xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าปชป.จะล้มระบอบทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ถึงตอนนี้เห็นแล้วตั้งแต่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระแรก มาถึงการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มา ส.ว.ก็คือ การตีรวนเพื่อยื้อเวลาออกไปให้ได้นานที่สุด

แต่คำถามของผมคือ สามารถยื้อเวลาออกไปได้แล้วยังไงครับ เพราะสุดท้ายก็ต้องเดินต่อไปจนถึงการลงมติแล้วก็แพ้ไปด้วยเสียงข้างมากอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณางบประมาณ เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน หรือวาระอื่นๆ ที่รออยู่ข้างหน้า

ถามว่า การตีรวนในสภาฯ ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ผมเชื่อว่า ส่งผลในด้านลบมากกว่าด้านบวก แน่นอนว่า คนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้วก็คงรู้สึกชื่นชม แต่ถ้าถามคนนอกที่เป็นคนกลางไม่ใช่พวกสนับสนุนพรรคเพื่อไทยแล้ว ผมคิดว่าหลายคนคงมองว่าพฤติกรรมการตีรวนในรัฐสภานั้น ไม่น่าจะเป็นพึงพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่พึงประสงค์

หลังจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ใกล้ชิดกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ออกมาปฏิเสธข้อเสนอให้ลาออกมาสู้นอกสภาฯ ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล และถูกสำทับด้วยคำยืนยันของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่า พรรคมีแนวทางของตัวเอง และจะสู้ทั้งในและนอกสภาฯ

พวกที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์บอกว่า ถ้า ส.ส.ปชป.ลาออก สภาฯ สามารถผ่านร่างทุกร่างได้ตามใจชอบโดยถูกกฎหมาย โดยประชาชนไม่รับรู้เพราะมีเสียงในสภาฯ มากกว่ากึ่งหนึ่ง ถ้า ส.ส.ฝ่ายค้านลาออก ก็เท่ากับไม่ทำหน้าที่ กกต.ก็จะจัดเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยอาจได้เสียงเพิ่มแล้วประเทศไทยได้อะไร

ถามว่า การมีพรรคประชาธิปัตย์ในสภาฯ นั้น ขัดขวางให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถออกกฎหมายที่ต้องการได้หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ เพราะยกมือทีไรก็แพ้กันด้วยมติ 300 กว่าๆ กับ 160 โดยประมาณ ส่วนที่ถามว่า ถ้า ปชป.ลาออกหมดแล้วพรรคเพื่อไทยลงเลือกตั้งซ่อมได้ ส.ส.เพิ่มแล้วประเทศไทยได้อะไร ก็ต้องถามกลับว่า แล้วการที่ ปชป.มี ส.ส.ในสภาฯ ตอนนี้ แตกต่างกับการที่พรรคเพื่อไทยจะมี ส.ส.เพิ่มเพื่อเลือกตั้งซ่อมหลัง ปชป.ลาออกอย่างไร

แต่การลาออกของพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคฝ่ายค้านพรรคเดียวในสภาฯ (ผมไม่นับพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นพวกพรรครอเสียบไม่มีอุดมการณ์) ย่อมจะต้องส่งผลสะเทือนอย่างมหาศาลต่อวงการการเมืองของไทย เพราะนั่นเท่ากับทำให้เห็นว่า สภาฯ แห่งนี้มีแต่พรรครัฐบาล ไม่มีพรรคฝ่ายค้านไปนั่งเป็นตรายางเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับพรรครัฐบาล

ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังอยู่ในสภาฯ ก็ต้องเข้าร่วมกระบวนการทางรัฐสภากับพรรคเพื่อไทย และเห็นอยู่แล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำได้แค่การตีรวน โห่ฮาป่า ขว้างแฟ้ม ดึงเก้าอี้ จนเสียภาพลักษณ์พรรคการเมืองเก่าแก่ที่บอกว่าเชื่อมั่นระบอบรัฐสภาเป็นอย่างมาก

ดูเหมือนว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าใจข้อเสนอของคุณสนธิ ที่ต้องการชี้ให้เห็นว่า กระบวนการทางสภาฯ วันนี้นั้นไม่มีความชอบธรรม มีการใช้เสียงข้างมากแบบเผด็จการไม่รับฟังเสียงข้างน้อย การลาออกมาของพรรคประชาธิปัตย์นั้นจะช่วยตอบย้ำสิ่งนี้ และจะยิ่งเพิ่มความชอบธรรมให้ประชาชนออกมาต่อสู้ขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมให้ออกไปได้ในที่สุด และเป็นหนทางเดียวที่จะต่อสู้กับระบอบทักษิณได้

วันนี้ผมคงต้องถามพรรคประชาธิปัตย์ว่า พฤติกรรมการแสดงออกในสภาฯ ของพรรคประชาธิปัตย์นั้นมันคุ้มค่าหรือไม่ กับผลลัพธ์ทางคณิตศาสตร์ที่รู้อยู่แล้ว

