เลขาฯนายกฯ อ้างร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ เรียกร้องเร่งผ่านสภาฯโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โวยที่ล่าช้าเพราะฝ่ายค้านยื้อเวลา อภิปรายซ้ำซากแบบหาเรื่อง ทำสภาฯวุ่นวาย ดักคอ ปชป.เครคิตที่เหลือน้อยจะแย่ลงหากเล่นการเมืองบนถนน หลังพันธมิตรฯยุติบทบาท วิปรัฐบาลเร่งดัน พ.ร.บ.กู้เงินเข้าสภาต้นเดือน ก.ย.หลังผ่าน ร่างแก้ไข รธน.ก่อนสิ้นนี้
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทว่า หวังว่าสภาฯจะขยับวาระขึ้นมาพิจารณาโดยเร็ว วันนี้จะเห็นได้ว่าร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทกับร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทมีความล่าช้าเกิดขึ้น ด้วยภาวะเศรษฐกิจมีสัญญาณที่เราต้องระมัดระวังมากขึ้น วันนี้ถ้าร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทเป็นไปตามกำหนดการเดิม จะเริ่มมีการลงทุน มีการก่อสร้าง หรือแม้กระทั้งร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทผ่าน ก็เริ่มลงทุนได้แล้ว ในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ตามปีปฎิทิน จะทำให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เมื่อเกิดความล่าช้าในการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้รับการกระตุ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ย้ำว่าเมื่อเป็นอย่างนี้ต้องมีมาตรการระยะสั้นออกมา เร่งรัดการเบิกจ่าย มีมาตรการด้านภาษี เมื่อเป็นอย่างนี้ ได้มีการหารือที่จะเร่งให้มีการลงทุน 3.5 แสนล้านบาทและลงทุน 2 ล้านล้านบาทเร็วที่สุด โดยไม่ขัดข้อกฎหมายหรือข้อสังเกตของศาลปกครอง
นายสุรนันทน์ กล่าวว่าช่วงเดือน ก.ย. นายกฯเร่งเบิกจ่ายงบฯ 56 ให้เร็วที่สุด และอะไรที่สามารถเตรียมได้ก่อน ให้ทำทันทีอย่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 1 ต.ค. เพราะเมื่อมีการเบิกจ่ายจะได้ลงมือทำได้ทันทีในส่วนของงบประมาณ โครงการที่ทำจะเป็นประโยชน์กับประชาชนในระยะยาว ไม่ใช่แค่สร้างงานในระยะสั้น มีผลต่อเศรษฐกิจมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลกำลังไล่ปฏิทิน แต่ก็ต้องขอความกรุณาสภาฯเร่งพิจารณาร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทให้เร็วที่สุด ถ้าผ่านสภาฯก็จะทำให้เรียกความเชื่อมั่นมาได้ในการลงทุน นักธุรกิจไม่ตื่นตระหนักรอการลงทุนในไตรมาสที่ 4 และไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า ถ้าจะช้าก็ขอให้ช้าในไตรมาสเดียว อย่าให้ช้าไปกว่านี้เลย
“แน่นอนการแปรญัตติเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.แต่ญัตตินั้นซ้ำและชี้แจงไปแล้วก็ไม่จำเป็นพูดอีก และควรเป็นไปตามข้อตกลงคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)และวิปฝ่ายค้าน กระบวนการก็เดินหน้าได้ แต่วันนี้เห็นแล้วว่ามีการอภิปรายซ้ำซาก อภิปรายเชิงหาเรืิ่อง ทำให้เปิดความวุ่นวายในสภาฯ ทำให้เกิดความล่าช้าโดยไม่จำเป็น ต้องวิงวอนฝ่ายค้านลดเล่นเกมการเมืองลงบ้าง แล้วพิจารณาด้วยความสร้างสรรค์”
ส่วนการประกาศยุติบทบาทของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) เป็นการบีบให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเล่นเกมการเมืองมากขึ้น และจะส่งผลการบริหารรัฐบาลที่ต้องรอผ่านกฎหมายในสภาฯหรือไม่ นายสุรนนัทน์ กล่าวว่า ไม่สามารถไปบอกได้ว่าเหตุที่ พธม.ยุติบทบาทเพราะอะไร ถ้ายุติบทบาทได้จริงๆ หากกลับมาเล่นเกมการเมืองในระบอบประชาธิปไตยในสภาฯ หมายความว่าแสดงความคิดเห็นได้ในเวทีสภาฯ ก็ไม่น่าจะเป็นแรงผลักดันให้พรรคประชาธิปัตย์ลงไปเล่นเกมการเมืองบนถนน พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่ก็ต้องยืนบนหลักเกณฑ์ประชาธิปไตย เพราะถ้าตัดสินใจผิดเครดิตพรรคประชาธิปตย์ที่เหลือน้อยอยู่แล้วก็จะไม่เหลือ
