xs
xsm
sm
md
lg

สภาป่วน! “สมศักดิ์” สั่งลงมติเมินสมาชิกจ้อ งัดค้อนทุบ สั่ง ตร.จับดะ เจอฝ่ายค้านรุมไล่ขี้ข้าทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประชุมร่วมรัฐสภาสุดมัน! “นิพิฏฐ์” ยันแปรญัตติรับหลักการไม่ครบองค์ประชุม จ่อยื่นศาล รธน.ตีความแน่ ขู่ ปธ.รัฐสภาไม่ส่งเรื่องเจอกันที่ศาล “สมศักดิ์” ขึ้นบัลลังก์เล่นบทโหดไม่ให้ 57 สมาชิกแปรญัตติต่อ ก่อนโอนอ่อนให้ได้แค่ฝั่งละ 2 คน ประชาธิปัตย์รุมฉะจำกัดสิทธิ เจ้าตัวฉุนสั่งลงมติ ลั่นรับผิดชอบเอง กดออดเรียกโหวต ได้มติขัดหลักการ เจอโห่ไล่ตลอดจนทนไม่ไหว ขุดอาวุธลับค้อนสมฉายาทุบ 3 โป๊ก สั่งตำรวจลากตัวพ้นที่ประชุม พร้อมตั้ง กก.สอบ ก่อนพัก 10 นาที 2 ส.ส.สาวกรี๊ด ตร.ชายจะแต๊ะอั๋ง ฝ่ายค้านรุมด่าขี้ข้าทักษิณ















วันนี้ (20 ส.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มา ส.ว. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า ยืนยันว่าการแปรญัตติในช่วงรับหลักการที่องค์ประชุมไม่ครบในวันที่ 4 เม.ย. ระหว่างการกำหนดวันแปรญัตติ และมีการนัดประชุมรับรองระยะเวลาแปรญัตติย้อนหลัง ถือว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าหากมีการส่งไปตีความศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับเป็นโมฆะ ทั้งนี้ ตนพร้อมสมาชิกรัฐสภา 1 ใน 10 จะยื่นเรื่องตีความ โดยอาศัยช่องทางตามมาตรา 291 วรรค 7 ประกอบมาตรา 154, 150 และ 151 เพราะได้รับการยืนยันจากคนที่เขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญ 50 ว่าทำได้ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าประธานรัฐสภาจะระงับไว้และไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญ และจะต้องเจอกับตนที่ศาลอาญาแน่นอน

มีรายงานว่า บรรยากาศการประชุมเริ่มตรึงเครียดเมื่อมีการเปลี่ยนตัวประธานที่ประชุม จากนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา มานายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา โดยนายสมศักดิ์ ได้ตัดบทไม่อนุญาตให้สมาชิก 57 คนที่ขอแปรญัตติ แต่ถูกประธานกรรมาธิการวินิจฉัยว่าขัดต่อหลักการไปแล้วได้อภิปราย แต่จะอนุญาตให้อภิปรายได้ฝั่งละ 2 คนเท่านั้น เพราะเกรงว่าจะพูดกันทั้งวันทั้งคืนก็ไม่จบ แต่ถูกประท้วงจากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์เพราะเป็นการกำจัดสิทธิของสมาชิกรัฐสภา และเห็นควรให้ทุกคนมีสิทธิพูด แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดลดละ ทำให้นายสมศักดิ์เริ่มโมโห และขอให้ลงมติเลย พร้อมกลับระบุว่า “ผมจำเป็นต้องใช้อำนาจประธานสั่งให้ลงมติ เป็นไงเป็นกัน เกิดอะไรขึ้นผมรับผิดชอบเอง”

จากนั้นนายสมศักดิ์ได้กดสัญญาณให้สมาชิกเข้าห้องประชุมเพื่อลงมติ ท่ามกล่างเสียงโห่ ที่แสดงความไม่พอใจจากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ ผลปรากฏว่าที่ประชุมมีมติ 339 เสียงเห็นว่าขัดหลักการ ขณะที่ 15 เสียงเห็นว่าไม่ขัด

ต่อมานายสามารถได้อ่านรายละเอียดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการพิจารณาของกรรมาธิการแล้วเสร็จ แต่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งเสียงโห่ประท้วงเป็นระยะ แม้นายสมศักดิ์จะขอร้องให้รักษามารยาทโดยอ้างว่าประชาชนกำลังดูการถ่ายทอดอยู่ และให้ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบเพราะที่นี่คือรัฐสภา แต่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยังคงพากันลุกขึ้นส่งเสียงโห่โดยไม่สนใจต่อคำขอร้องของนายสมศักดิ์ จนทำให้นายสมศักดิ์ต้องได้เดินไปหยิบค้อนออกมา โดยบอกว่าตนไม่เคยใช้เลย พร้อมกับเคาะ 3 ที จากนั้นได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภามาคุมตัว ส.ส.ที่ไม่ยอมนั่งอย่างไม่ต้องรีรอ ถ้าไม่ปฏิบัติตนถือว่าขัดต่อคำสั่งผู้บังคับบัญชา ตนจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน

