xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ 8 อดีตแกนนำพันธมิตรฯ เปิดใจหลังประกาศยุติบทบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีตแกนนำพันธมิตรฯรุ่น 1-2 เปิดใจหลังประกาศยุติบทบาท "สมเกียรติ" ชี้ระบอบทักษิณกัดกินประเทศอย่างหนัก ต้องเคลื่อนไหวพร้อมกันทุกหมู่เหล่าถึงจะล้มได้ "พิภพ" เชื่อหลังจากนี้จะเกิดขบวนการประชาชนใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ยันไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน พร้อมกลับมาร่วมต่อสู้เพื่อปฏิรูปประเทศ "ปานเทพ" ยันการตัดสินใจครั้งนี้เอาชาติเป็นตัวตั้งไม่ได้ใช้อารมณ์แต่อย่างใด



วันที่ 23 ส.ค. แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่น 1 และ 2 ได้กล่าวเปิดใจ ภายหลังจากที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกแถลงการณ์ยุติบทบาท



นางมาลีรัตน์ แก้วก่า กล่าวว่า ถามว่าอยากยุติบทบาทไหม อยากมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะอยากยุติบทบาทที่แบกปัญหา คนมักจะถามว่าทำไมแกนนำฯไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่ทำแบบนี้ วันนี้มีคำตอบแล้ว ทุกคนเป็นอิสระที่จะเดินหน้าไปได้ด้วยตนเอง จะไม่มีการผูกติด ยึดติดใดๆ ทั้งสิ้น บางคนอาจช็อกไม่คาดฝัน แต่ฟังเสร็จแล้วเอาไปตรอง เมื่อเวลาผ่านไปจะรู้ว่าสิ่งที่แกนนำพันธมิตรฯพูดนั้นคือความจริงทุกถ้อยคำ ตนยังจะอยู่เคียงข้างพี่น้องเสมอ ไม่ว่าโอกาสใด วันใด เวลาใด แล้วแต่โอกาสวาระที่เราจะได้พบกัน สำหรับคำสั่งศาลอันนี้บอกได้เลยว่าเคารพคำสั่งศาล แต่ถ้าจำเป็นถึงที่สุด พร้อมทุกเวที แต่ต้องคุ้มค่าพอที่จะสละตัวเองเข้าไปอยู่ในกรง



นายศรัณยู วงษ์กระจ่าง กล่าวว่า การพูดในวาระครั้งสุดท้ายยากพอๆ กับครั้งแรกที่ต้องขึ้นพูดบนเวที ตั้งแต่ครั้งที่เหยียบย่างเข้ามาเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ย้อนความไปตั้งแต่ปี 48 จากวันนั้นถึงวันนี้ 8 ปีกว่า บ้านเมืองมีหลายอย่างเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกับตน ตนได้มาสัมผัสกับสิ่งที่ไม่เคยได้สัมผัส ได้มาเรียนรู้ รู้จักผู้คน ได้เข้าใจสถานการณ์หลายๆอย่างที่ต่างไปจากอาชีพนักแสดงที่เคยทำอยู่ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

ตลอดเวลาที่ก้าวเข้ามาตรงนี้ แม้ต้องสูญเสียหลายๆ อย่าง หลายคนพูดว่าถ้าตนไม่มาตรงนี้และทำงานทำการของตัวเองต่อไป คงจะมีความสุขกับรูปแบบการใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่งอย่างมากมายทีเดียว แต่ตนคิดว่าถ้าไม่เลือกมายืนตรงนี้ ก็คงจะพลาดโอกาสที่ได้พบกับความสุขและความเป็นจริงของชีวิต ตนได้พบกับพี่น้องประชาชนมากมายที่ไม่เคยรู้จัก หยิบยื่นมิตรไมตรีให้ ให้กำลังใจในหลายครั้งที่ตนพบกับปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ นั่นเป็นสิ่งที่มีค่ามาก มันเป็นกำลังใจที่ทำให้ยังคงยืนหยัดอยู่ตรงนี้

