งกลายเป็นอดีตวันนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ประกาศยุติบทบาทในฐานะแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

วันนี้ขอบคุณมากทั้ง 4 ท่าน ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ





กำลังโหลดความคิดเห็น