ทั้งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างสับสนวุ่นวาย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา พยายามเข้าไปควบคุมตัว ส.ส.ตามคำสั่งของนายสมศักดิ์ โดยเดินไปล้อม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เช่น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี นายวัชระ เพชรทอง ที่พากันยืนตะโกนว่า “สภาทาส”, “ขี้ข้าทักษิณ” ซึ่งขณะนั้น น.ส.นริศา อดิเทพวรพันธุ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล พรรคประชาธิปัตย์ ได้กรีดร้องเพราะตกใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาชายพยายามจะเข้ามาจับตัว จนเมื่อสถานการณ์เริ่มบานปลาย ทำให้นายสมศักดิ์ได้สั่งพักการประชุม 10 นาที โดยระบุว่าเพื่อให้สมาชิกได้สงบสติอารมณ์

อย่างไรก็ตาม พบว่ามีการขว้างข้อบังคับการประชุมด้วย นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี ปชป. ชูป้าย “สภาทาส” เดินรอบห้องประชุมพร้อมกับไปยืนประท้วงหน้านายสมศักดิ์ ทั้งนี้มีการปะทะกันระหว่างตำรวจสภาและเหล่าบรรดา ส.ส.โดยได้มีการผลักกันไปมา ซึ่งมีรายงานว่าตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ 1 นาย

ล่าสุดมีรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยปราบจลาจลมาประจำที่หน้ารัฐสภา ประมาณ 1 กองร้อย หลังจากเกิดความวุ่นวายในสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเปิดการประชุมอีกครั้ง เวลา 14.30 น. ได้มีการเปลี่ยนตัวนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา มาทำหน้าที่ประธานแทน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา โดยเริมพิจารณาในมาตรา 1 ชื่อร่างกฎหมาย และคำปรารถ ส.ส. พรรคฝ่ายค้านยังคงตะโกนประท้วงอย่างต่อเนื่อง โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว่า บรรยากาศการประชุมในวันนี้ไม่พร้อม เพราะการทำหน้าที่ของ 2 ประธานวินิจฉัยคนละมาตรฐาน โดยนายนิคม บอกว่าเปิดโอกาสให้ผู้ที่แปรญัตติที่ทองว่าขัดหลักการจำนวน 57 คน แต่นายสมศักดิ์ ไม่อนุญาตดังนั้นหลังจากนี้จะทำอย่างไร เพราะนายสมศักดิ์ ไม่เคารพคำวินิจฉัยของท่านประธาน และการกระทำของนายสมศักดิ์ทำเหมือนพวกตนเป็นผู้ร้าย ประพฤติไม่ชอบต่อบ้านเมืองทำไมนายสมศักดิ์ทุบค้อนถึง 3 ครั้งแต่ไม่ได้ผล เพราะเป็นการทำหน้าที่ไม่เป็นธรรมและเป็นค้อนปลอม ต่อไปจากทำหน้าที่ได้อย่างไร

นายนิคม ชี้แจงว่า ขณะนี้เข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณา เข้าวาระ 2 ไปแล้ว ตนไม่สามารถย้อนไปวินิจฉัยเรื่องเดิมได้ นอกจากที่ประชุมจะมีมติยกเลิกมติดังกล่าวว่า ร่วมทั้งข้อบังคับการประชุมด้วย จากนั้นนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดประเด็นประท้วงกรณีการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในห้องประชุมกระชากแขนนายเทิดพงษ์ ไชยนันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์อายุกว่า 70 ปี และอุ้มนายนิพิฎฐ์ด้วย ขณะที่นายนิพิฎฐ์ อภิปรายว่า นายสมศักดิ์ ได้ประสาน บชน. เพื่อขอตำรวจปราบจลาจลเข้ามาในสภาฯ ขอให้นายสมศักดิ์ออกคำสั่งถอนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณด้านหน้ารัฐสภาเพราะเป็นการคุกคามข่มขู่การทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภา จึงขอให้พักการประชุมจนกว่าตำรวจปราบจลาจลจะกลับไป ท่ามกลางสียงตะโกนสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์ว่าข่มขู่คุกคามสมาชิกรัฐสภา ที่นี่ไม่ใช่รัฐตำรวจ พร้อมกับมีเสียงนกหวีดจากฝั่ง ส.ส.ประชาธิปัตย์ จนทำให้เมื่อเวลา 15.20 น. นายนิคม ต้องสั่งพักการประชุม 10 นาที เพื่อตรวจสอบว่ามีตำรวจดังกล่าวจริงหรือไม่

