xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่ายค้านอัด “ปู” ทำเหมือนชาวสวนยางไม่ใช่คนไทย-“ยรรยง” อ้างข้าวไทยตีกลับเพราะไม่ตรงสเปก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หมอสุกิจ” ซัดนายกฯ อ้างไทยส่งออกยางน้อยควรพิจารณาตัวเอง อัดรัฐบาลไม่จริงใจแก้ปัญหา มีแต่คำโกหกหลอกลวง “นอมินีเติ้ง” แถคำเดิมกำหนดโดยตลาดโลก เจอโต้กลับช่วยชาวนามากกว่าชาวสวนยาง ใบ้นักการเมืองมือเผาโรงเก็บยางเมืองคอน ด้าน “ยรรยง” แก้ตัวข้าวตีกลับ อ้างไม่ตรงสเปก ไม่เกี่ยวสารปนเปื้อน

วันนี้ (29 ส.ค.) นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องนายกฯ ไปสัมภาษณ์ว่าไม่สามารถผลักราคายางเท่าตลาดโลกได้ เพราะยางต่างๆ เทียบกับประเทศอื่นแล้วยังน้อย เพราะต้องอิงกับกลไกลตลาดโลก แต่เขารู้กันทั้งโลกว่าไทยส่งออกยางเป็นอันดับหนึ่งของโลก ตนคิดว่านายกฯ ควรพิจารณาตัวเองได้แล้ว การออกมาเรียกร้องของเกษตรกรสวนยางเป็นปัญหาเรื้อรังมานานและเกิดขึ้นทุกภาคของไทย เรียกร้องกันมาเป็นสิบครั้งในหลายจังหวัด รัฐบาลนี้แก้ปัญหาไมได้ ไม่จริงจังในการแก้ปัญหา มีแต่คำโกหกหลอกลวงไปวันๆ วันนี้ยางราคากิโลกรัมละ 78 บาท น้ำยาง 60 บาท ห่างไกลจากราคา 120 บาทที่รับปากไว้มาก ถามว่าจะช่วยสวนยางให้ได้ราคากิโลกรัมละ 120 บาทตามสัญญาได้หรือไม่ อย่างไร เมื่อใด

นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกฯ และรมว.เกษตรฯ ชี้แจงแทนนายกฯ ว่า เรื่องราคายางเป็นการกำหนดราคาโดยตลาดโลก ฉะนั้นโอกาสที่จะขึ้นไป 120 บาท หรือลงมาเหลือ 60 บาท ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกเป็นตัวกำหนด แต่ที่รัฐบาลพยายามจะช่วยเหลือเกษตรกรสวนยาง คือ การแก้ไขทั้งระบบให้เป็นไปอย่างยั่งยืน สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ มีประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น ให้มีความเข้มแข็ง และมีการใช้ยางในประเทศเพิ่มมากขึ้นโดยผ่านทางอุตสาหกรรม

นพ.สุกิจกล่าวว่า ถ้าตอบแบบนี้ตนฟังมาตั้งแต่เกิดและไม่มีอะไรดีขึ้น ที่บอกว่าเป็นไปตามกลไกตลาดโลก ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องมีรัฐบาล ไม่ต้องมีกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ โครงการจำนำข้าวก็ไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก รัฐบาลช่วยชาวนาแต่ไม่ช่วยชาวสวนยาง มีการทุ่มงบ 2.7 แสนล้านบาท แต่มีการเตรียมงบ 2 หมื่นล้านดันราคายางพารา ห่างกันส 3 เท่าตัว ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลเอาช่วยยางพารา 2.7 แสนล้านบาทด้วย ให้เท่ากับข้าวได้หรือไม่ โดยเอามาซื้อยางราคา 120 บาท ซึ่งจะทำให้ยางหายไปจากตลาดประมาณ 2 ล้านตัน รัฐบาลทำได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้เพราะอะไร

