xs
xsm
sm
md
lg

“ยะใส” จวก “ค้อนปลอม” ข้ามหัวศาล รธน. เร่งแก้กฎหมาย ชี้ส่อขัด ม.122 แนะรอคำวินิจฉัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (แฟ้มภาพ)
“สุริยะใส” ซัดประธานรัฐสภา เรียกประชุมร่วมแก้ รธน.ข้ามหัวศาลรัฐธรรมนูญ หลังรับคำร้องวินิจฉัยแล้ว ชี้ ส.ส.-ส.ว.หนุนส่อขัด ม.122 มีส่วนได้เสีย ระบุหากเดินหน้าส่อท้าทายอำนาจโดยตรง มีสิทธิ์โดนเล่นได้ แนะรอคำตัดสินก่อน ขอตุลาการเร่งพิพากษา หลังร้องไปตั้ง 4 เดือนแล้ว

วันนี้ (18 ส.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ตนเห็นว่ากรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เรียกประชุมร่วมสองสภาในวันที่ 20 สิงหาคม เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยจะพิจาราณาในประเด็นที่มาของ ส.ว.ก่อนนั้น ถือเป็นการดันทุรังและข้ามหน้าข้ามตาศาลรัฐธรรมนูญ เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องของกลุ่มคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 5 คำร้องไว้พิจารณาแล้ว และอยู่ระหว่างมีคำวินิจฉัยว่าการแก้รัฐธรรมนูญทั้ง 4 ประเด็นขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่ยังรอคำวินิจหลายประเด็น เช่น การแก้รัฐธรรมนูญแม้แก้เป็นรายมาตรา ทำได้หรือไม่ เนื่องจากฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับที่เคยมีมา เพราะมาจากการลงประชามติของประชาชน และศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยวางกรอบไว้ว่า ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องถามประชาชนเพราะอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญมาจากประชาชน

นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า และประเด็นที่อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ที่ห้าม ส.ส.และ ส.ว.ทำหน้าที่ขัดกันทางผลประโยชน์ หรือมีส่วนได้เสียในการทำหน้าที่ แต่ในคำอภิรายวาระหนึ่ง และขั้นตอนแปรญัตติ พบชัดเจนว่า ส.ว.หลายคนเสนอให้แก้ที่มา ส.ว. โดยไม่จำกัดวาระ และไม่มีข้อยกเว้นกรณีเคยเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือแม้กระทั่งในประเด็น มาตรา 237 กรณียุบพรรคการเมือง ก็พบว่า ส.ส.หลายคนอภิปรายและแปรญัตติให้ตัดประเด็นนี้ไป ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดมาตรา 122 อย่างชัดเจน

“ฉะนั้น หาก ส.ส.และ ส.ว.เดินหน้าประชุมและลงมติ ก็ถือเป็นการท้าทายอำนาจศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง ซึ่งอาจะทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองและถูกยุบพรรคได้ ผมจึงเห็นว่ารัฐสภาควรรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อน และก็ขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งวินิจฉัยในเรื่องนี้ เพราะศาลได้รับคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมา 4 เดือนแล้ว” นายสุริยะใสกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น