“สุริยะใส” ระบุ 4 ปมญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญส่อขัด รธน. “มีส่วนได้เสีย-เปลี่ยนรูปแบบรัฐ-องค์ประชุมวาระ 1 ไม่ครบ” และไม่ทำประชามติ ฟันธงแก้ไขที่มา ส.ว.เปลี่ยนรูปแบบรัฐ สถาปนาอำนาจเดี่ยว ไร้การถ่วงดุลตรวจสอบ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า การประชุมรัฐสภาวาระ 2 เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อกำหนดที่มาของสมาชิกวุฒิสภานั้น ถ้าติดตามตลอดทั้ง 3 วัน จะพบชัดเจนว่ามีโอกาสขัดรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 4 ประเด็นด้วยกัน
ประเด็นแรก คือ ส่อว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ที่กำหนดให้ ส.ส.-ส.ว.ปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือห้ามมีส่วนได้ส่วนเสียในการทำหน้าที่ แต่จากการอภิปรายเห็นชัดเจนว่าหลายคน โดยเฉพาะ ส.ว.ที่กำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 2 มีนาคมปี พ.ศ. 2557 สนับสนุนร่างแก้ไขฯ เพราะต้องการลงสมัครรับเลือกตั้งหรือกลับมาเป็น ส.ว.อีก แม้แต่ประธานวุฒิสภานายนิคม ไวยรัชพานิช ก็สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า อยากให้ร่างแก้ไขฯ เสร็จก่อนหมดวาระ เพื่อจะได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว.ต่ออีกสมัย ซึ่งเท่ากับเป็นการสารภาพผิดกลางสภาฯ อย่างชัดเจน
ประเด็นที่ 2 การเปลี่ยนที่มา ส.ว. ตามร่างแก้ไขฯ ที่กำลังอภิปรายกันอยู่ หมิ่นเหม่ว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 (1) วรรค 2 ที่ระบุว่าญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐจะเสนอมิได้ แต่การแก้ไขที่มา ส.ว.ให้มาจากการเลือกตั้งและไม่มีหลักประกันของความอิสระจากพรรคการเมือง เท่ากับปล่อยให้พรรคและกลุ่มการเมืองถือทั้งอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติและอำนาจถ่วงดุลตรวจสอบไปในคราเดียวกันได้ ทำให้รูปแบบของรัฐกลายเป็นรัฐอำนาจเดี่ยวเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สวนทางกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ออกแบบรัฐให้มีธรรมาภิบาล
ประเด็นที่ 3 ญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังไม่ครบกระบวนความพิจารณาในวาระที่ 1 เพราะยังมีญัตติขอให้ขั้นกรรมาธิการแปรญัตติ 60 วัน ค้างอยู่ แต่นายสมศักดิ์ ประธานที่ประชุมชิงปิดประชุมเพราะไม่ครบองค์ประชุม และที่ประชุมมากำหนดกรอบแปรญัตติใหม่แค่ 15 วัน ซึ่งถือว่ามีปัญหาไม่ครบองค์ประชุมและไม่ครบกระบวนความพิจารณาตามวาระที่ 1 อย่างสมบูรณ์ และศาลรัฐธรรมนูญก็เคยวินิจฉัยยกเลิกกฏหมายฉบับที่องค์ประชุมไม่ครบมาแล้ว
ประเด็นที่ 4 เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการลงประชามติของประชาชน หรืออำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญมาจากประชาชน ฉะนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะแก้ทั้งฉบับหรือแก้เป็นรายมาตรา ก็ต้องจัดทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนก่อน