ถึงแม้ว่าแกนนำฯทุกคนจะยุติบทบาท แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจจะยุติได้นั่นก็คือ ความเป็นคนที่รักชาติบ้านเมือง รักแผ่นดิน นั่นคือหัวใจของการเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และตนเชื่อว่าจะยังคงอยู่อีกตราบนานเท่านานและตลอดไป แม้ว่าบทบาทของแต่ละคนจะเปลี่ยนไปในสถานะใดก็ตาม และนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ตนยืนยันได้อย่างมั่นใจได้ว่าตนก็จะเป็นอย่างนั้น แม้ว่าชีวิตการทำงานทุกวันนี้จะต้องมีอุปสรรคมากมาย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเสียดายในวันเวลาที่ผ่านมา มีเรื่องราวที่จดจำได้ มีช่วงเวลา วันสำคัญหลายๆวันที่ทำให้นึกถึง มีบทเพลงหลายเพลงที่ร้องแล้วรู้สึกดี

ขอขอบพระคุณแกนนำทุกคนที่ไว้ใจให้ตนเป็นแกนนำฯรุ่น 2 แต่เหนือสิ่งอื่นใดต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่ยังคงให้กำลังใจกันอยู่ บางคนคงเสียใจต่อการตัดสินใจของแกนนำฯในวันนี้ แต่ก็อาจจะมีบางคนดีใจที่มันไปๆ กันเสียที ก็ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะมากกว่ากัน แต่มั่นใจได้ว่าเรายังคงอยู่ตรงนี้ พร้อมเผชิญหน้ากับทุกๆ สถานการณ์ แกนนำฯทุกคนเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น วันเวลาที่ผ่านเลยไป และก้าวต่อๆ จากนี้มีแต่จะแหลมคมมากขึ้น มั่นคงมากขึ้น แข็งแกร่งมากขึ้น และนี่คือสัญญาว่า จะไม่เปลี่ยน สัญญาว่ามั่นคง สัญญาว่าจะซื่อตรง พวกเราทุกคนจะอยู่ตรงนี้



นายศิริชัย ไม้งาม กล่าวว่า บางครั้งก็เสียความรู้สึกกับสังคมที่เอาพี่น้องพันธมิตรฯไปเปรียบกับกลุ่มเคลื่อนไหวอื่น ว่าพวกนี้ทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่อยากจะเรียนว่าการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯ มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง และเราก็หวังว่าการทำหน้าที่ของเรานั้นเป็นการทำหน้าที่ที่มีคุณค่า แต่วันนี้สังคมอาจจะยังมองไม่เห็น ภารกิจในฐานะที่เป็นพันธมิตรฯ เราเป็นประชาชนไม่ใช่คนที่จะต้องมาแบกรับปัญหาของบ้านเมืองแต่ฝ่ายเดียว ไม่ผูกขาดความรักชาติฝ่ายเดียว แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน แม้ว่าตอนนี้ตนจะถูกดำเนินคดีหลายคดี ก็ไม่ได้ทำให้การต่อสู้ของตนนั้นลดน้อยถอยลง แต่นั่นคือความแข็งแกร่ง การเสริมสร้างหัวใจในความเป็นคนไทยที่รักชาติ รักบ้านรักเมือง

สุดท้ายต้องขอขอบคุณแกนนำพันธมิตรฯ ทุกท่านที่ได้ร่วมต่อสู้กันอย่างมีความสุขในช่วงหนึ่งของชีวิตที่ได้ทำหน้าที่ และที่ลืมไม่ได้คือ พี่น้องพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ และทั่วโลกว่า ตนนั้นมีความภาคภูมิใจ และนี่คือสิ่งที่จะอยู่ในความทรงจำไปตลอดชีวิต



นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กล่าวว่า พี่น้องประชาชนได้ฟังแถลงการณ์คงเข้าใจในการตัดสินใจครั้งนี้ว่า ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจเพราะว่าน้อยใจ ไม่ได้ปิ้งปลาประชดแมว และไม่ได้ต้องการทิ้งมวลชน แต่การตัดสินใจครั้งนี้พวกเราคิดอย่างเป็นเอกภาพ ว่าต้องมีการเสียสละเกิดขึ้น และการเสียสละที่เกิดขึ้นเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะก่อให้เกิดการเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้ได้ สิ่งที่เราคิดครั้งนี้ไม่ได้ด้วยอารมณ์ และเอาชาติเป็นตัวตั้ง ที่ว่าเอาชาติเป็นตัวตั้งนั้นก็เพราะเหตุว่าสถานการณ์ตอนนี้เปรียบเสมือนลูกธนูดอกสุดท้าย ที่แม้จะมีคำสั่งศาล เราก็ไม่ได้หวาดหวั่น พร้อมจะนำการชุมนุมเมื่อคุ้มค่า เพราะเราทำได้อีกแค่ครั้งเดียว หากจะโค่นล้มระบอบทักษิณ ก็จะพบว่ารัฐบาลมีเครื่องมือ คือยุบสภา และถ้าใช้กลไกพิเศษ ที่ไม่ได้เกิดจากการตื่นรู้ของประชาชน สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ถ้าไม่เกิดสงครามประชาชน ก็จะเกิดการเลือกตั้งใหม่ที่ระบอบทักษิณก็อาจจะกลับเข้ามาอีก ถ้าไร้การปฏิรูปประเทศ เมื่อเห็นว่าการต่อสู้ที่คุ้มค่า 2 ประการนี้ ไม่ใช่เป้าหมายในฐานะลูกธนูดอกสุดท้าย จึงเหลือเพียงประการเดียวคือต้องเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองอย่างแท้จริงเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองอย่างแท้จริงเท่านั้นจะเกิดขึ้นได้ 2 เงื่อนไข คือประชาชนตื่นรู้อย่างมากๆ และเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง หรือต้องมาจากพรรคการเมืองที่มีฐานเสียงของตัวเองรู้จักคำว่าเสียสละ ถ้าไม่รัฐบาลเสียสละอำนาจและผลประโยชน์ตัวเอง ก็ต้องเป็นฝ่ายค้านที่มีศักยภาพ แต่เมื่อประชาธิปัตย์ปฏิเสธ ในฐานะแกนนำมวลชนจึงไม่สามารถใช้ลูกธนูดอกสุดท้ายอย่างไร้ความคุ้มค่าได้ เราไม่มีทางเลือก มีทางเลือกทางเดียวเท่านั้นคือการทำให้เกิดการเรียนรู้ของภาคประชาชน และทางเลือกของประชาชนอย่างมีอิสรภาพและเสรี

หลังจากยุติบทบาทแล้ว จะไม่มีมติแกนนำพันธมิตรฯใดๆอีก ถ้าวันหนึ่งประชาชนทั้งประเทศเห็นพ้องต้องกันกับทิศทางการปฏิรูปประเทศที่พันธมิตรฯเสนอ เราจะกลับมา



นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า สิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตตนมีไม่กี่เรื่อง 14 ตุลาฯ 2516 - พฤษภาฯ 2535 จนกระทั่งการก่อตั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตนคิดว่าเป็นการก่อตั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แล้วความรู้สึกต่อเนื่องสืบเนื่อง ยืนหยัด ยืนยง เป็นเวลาตั้ง 8 ปี และจะต่อเนื่องต่อไป ตนเชื่อว่าพี่น้องพันธมิตรฯที่ได้ร่วมต่อสู้กับเรามานานจนเกือบ 8 ปี เสียชีวิตไป และบาดเจ็บ พิการไป 1,007 คน ความสืบเนื่องนี้ และความยิ่งใหญ่นี้มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ตนได้ประสบ และสิ่งมหัศจรรย์อีกข้อคือการทำงานร่วมกันของแกนนำ ทั้งที่หลายๆคนไม่เคยรู้จักกันเลย แต่เมื่อเอาปัญหาของประเทศชาติเป็นตัวตั้งเราจึงเป็นแกนนำร่วมกันมาได้เกือบ 8 ปี พวกเราแกนนำที่คุยกันด้วยเหตุด้วยผล มีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่สุดท้ายที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ก็คือ นอกจากเราจะไม่ท้อ ไม่อิจฉาริษยากัน ไม่แข่งกัน ว่าใครจะเด่นจะดีกว่ากัน แต่ที่สำคัญก็คือมติออกมาเป็นเอกฉันท์ทุกครั้ง

มีคนถามตนว่าอยู่กับนายสนธิ พล.ต.จำลอง ได้อย่างไร ตนบอกว่าถ้าไม่เคยอยู่กับ 2 คนนี้ จะไม่รู้จัก 2 คนนี้ นั่นเป็นความมหัศจรรย์ที่อยากจะพูดด้วยความจริงใจในวันนี้ สิ่งที่มหัศจรรย์อีกอันหนึ่งก็คือ ตนเป็นคนที่ทำงานแล้วต้องมีความสุข และที่มีความสุขมากก็คือการทำงานกับแกนนำทั้งรุ่น 1 - 2 และความสุขยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เรามีพี่น้องพันธมิตรฯ ห้อมล้อม และพร้อมที่จะเสียสละ

