“บิ๊กตู่” ควง “ยุทธศักดิ์” ล่องใต้ ยันความรุนแรงต้องยุติ-ไม่อ่อนข้อพวกทำผิดกฎหมาย

ผบ.ทบ. นำที่ปรึกษานายกฯ ลงพื้นที่ยะรัง ปัตตานี เผยนายกฯ สั่งกำชับ จนท.ดูแลความปลอดภัยช่วงสงกรานต์ ส่วนเรื่องรัฐเจรจาบีอาร์เอ็น ลั่นหากพูดคุยความรุนแรงต้องยุติ ยันไม่อ่อนข้อให้พวกทำผิดกฎหมาย


วันนี้ (10 เม.ย.) ที่กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) พร้อมด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางลงพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อประชุมผู้บังคับหน่วย ภายในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมี พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 บรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานรอบ 6 เดือนและแนวทางขับเคลื่อนการแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงต่อไป พร้อมทั้งพบปะมวลชนและผู้นำศาสนาท้องถิ่นที่มัสยิดกลาง จ.ยะลา เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคนในพื้นที่ด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ช่วยไปกำชับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดติดต่อกันหลายวัน โดยตะต้องไปหามาตรการให้เกิดความปลอดภัยในพื้นที่เขตชุมชนเมือง ซึ่งจะต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้งว่าในพื้นที่ได้วางแผนการปฏิบัติไว้อย่างไร โดยเป็นความห่วงใยของผู้บังคับบัญชาระดับสูง อีกทั้งตนในฐานะผบ.ทบ.และรองผอ.รมน.จะไปอวยพรปีใหม่ไทยในเทศกาลสงกรานต์ให้กับกำลังพลผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ในกอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้าให้ปลอดภัยและดูแลประชาชนให้เกิดความปลอดภัยด้วยในช่วงเทศกาลฯ ซึ่งมีหลายอย่างทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบ การเดินทางสัญจรไปมา การท่องเที่ยว ที่จะต้องมีการย้ำเตือนกันเพราะมีวันหยุดหลายวัน

เมื่อถามถึงกรณีที่ทางประเทศมาเลเซียขอเลื่อนนัดพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อถามตนทุกวัน ไม่อยากให้สื่อให้ความสนใจ เพราะเป็นการพูดคุยและแสวงหาทางออก ซึ่ง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้รับผิดชอบ ในส่วนของทหารก็เกี่ยวข้องในเรื่องการให้ข้อมูลและการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้เราเป็นฝ่ายได้เปรียบในการพูดคุยร่วมกัน และเราคงไม่ไปพูดคุยในฐานะที่เสียเปรียบ อีกทั้งไม่ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มใดเป็นพิเศษ

ทั้งนี้ ปัญหาภาคใต้นั้นอย่าไปสนใจแต่เพียงปัญหาเดียว เราจะไม่พูดถึงปัญหาการแบ่งแยกดินแดน เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นอย่าไปให้ความสำคัญเนื่องพวกนี้ ผมคิดว่าน่าจะให้ความสำคัญว่าทำอย่างไรจะให้เกิดความสงบสุขอย่างยั่งยืน ประชาชนมีความพึงพอใจในการพัฒนาที่รัฐจะดำเนินการต่อไป สิ่งสำคัญต้องทำให้เขาเห็นชอบในการแก้ไขปัญหา เพราะเขาเป็นผู้เดือดร้อนมากกว่า คนพวกนี้เป็นคนที่กระทำผิดกฎหมายและติดคดีมากหมาย เราจะไม่อ่อนข้อทั้งสิ้น เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ดังนั้นหากจะมีการพูดคุยกัน เพื่อให้เหตุการณ์สงบเรียบร้อยนั้นเหตุการณ์ความรุนแรงต้องยุติให้ได้ ผมคิดว่าช่วงนี้อย่าไปให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ เพราะเป็นเรื่องของการเดินตามยุทธศาสตร์ ปัญหาภายในของเราคือการสร้างความเข้าใจเพราะเป็นการต่อสู้ทางด้านความคิดและความเชื่อ ต้องแก้ไขปัญหาด้วยการสร้างความเข้าใจและใช้เวลา ในระหว่างนี้ต้องมีความระมัดระวังทั้งสองฝ่ายไม่ให้ความรุนแรงเกิดขึ้น

“ในส่วนของเจ้าหน้าที่ไม่เคยใช้ความรุนแรงก่อน เราปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังมีการใช้อาวุธและระเบิดต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องถูกจับดำเนินคดี การปะทะกันมีบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นธรรมดา ดังนั้นเจ้าหน้าที่รัฐต้องระมัดระวัง เพราะเป็นเป้าหมายทั้งนี้ความมั่นคงจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนเพื่อต่อต้านคนที่ก่อเหตุรุนแรงซึ่งต้องอาศัยการพัฒนาเฉพาะหน้า และได้ให้ข้อมูลกับ ศอ.บต. ไปแล้ว ส่วนการพูดคุยถือเป็นสิ่งที่เพิ่มเติมมา ถึงแม้จะไม่มีอยู่ในกฎหมายแต่ก็อยู่ในกระบวนการแก้ปัญหา โดยผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาล แต่ทั้งนี้เราไม่ต้องการให้มีการยกระดับให้เป็นคู่ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเขาเป็นผู้ที่ทำความผิด ทั้งในหมายความผิดใน ป. วิอาญา ร่วมถึง พรก. ฉุกเฉิน ไม่ใช่คู่เจรจา และตนก็จะไม่เน้นให้พูดคุยในเรื่องของดินแดนเพราะผิดรัฐธรรมนูญ” ผบ.ทบ. กล่าว