รองนายกฯ เชื่อพ่นสเปรย์อาร์เคเคแค่เห็นต่าง ย้ำเจรจาต่อ ยันยังไม่ได้ข้อเสนอของบีอาร์เอ็นตามยูทิวบ์ ระบุยึด รธน.ไทยเป็นหลัก ยังไม่รู้ตราวีซ่าหาย 2 พันดวง โยน กต.ดูรื้อระบบหรือไม่ ด้าน กห.ชี้ภัยแทรกซ้อนผสมไฟใต้ เหตุช่วงเลือกตั้งท้องถิ่น ระบุอุปกรณ์ 3 ชนิดจำเป็นใช้งาน ซัดพวกบิดเบือนหาช่องโกง ชูผู้ชนะไทยแลนด์ก็อตทาเลนท์ 3 แสดงถึงชาวไทยหวังคืนสันติสุข
วันนี้ (26 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มก่อความไม่สงบใช้สีสเปรย์สีแดงพ่นข้อความภาษาอังกฤษและภาษาไทย ลงบนพื้นคอนกรีตทางขวามือของประตูทางเข้าโรงเรียนเทศบาล 3 เขต อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส มีใจความว่า “RUN RKK BAK โจรใต้กูกลับมาแล้ว” ว่า เป็นการกระทำของผู้ที่มีความเห็นต่าง ตนยังมองว่าเราสามารถพูดคุยกันได้อยู่ ปัญหาภาคใต้ตนยังยึดหลักการเจรจาการพูดคุยเพื่อให้เกิดสันติ ถือเป็นมาตรการที่สำคัญ เราต้องยึดถือการพูดคุยให้มีต่อไป ส่วนความไม่เข้าใจในบางเรื่องบางประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน เราก็ขอความชัดเจนไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้บัญชาการทหารบกระบุว่าจากนี้จะไม่ยอมรับสิ่งที่บีอาร์เอ็นเสนอผ่านคลิปผ่านยูทิวบ์อีก พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า การเสนออย่างเป็นทางการยังไม่มีมา มีเพียงการเสนอผ่านยูทิวบ์ ก็คงต้องมีการประสานงาน จากนี้ไปต้องมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ โดยผู้อำนวยความสะดวกต้องประสานกับบีอาร์เอ็นเพื่อขอความชัดเจนในแต่ละข้อเพิ่มเติมที่เพื่อเราจะนำมาประกอบการพิจารณาในฝ่ายเรา ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายความมั่นคงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราจะต้องยึดถือรัฐธรรมนูญของเราเป็นหลัก
เมื่อถามถึงดวงตราวีซ่าที่ส่งไปยังกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ หายไป 2,000 ดวง ระหว่างขนส่งถุงเมล์ รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ต้องขอรายละเอียดจากกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อถามว่า จะกระทบกับความมั่นคงหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศมีมาตราการป้องกันเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว ส่วนถึงเวลาจะรื้อระบบแล้วหรือไม่นั้นก็อยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ เรื่องความมั่นคงที่เกี่ยวข้องมีเพียงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้น ซึ่งกำชับให้เข้มงวดกวดขันตรงนี้แล้ว ที่ผ่านมา ตม.มีการประสานใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศ
ด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า เป็นการปฏิบัติการข่าวสารของฝ่ายอาร์เคเค โดยเรายังยืนยันว่ามีทั้งกลุ่มใหญ่และกลุ่มเล็ก ซึ่งปัจจุบันที่เป็นปัญหาคือกลุ่มเล็ก 1-2 กลุ่มที่อยู่ในบีอาร์เอ็น ส่วนที่อยู่กับกลุ่มอื่นยังไม่ปฏิบัติการหนัก โดยตอนนี้กลุ่มเล็กได้พยายามที่จะแสดงอิทธิพลขึ้นมา เพื่อไม่ให้การพูดคุยเดินไปได้ ซึ่งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็จะเน้นการปฏิบัติการเหล่านี้ออกมา อย่างไรก็ตาม เราต้องยืนยันที่จะพูดคุยกับกลุ่มใหญ่ เพื่อที่จะไปพูดคุยกับกลุ่มเล็ก ซึ่งต้องดูต่อไปในทางปฏิบัติว่าทางกลุ่มใหญ่จะสามารถควบคุมได้หรือไม่ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ก็ต้องเฝ้าระวังต่อไปเพราะกลุ่มเล็กจะมีการปฏิบัติการมากขึ้น ซึ่งตอนนี้กลุ่มก่อเหตุนั้นมุ่งไปที่ครูสอนศาสนาด้วย แต่ขณะเดียวกันก็มีปัญหาการเมืองท้องถิ่นปนอยู่กับการก่อความไม่สงบอยู่ ต้องแยกแยะให้ดี
ส่วนกรณีที่มีภาพถ่ายนายสะแปอิง บาซอ แกนนำคนสำคัญของขบวนการแบ่งแยกดินแดน และคนสนิท ขณะไปพบปะบุคคลเผยออกมานั้น พล.ท.ภราดรกล่าวว่า เป็นการปฏิบัติการของฝ่ายข่าวไหนยังไม่ชัดเจน แต่ก็มีการส่งสัญญาณมาว่ามีการพูดคุยกันอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน
พล.ท.ภราดรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ทางมาเลเซียยังยืนยันว่านายฮัสซัน ตอยิบ ยังคงเป็นหัวหน้าในการพูดคุยสันติภาพ แต่ตอนนี้เราได้สื่อสารผ่านมาเลเซียไปชัดเจนแล้วว่าข้อความชัดเจนในข้อเรียกร้องทั้ง 5 ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการประสานงานปละจะส่งคำตอบกลับมาให้เรา เมื่อมีความชัดเจนแล้วก็จะกำหนดวันพูดคุยต่อไป เนื่องจากสิ่งที่บีอาร์เอ็นเสนอนั้นมันมาทางโซเชี่ยลมีเดีย แต่ไม่มีเอกสารมา อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการสื่อมาทางโซเชียลมีเดีย เราก็รับฟัง แต่ในหลังการต้องผ่านผู้อำนวยความสะดวกคือมาเลเซีย อย่างเป็นทางการ
ขณะที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าประชาสัมพันธ์ส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและประธานอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดย พล.ต.สุรชาติกล่าวว่า สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การก่อเหตุต่างๆไม่ได้เกิดจากความมั่นคงเพียงอย่างเดียว เพราะยังมีเรื่องภัยแทรกซ้อนร่วมอยู่ด้วย ซึ่งผู้ก่อความไม่สงบพยายามปล่อยข่าวลือ ทำให้ประชาชนไม่เชื่อถือเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนี้ยังมีผู้ไม่หวังดีพยายามบิดเบือนว่า ศปก.กปต. หาผลประโยชน์ด้วยการของบประมาณซื้ออุปกรณ์ ทั้งเครื่องเอกซเรย์ ติดรถยนต์ เครื่องตัดสัญญาณชนวนจุดระเบิด อุปกรณ์หุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดนั้น เรายืนยันว่า อุปกรณ์ทั้ง 3 ชนิดมีความจำเป็น ในการปฏิบัติงานในพื้นที่ในเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้จากการที่นายสมชาย นิลศรี ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่โชว์การแต่และร้องเพลงเกี่ยวกับภาคใต้จนได้รับแรงโหวตจากประชาชนทั่วประเทศให้ชนะเลิศจากรายรายการ ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์นั้น เป็นสิ่งยืนยันให้เห็นว่า ประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องการเห็นสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้
ด้าน พ.อ.จรูญ อำภา ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการพูดคุยกับกลุ่ม บีอาร์เอ็น ในช่วงเดือนกันยายนนี้ ว่า เป็นที่ชัดเจนแล้ว ในที่ประชุม ศปก.กปต. ที่ผ่านมา มีข้อสรุปให้นำข้อเสนอทั้ง 5 ข้อของบีอาร์เอ็นนำไปประชุมหารือบนโต๊ะการพูดคุยสันติภาพกับตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็น และขอร้องไม่ให้สื่อมวลชนนำข้อเสนอของบีอาร์เอ็นที่เสนอผ่านทางเว็บไซต์มากดดันคณะทำงาน โดยขอให้ฟังเฉพาะข้อมูลที่เป็นทางการเท่านั้น ทั้งนี้เราได้แจ้งไปยังผู้อำนวยความสะดวกให้รับทราบแล้ว สำหรับกำหนดวันพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งต่อไปนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันพูดคุยที่ชัดเจน เพราะต้องรอความพร้อมทั้ง 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายไทย บีอาร์เอ็น และผู้ประสานงาน
ทางด้าน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ที่เกิดขึ้นไม่ได้เชื่อมโยงกับกระบวนการพูดคุยสันติภาพ การที่เราจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของบีอาร์เอ็น ไม่ใช่ตัวกำหนดความรุนแรงในพื้นที่ ซึ่งการก่อเหตุยอมรับว่ายังมีบางกลุ่มที่ต้องการความรุนแรง และยังมีเรื่องของภัยแทรกซ้อน ซึ่งตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงเดือนตุลาคมจะเป็นช่วงของการเลือกตั้งท้องถิ่นอาจจะมีการก่อเหตุได้ สำหรับมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยครูในพื้นที่ได้มีการหารือในข้อตกลงร่วมกัน 4 ฝ่าย คือ ตำรวจ ทหาร ครู และฝ่ายปกครอง เพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยกรอบการปฏิบัติงาน ตำรวจจะรับผิดชอบ เขตชุมชนเมือง เส้นทางสายหลัก และทหารดูแลเส้นทางรอง นอกเหนือจากนั้นจะเป็นระบบช่วยเหลือตนเองในชุมชน นอกจากนี้ยังมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันโดยการตั้งวอร์รูมในพื้นที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยครู รวมถึงการนำอุปกรณ์ต่างๆ เช่น กล้องซีซีทีวี อากาศยานไร้คนขับ เฝ้าสังเกตการณ์รักษาความปลอดภัยในจุดรับส่งครูและนักเรียน