หลังจากวันนี้่พี่น้องไม่ต้องรอแกนนำ เป็นการปลดปล่อยเพื่อให้เกิดขบวนการประชาชนใหม่ ขอให้พี่น้องมีความหวัง เราสัญญาว่าถึงแม้ว่าจะยุติบทบาทแกนนำ แต่ยังเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพร้อมที่จะเดินกับพี่น้อง พร้อมจะต่อสู้เพื่อปฏิรูปประเทศไทย หากมีความจำเป็นเราจะกลับมาอีก ไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน



นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราต่อสู้ได้เพียงการผลัดเปลี่ยนรัฐบาล อัปรีย์ไป จัญไรมา เรายังต่อสู้ไม่สำเร็จอยู่ 2 ประการคือ 1.ต่อสู้เพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ 2.ต่อสู้เพื่อล้มสภาทาส หรือ สภาขี้ข้า การต่อสู้ในวันนี้เราต้องเปลี่ยนแผนใหม่ นายสนธิได้ประกาศขอให้ประชาธิปัตย์ลาออก แต่แล้วเราก็ผิดหวัง

ระบอบทักษิณมันกินประเทศจริงๆ ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็ไม่มีปัญญาล้มได้ นอกจากต้องเคลื่อนไหวไปพร้อมกันทุกหมู่เหล่า เพราะฉะนั้นการยุติบทบาทแกนนำพันธมิตรฯครั้งนี้ เพื่อไปก่อให้เกิดพลังมวลชนใหม่ การล้มระบอบทักษิณจะทำตามลำพังของพันธมิตรฯ ไม่ได้ ส่วนสภาทาส เราไม่มีทางล้มได้ ตราบใดที่ข้าราชการกับคนที่จะลงเลือกตั้งเป็นสมุนของนักโทษชายทักษิณ ตนเห็นว่าการที่ยุติบทบาทในครั้งนี้ มันเข้าหลักปรัชญาของกฤษณามูรติที่บอกว่า ถ้าไม่ให้เสรีภาพแก่คน คนเราจะไม่กล้าหาญ วันนี้แกนนำพันธมิตรฯ ให้เสรีภาพกับมวลชนทั้งหลายว่าจะไปร่วมกับใคร



พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ซึ่งเราเห็นพ้องต้องกันโดยไม่มีการโน้มน้าว นัดแนะ หรือมีการคะยั้นคะยอแต่อย่างใด เรามั่นใจว่าจากการที่เราได้ประชุมอย่างรอบคอบ จะทำให้การตัดสินใจครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศชาติอย่างแน่นอน

สิ่งที่พันธมิตรฯทำมา เป็นสิ่งที่เราจะภาคภูมิใจไปตลอด เพราะได้ทำมาเป็นผลสำเร็จทุกครั้ง และการตัดสินใจครั้งนี้ได้ทำอย่างรอบคอบแล้ว และไม่ต้องตกใจเราไม่ไปไหน จะอยู่ข้างพี่น้องตลอดเวลา และพร้อมที่จะเสียสละเสมอ ขอขอบคุณพันธมิตรฯ ทุกคน รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่ติดตามพวกเรามาโดยตลอด ที่ได้ให้การช่วยเหลือสนับสนุนตลอดมา



นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า ถ้าพันธมิตรฯ จะออก หรือแกนนำจะสู้อีกครั้งหนึ่ง การต่อสู้นั้นต้องคุ้ม คือต้องเปลี่ยนแปลงบ้าน เปลี่ยนแปลงเมืองได้ แต่ถ้าสู้เพียงเพื่อล้มระบอบทักษิณ เราไม่สู้ เพราะว่าระบอบทักษิณ และระบอบพรรคการเมือง จะชื่ออะไรก็ตามมันคือปัญหาใหญ่ของประเทศชาติที่ประกอบกันเป็นสภาผู้แทนราษฎร

การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยนั้น อำนาจมีอยู่ 3 อำนาจ นิติบัญญัติ บริหาร และก็ตุลาการ ต้องแยกออกจากกัน แต่สิ่งที่เจอทุกวันมาเป็นเวลาสิบๆปี ก็คือนิติบัญญัติกับบริหารเป็นเนื้อเดียวกัน เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าระบอบการเมืองของเมืองไทยนั้นเป็นระบอบเดรัจฉาน เป็นระบอบที่ไม่ได้ใช้เหตุไม่ใช้ผล แต่เป็นระบอบที่ใช้หลักคณิตศาสตร์ เหตุการณ์ในสภา 3-4 วันที่ผ่านมา ก็ย่อมเป็นบทพิสูจน์ได้ว่าการเมืองในที่สุดแล้วคือ การใช้เครื่องคิดเลขมากดตัวเลขว่าใครเสียงข้างมากกว่าก็ชนะไป และเมื่อชนะแล้วจะทำอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้นพันธมิตรฯเห็นว่าตรงนี้คือสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้จะล้มระบอบทักษิณได้ ระบอบใหม่ขึ้นมาก็ใช้วิธีการเช่นนี้เช่นกัน