ทุกวันนี้การเมืองแบ่งแยกแบ่งฝ่ายชัดเจน จริงอยู่ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแสดงพฤติกรรมในสภาฯ ออกมาอย่างไร ก็จะได้รับการชื่นชมจากผู้สนับสนุนพรรค ผมก็เห็นด้วยครับ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องตระหนักก็คือ ทำอย่างไรที่ทำให้คนกลางๆ ในประเทศนี้ที่ไม่สนใจการเมืองแต่ถึงเวลาก็ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเท่านั้นหันมาสนับสนุนพรรคให้ได้

ตัวเลขของพรรคประชาธิปัตย์ 12 ล้านเสียง เพื่อไทย 15 ล้านเสียงนั้นยังทำให้พรรคประชาธิปัตย์พลิกกลับมาชนะได้ครับ ถ้าเราพิจารณาถึงเสียงของคนกลางๆ อีกจำนวนมาก

ผมมองไม่เห็นเลยว่า พฤติกรรมตีรวนโห่ฮาป่าที่แสดงออกในสภาฯ นั้นจะสร้างความเชื่อถือต่อพรรคประชาธิปัตย์ให้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร

แน่นอนว่า การทำงานในสภาฯ เป็นกระบวนการหนึ่งของวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ประกาศตัวเสมอมาว่า เป็นพรรคที่เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีฝีปากกล้าเป็นอาวุธ แต่คำพูดของพรรคประชาธิปัตย์สามารถโน้มน้าวเพื่อสมาชิกรัฐสภาที่เป็นฝ่ายตรงข้ามได้หรือไม่ คำตอบก็คือไม่มีทางครับ

ถ้ายังปล่อยให้ระบอบทักษิณมีความชอบธรรมในระบอบรัฐสภาต่อไป หนทางของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะกลับมาเป็นรัฐบาลนั้นจบแล้วครับ เอาเถอะพรรคอาจจะอ้อมแอ้มพูดว่า การทำหน้าที่ของพรรคถึงจะเป็นฝ่ายค้านพรรคก็ทำประโยชน์ให้ประเทศได้ แต่นั่นไม่ใช่ปรารถนาที่แท้จริงของพรรคการเมืองและนักการเมืองหรอกครับ

ทางออกทางเดียวของพรรคประชาธิปัตย์ตอนนี้ก็คือการออกมาร่วมกับประชาชนเพื่อหยุดยั้งกระบวนการแก้กฎหมายเพื่อล้างผิดนายใหญ่ ยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหยุดยั้งการกินรวบประเทศของระบอบทักษิณให้ได้ แนวทางในสภาฯ นั้นหยุดยั้งไม่ได้ครับ มีแต่จะไปเพิ่มความชอบธรรมให้เขา เพราะถ้าสู้กันด้วยกติกาของระบอบรัฐสภาสุดท้ายแล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องแพ้ด้วยเสียงข้างมาก แล้วเขาก็เอาไปอ้างเป็นความชอบธรรมได้ว่า มีการอภิปรายถกเถียงกันในสภาฯ และผ่านการลงมติมาแล้ว

สิ่งที่จะต้องคิดคือ ทำอย่างไรไม่ให้กระบวนการทางสภาฯ เสียงข้างมากเดินต่อไปได้ พวกที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็อ้างว่า นี่เป็นวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย มติของเสียงข้างมากย่อมมีความชอบธรรม แต่เราต้องชี้ให้ได้นะครับว่า การใช้เสียงข้างมากเพื่อออกกฎหมายที่เป็นประโยชน์เฉพาะพวกพ้องและบางคนนั้น แม้จะเป็นมติเสียงข้างมากก็ไม่มีความชอบธรรม

แต่นั่นก็คือ ทำให้ประชาชนทั้งประเทศที่ไม่ใช่เฉพาะคนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ได้ตื่นรู้ถึงการใช้อำนาจอย่างบิดเบือนของระบอบทักษิณและเครือข่าย ให้เห็นถึงเป้าหมายที่เขาจะยึดครองประเทศไทยของนักโทษชายหนีคดี ให้เห็นว่าทุกวันนี้พวกเขาไม่ได้ปกครองประเทศด้วยวิถีทางที่ชอบธรรม แต่ปกครองด้วย “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ที่เป็นนักโทษคอยกำกับการทำงานของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีอีกชั้นหนึ่ง

พรรคประชาธิปัตย์ต้องกล้าที่จะตัดสินใจ และเลิกความหวังเสียทีว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วอีกครั้งหนึ่ง และต้องเชื่อว่า การต่อสู้นอกรัฐสภาก็เป็นวิถีทางหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ต้องออกมาชี้ให้คนทั้งประเทศเห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชอบธรรมอย่างไร มันจะมีน้ำหนักมากกว่าการไปโต้วาทีในสภาฯ แล้วก็แพ้เขาด้วยเสียงข้างมาก ซึ่งทำให้ฝ่ายรัฐบาลนำมาอ้างได้ว่า ได้สู้กันในกติกาของวิถีทางรัฐสภาจบไปแล้ว

พรรคประชาธิปัตย์ต้องกล้าที่จะออกมาต่อสู้ร่วมกับประชาชนเพื่อล้มระบอบทักษิณ เว้นเสียแต่จะเชื่อว่า น้ำลายและคารมอันคมคายในสภาฯ จะช่วยกอบกู้วิกฤตของบ้านเมืองได้
กำลังโหลดความคิดเห็น