ต่อมาเวลา 15.29 น. ได้มีการประชุมรัฐสภาต่อ นายนิคมได้แจ้งว่าขอให้ดำเนินการประชุมต่อไปได้อย่างสบายใจเพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กลับไปหมดแล้ว จากนั้นได้พยายามที่จะดันให้การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินต่อไป แต่ส.ส.ฝ่ายค้านก็ยังคงประท้วงต่อไป นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ประท้วงนายนิคมว่า นายสมศักดิ์ได้กล่าวว่า เป็นอะไรเป็นกัน ซึ่งเป็นคำพูดที่ท้าทาย และไม่เหมาะสม นอกจากนี้การนำตำรวจปราบจราจลมาที่หน้ารัฐสภาถือเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน นายนิคมพยายามปฏิเสธว่าไม่มีตำรวจปราบจราจลอยู่ที่หน้ารัฐสภา นายเทพไทโต้ว่าอยู่ในสวนสัตว์เขาดิน เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของสมาชิกรัฐสภา ขณะที่นายฉลอง เรี่ยวแรง ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย อ้างว่าไม่มีตำรวจปราบจราจลบุกเข้าไปในรัฐสภา และกลับไปแล้ว พร้อมกับแสดงความไม่เห็นด้วยกับการนำตำรวจบีบในรัฐสภา นายนิคมให้วิปทั้งสองฝ่ายไปหารือกันอีกครั้ง

นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้ผู้ที่สั่งให้ตำรวจปราบจราจลเข้ามาที่รัฐสภาออกมารับผิดชอบ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 131 ตำรวจจะจับ ส.ส.ยังไม่ได้ ซึ่งตนจะยื่นถอดถอนและดำเนินคดีอาญา ขณะที่ รท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ประท้วงนายฉลอง กล่าวหาว่าทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียหาย และอ้างว่าที่ตำรวจปราบจราจลมาเพื่อดูแลความสบเรียบร้อย ซึ่งตำรวจรัฐสภาถูก ส.ส. ชกหน้าและบีบคอ เพื่อความเรียบร้อยทางสภาฯ จึงมีการประสาน จึงขอความเป็นธรรม ส่วน น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวประท้วงว่า อย่าแสดงพฤติกรรมให้ผู้ชมทางบ้าน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัย จึงเป็นเรื่องถูกต้องที่มีตำรวจเข้ามาคุ้มกันพวกเรา จึงขอให้มีตำรวจคุ้มกันตนและ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล

นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส.ส.ที่ไปชกตำรวจ ในภาพตนถูกตำรวจ 8 คนรุม ถ้าใครจะแจ้งความตน ตนจะแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จ ซึ่งมี ส.ส.บางคนถ่ายวีดีโอคลิป ตนถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่ประธานเอาค้อนมาทุบ 3-4 ครั้ง ตนบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นเรื่องในสภา ตำรวจกล่าวว่าขอเถอะครับ จำเป็นต้องทำเพราะถูกตั้งกรรมการสอบ ตนบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่กลัว ส่วนนางนาถยา เบญจศิริวรรณ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ประท้วงประธานว่าไม่เป็นกลาง ทุกคนในสภานี้เท่าเทียมกัน ตนถามว่าใครสั่งการให้ตำรวจมาปฏิบัติการในสภาฯ และผู้ประท้วงกล่าวว่าชะนีโหยหวนช่วยถอนคำพูด ในสภาผู้แทนฯ แห่งนี้ไม่ได้ใช้ความสวย แต่ใช้สติและปัญญา ความสวยไม่ใช่ว่าจะอภัยได้ทุกเรื่อง ขณะที่ น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า ตนยังเด็กกว่า ใสกว่าคงต้องสู้กัน ส่วนที่จะให้ถอนคำพูดนั้น ตนไม่ได้ว่าใครโดยเฉพาะ แต่มีเสียงโหยหวน นึกว่ามาทำงานผิดที่ ตนจึงไม่ถอนคำพูด ทั้งนี้ นายนิคมได้สั่งให้ถอนคำพูด และไม่ให้ปรากฎในรายงานการประชุม น.ส.ขัตติยาจึงยอมถอนคำพูด