นายสนธิ กล่าวต่อว่า การตาย การพิการ ของพันธมิตรฯ ต้องไม่เสียเปล่า ต้องไม่เป็นเครื่องมือของใครอีกต่อไป และนี่คือหลักการที่ตนยืนมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถ้าจะทำโดยเอาชาติเป็นตัวตั้ง ประชาธิปัตย์ต้องออกมาจาก ส.ส.แล้วมาสู้ร่วมกัน แต่ถ้ายังจะสู้ในสภาตนไม่เอาด้วย และมาชูว่าสู้เพื่อล้มระบอบทักษิณแต่ไม่ยอมชูว่าสู้เพื่อปฏิรูปทางการเมือง

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในโลกนี้ ไม่ได้เปลี่ยนในสภาแต่เปลี่ยนบนถนนทั้งสิ้น ประชาชนเป็นผู้เปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไม่ใช่นักการเมือง และยืนยันตรงนี้ว่าชาติบ้านเมืองทุกวันนี้พินาศฉิบหายเพราะนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม

ตนไม่มีน้ำตา และต้องขอให้พี่น้องเข้มแข็ง ถ้าเป็นพันธมิตรฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องเข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ว่าทำไมเราต้องยุติบทบาททางการเมือง นั่นเพราะเราได้หงายไพ่ของเราไปแล้ว ให้เขาเสียสละหน่อยได้ไหมออกมาร่วมกับเรา เมื่อไม่เอาตนก็ไม่เล่นด้วย ถ้าอย่างนั้นเชื่อตนถอย 1 ก้าวแล้วฟ้าจะสดใส

นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า การที่แกนนำพันธมิตรฯยุติบทบาทนั้น ไม่ใช่เป็นการถอย แต่เป็นการรุกอย่างหนึ่ง นี่คือยุทธวิธี พี่น้องอย่าเสียกำลังใจ พันธมิตรฯที่แท้จริงเอาชาติเป็นตัวตั้ง ไม่เอาพรรคการเมือง พร้อมที่จะปฏิรูปประเทศไทย เมื่อเอาหลักการเป็นตัวตั้ง มีแกนนำ หรือ ไม่มีแกนนำก็ไม่มีความหมาย พวกเราจะไม่เปลี่ยน ยังมั่นคงและซื่อตรงอยู่เหมือนเดิม เมื่อใดก็ตามชาติบ้านเมืองต้องการ เมื่อใดก็ตามถ้าประชาชนลุกขึ้นมาทั่วประเทศ หรือเมื่อใดก็ตามที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยประชาชน เราจะกลับมา

นายสนธิ กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้อย่าไปพึ่งพรรคการเมือง เพราะจะไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ เพราะมีผลประโยชน์ของพรรคการเมืองที่จำเป็นจะต้องอยู่ในสภา และรักษาสภาเดรัจฉานอันนี้ไว้

พี่น้องอย่าเสียใจ มั่นใจในตัวเอง เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองศรัทธา ตอนนี้พี่น้องมีอิสรเสรีภาพไม่ต้องฟังแกนนำ แต่ใช้ปัญญาคิดว่า จะไปร่วมกลุ่มไหนดี กลุ่มไหนที่สู้เพื่อปฏิรูปประเทศไทยจริงๆ ไปร่วมเลย แล้วเอเอสทีวี เว็บไซต์ผู้จัดการ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ วิทยุผู้จัดการ พร้อมที่จะรับใช้ในหลักการที่เรายึดมั่น หลายคนร้องไห้หน้าทีวี ไม่ต้องไปเสียน้ำตา เข้มแข็งเอาไว้เหมือนอย่างที่นายพิภพพูด นี่คือการเกิดใหม่ของพวกเรา และเราจะแข็งแกร่งกว่าเก่าอย่างแน่นอนที่สุด


นายพิภพ ธงไชย
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
 พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
 นายสนธิ ลิ้มทองกุล
กำลังโหลดความคิดเห็น