นายยุคลชี้แจงว่า การจะนำเงินมาใช้บริหารจัดการต้องดูด้วยเหตุด้วยผล ในส่วนของยางพารา ทางกระทรวงเกษตรฯ มีหน่วยงานดูแลเป็นองค์กรที่เข้ามาจัดการทั้งส่วนกองทุนสงเคราะห์ การทำสวนยาง องค์กรสวนยาง และสถาบันวิจัยยาง งบบริหารจัดการจะมีขบวนการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง การแก้ปัญหาจะเทียบกับโครงการรับจำนำข้าว วันนี้กระบวนการแก้ไขปัญหาสินค้าแต่ละชนิดต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ จะใช้มาตรการเดียวกันคงไมได้ ในส่วนของยางก็มีมาตรการออกมาอย่างชัดเจน แม้จะซื้อ 120 บาทเอาไว้ ก็ต้องมีการบริหารจัดการอย่างต่อเนือง ซึ่งจะเป็นภาระหนัก

นพ.สุกิจกล่าวว่า ตนผิดหวังที่ได้รับคำตอบแบบนี้ เรื่องสำคัญธาตุแท้ของรัฐบาลชุดนี้ คือ คิดไม่เป็น ชาวสวนยางไม่ใช่คนไทย ไม่เสียภาษีหรือถึงได้ใจดำกันนัก พวกตนพยายามจะช่วยรัฐบาล แต่เมื่อไม่รับ วันที่ 3 ก.ย.นี้ก็เตรียมตัวกันให้ดี แล้วอย่าหาว่าพวกตนไปหนุนเพราะเขาเดือดร้อนจริงๆ และเตือนว่าอย่าทำอะไรให้ประชาชนเจ็บ เพราะจะเจ็บกว่า พวกเขามีจิตใจสูง รักสงบ ไม่เผาบ้านเผาเมือง

อย่างไรก็ตาม นายเจริญตัดบทให้พูดถึงแต่เรื่องยางเท่านั้น แต่ นพ.สุกิจกล่าวว่า ตนพยายามจะพูดถึงคนหนึ่งซึ่งมีส่วนกับเรื่องยาง ทำให้ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่าเป็นการข่มขู่ ใส่ร้าย ตนเชื่อว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนจะไม่ทำร้ายประชาชนแน่นอน

นพ.สุกิจกล่าวว่า ตนบอกว่าชาวสวนยางมีจิตใจสูงกว่านายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ อดีต รมช.เกษตรฯ ที่ต้องพูดถึงเพราะเคยมาคุมเรื่องยาง และทำโครงการศักยภาพใช้เงินของประเทศไป 2 หมื่นกว่าล้านบาท ผลคือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินทำหนังสือถึงนายกฯ โครงการแทรกแซงราคายางไม่ได้ผล ไม่ถึง 120 บาท มีการสวมสิทธิ์ทุจริต ตนเคยกระทู้ถามนายณัฐวุฒิ โดยตอบว่าได้ส่งเรื่องไปให้ดีเอสไอทำการสอบสวนดำเนินการตามความผิด ผ่านไปแล้ว 8 เดือน ผลสอบสวนเป็นอย่างไร รู้ตัวคนทุจริตหรือยัง ความจริงอยู่ไม่ไกลถ้าสนใจจะค้นหา นอกจากนี้ยาง 2 แสนตันที่อยู่ในสต๊อกยังเกิดปัญหาเน่าเสีย จะดำเนินการอย่างไรกับทรัพย์สินของประชาชน จะขายหรือ เก็บไว้จนเสื่อมสภาพ

นายยุคลตอบว่า เรื่องดีเอสไอตนขอตามรายละเอียดอีกครั้งเพราะยังไม่ได้รับรายงาน ส่วนยางเสื่อมสภาพ ตนตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบรอผลรายงานอยู่ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณเดือนกว่าๆ โดยยางสองแสนตันยังเก็บไว้โดยมีประกันภัยอยู่ มีแผนที่จะใช้ภายในประเทศเป็นหลัก

นพ.สุกิจกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน โดยเฉพาะดีเอสไอเก่งแต่งานไม่เข้าท่า พอเรื่องเสือสิงห์กระทิงปูแล้ววิ่งเข้าใส่ทันที แต่นายเจริญแก้ตัวแทนให้ว่านายยุคลเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง และรับปากแล้วว่าจะตามเรื่องดีเอสไอให้ แต่ นพ.สุกิจ แย้งว่า เรื่องการทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ นายกฯ พูดตลอดว่าจะแก้เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน แต่พอเรื่องนี้หน่วยงานราชการกลับไม่ทำ และความจริงแล้วต้องตรวจสอบพวกกันเองด้วย เพราะเป็นเรื่องในกระทรวงเกษตรฯ จะต้องหาคนผิดมาลงโทษ