น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงกล่าวว่าการทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ใครสวยกว่าเลือกคนนั้น ตนติดใจว่าตั้งแต่นายสมศักดิ์มาถึงนายนิคม เป็นประธานที่ใช้ไม่ได้ กฎระเบียบข้อบังคับใช้ไม่ได้แล้วเพราะไม่เป็นกลาง และการสั่งตำรวจจับ ส.ส. กลับจับผู้สูงอายุที่ไม่ได้ทำอะไร ซึ่งการสั่งการอะไรให้มีสติ ไม่ใช้ใช้อารมณ์แล้วใช้คนอื่นมากวาดต้อน อีกทั้งต้องหาคนที่สั่งตำรวจเข้ามาด้วย ซึ่งนายนิคมได้กล่าวว่าประธานจะชี้แจง

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ในช่วงที่มีเหตุการณ์วุ่นวาย ตนได้เชิญตำรวจรัฐสภาขึ้นมาที่ห้องประชุม ทำให้ไม่มีตำรวจรัฐสภาเข้ามาดูแลความเรียบร้อยรอบนอกบริเวณอาคารรัฐสภาทั้งหมด ผอ.สำนักรักษาความปลอดภัยของสภาฯ รายงานว่าได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ประสานไปที่ตำรวจเพื่อดูแลแทนตำรวจรัฐสภา ถือว่าใช้ดุลยพินิจโดยตรงถูกต้องแล้ว แค่มาดูแลรอบนอก ซึ่งเป็นการตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้นเอง

นายพุทธิพงศ์ ปุณรกันต์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงโดยเรียกร้องให้เปิดวีดีโอคลิป นายนิคมพยายามตัดบทให้นายสมศักดิ์อนุญาตจึงค่อยนำมาฉาย ต่อมานายฉลองกล่าวว่า การพูดคำว่าเอาตำรวจมาบีบตนได้พูดผิดไป แต่ทางซีกฝ่ายค้านที่กล่าวว่าเป็นตำรวจปราบจราจลไม่จริง เป็นตำรวจนครบาล 50 คน ประจำการที่สวนสัตว์ดุสิต เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย หวั่นเกรงว่าจะมีมือที่สาม

ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการจะเปิดภาพคลิปเหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับสมาชิกฝ่ายค้านในสภามาเปิดในห้องประชุม แต่นายนิคมไม่อนุญาต ให้เปิดในห้องประชุม แต่ให้นำมามอบให้กับตนดูก่อน

จากนั้นนายวิทยา แก้วภารดัย ส.ส. นครศรีธรรมราช กล่าวว่านายสมศักดิ์จะปัดความรับผิดชอบโดยโยนไปให้ผอ.สำนักรักษาความปลอดภัยฯไม่ได้ เพราะเป็นผู้บริหาร จะต้องรับผิดชอบด้วย หากไม่ดำเนินการก็ไม่เหมาะสมมานั่งเก้าอี้ประธาน และขอให้นายสมศักดิ์ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว

จากนั้นนายนิคมได้พยายามตัดเข้าสู่การประชุมมาตรา 1 โดยให้นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้สงวนคำแปรญัตติ ได้อภิปราย แต่นายเทพไทกลับประท้วงเรื่องตำรวจต่อไป โดยได้โต้เถียงกับประธานจน นายนิคมระบุว่า หากนายเทพไทไม่ใช้สิทธิ์จะให้ข้ามให้นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ซึ่งเป็นผู้สงวนคำแปรญัตติ เป็นผู้อภิปราย แต่หากไม่อภิปรายตนก็จะสั่งให้ไปพิจารณามาตรา 3 เลย

แต่เมื่อนายวัชระลุกขึ้นอภิปราย ยังคงช่วยเพื่อส.ส.ประชาธิปัตย์ประท้วงนายสมศักดิ์ ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในเขาดิน เสือ สิงห์ กระทิง แรด และนายกฯเดือดร้อน เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาตำรวจ และยืนยันว่านายสมศักดิ์ ทำหน้าที่ไม่ได้ต้องลาออกและเสนอให้พักการประชุม

แม้นายนิคมพยายามจะปัดว่านายสมศักดิ์ ได้รับผิดชอบเบื้องต้นไปแล้ว และจะตั้งกรรมการตรวจสอบต่อไป แต่สถานการณ์ในห้องประชุมก็ยังคงวุ่นวาย เพราะส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จำนวนมากได้ยืนประท้วง จนในที่สุดต้องจึงตัดสินใจพักการประชุม 15 นาที ซึ่งถือว่าเป็นการพักการประชุมเป็นรอบที่ 3 ของวันนี้















กำลังโหลดความคิดเห็น