“และขอฝากเรื่องเผาโรงยางที่นครศรีธรรมราช เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาชี้แจงต่อในที่ประชุมคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจว่า สรุปแล้วว่าเป็นการลอบวางเพลิง เสียหายไป 300 กว่าล้านบาท ตอนนี้รู้หรือยังว่าใครวางเพลิง ผมจะใบ้ให้ทราบว่าเป็นคนที่แอบเอายางไปเวียนเทียนขายก่อนแล้ว ไปสืบดูว่าเป็นนักการเมืองหรือไม่ และอีกพวกคือไปซื้อขายบนกระดาษแล้วเผาของกลาง ต้องไปจับคนพวกนี้ให้ได้เพราะเป็นเงินภาษีประชาชนทั้งนั้น” นพ.สุกิจกล่าวทิ้งท้าย

ต่อมานายรังสรรค์ มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทยกระทู้ถามสดเรื่องความคืบหน้าของรัฐบาลต่อการแก้ไขปัญหาโครงการรับจำนำข้าวในฤดูกาล 2556/2557 ว่า ขณะนี้เริ่มมีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากในหมู่เกษตรหลังจากมีข่าวว่าโครงการรับจำนำข้าวกำลังประสบปัญหาในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะกรณีถูกสหรัฐอเมริกาตีกลับข้าวที่รับมาจากประเทศไทยเพราะพบว่าสารปนเปื้อน ซึ่งข่าวที่ออกมาถือว่าเป็นการทำลายชาวนาในทางอ้อม จึงอยากขอความมั่นใจจากรัฐบาลว่าในฤดูกาล 2556/2557 จะยืนยันรับจำนำข้าวข้าวตามนโยบายเหมือนเดิมหรือไม่

นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ชี้แจงว่า การจำนำข้าวของรัฐบาลมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับราคาข้าวและรักษาราคาข้าวเกษตรได้รับผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยกระทรวงพาณิชย์มีข้อมูลว่า ในการรับจำนำข้าวรอบที่ 1 รัฐบาลได้รับจำนำข้าวเป็นจำนวน 14.5 ล้านตัน โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 3.4 ล้านครัวเรือน และรัฐบาลจ่ายเงินผ่านบัญชีของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์แล้วไปยังเกษตรเป็นจำนวน 2.3 แสนล้านบาท ส่วนการรับจำนำข้าวในรอบที่ 2 มีเกษตรกรเอาข้าวมาเข้าโครงการคิดเป็น 5.8 แสนครัวเรือน และได้รับเงินไปแล้วจำนวน 9.2 หมื่นล้านบาท

“ดังนั้นการดำเนินโครงการของรัฐบาลได้แสดงให้เห็นว่าเกษตรได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน และการที่รัฐบาลมีข้าวอยู่ในสต๊อกจะทำให้มีอำนาจต่อรองมากขึ้นในการขายข้าว ซึ่งรัฐบาลจะเน้นการระบาายข้าวผ่านระบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี” นายยรรยงกล่าว

นายยรรยงกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามข่าวที่ได้ระบุว่าข้าวไทยถูกตีกลับแล้วพบว่าเป็นข้าวของเอกชนที่ส่งออกไป โดยสาเหตุที่ข้าวถูกส่งกลับนั้นไม่ใช่เรื่องของสารปนเปื้อน แต่เป็นเพราะสีและกลิ่นของข้าวไม่ตรงตามคุณสมบัติของผู้ซื้อ อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบว่าข้าวจำนวนดังกล่าวที่ได้ส่งกลับถึงไทยมีสารปนเปื้อนหรือไม่ต่อไป เมื่อรัฐบาลได้แถลงนโยบายการรับจำข้าวไว้ต่อรัฐสภาแล้วรัฐบาลก็จะเดินหน้าโครงการต่อไป โดยถ้าเป็นข้าวขาวจะรับจำนำในราคา 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ข้าวหอมมะลิ 2 หมื่นบาทต่อตัน ส่วนข้าวประเภทอื่นราคารับจำข้าวจะลดหลั่นตามลำดับ







กำลังโหลดความคิดเห็น