ผ่าประเด็นร้อน
บินไปต่างประเทศอีกแล้ว สำหรับนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เวลานี้ถือว่าเป็นผู้นำประเทศคนแรกในประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกันที่ใช้เงินจากภาษีของชาวบ้านไปต่างประเทศมากที่สุด ส่วนจะคุ้มค่าจากผลที่ไปเยือนแต่ละประเทศได้หรือไม่นั้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เอาเป็นว่าเรื่อง "เสื้อผ้าหน้าผม"รับรองไม่มีทางเป็นรองใครแน่นอน
คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน มีวาระเข้าร่วมประชุมระดับอินเตอร์อีกแล้ว เป็นหัวข้อการประชุมเกี่ยวกับเรื่องน้ำในชื่อภาษาอังกฤษว่า "High-Level International Conference on Water Cooperation " ที่ประเทศ ทาจิกิสถาน จากนั้นก็เดินทางต่อมาที่ประเทศปากีสถาน โดยกำหนดการเยือนคราวนี้อยู่ระหว่างวันที่ 19-21 สิงหาคม ซึ่งวาระเยือนประเทศหลังนี่แหละที่มันทะแม่งพิกล
แน่นอนว่าการกำหนดการเดินทางออกนอกประเทศ นอกจากเป็นช่วงสำคัญพอดี นั่นคือกำลังจะมีการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาของ สมาชิกวุฒิสภา เพียงฉบับเดียวหรือว่าจะพ่วงเอาเรื่องอื่นๆเข้ามารวบรัดเข้ามาทีเดียวพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น การแก้ไขรัฐธรรมนูญในฉบับที่ให้แก้ไข มาตรา 68 เพื่อลดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เป็นต้น เพื่อเลี่ยงข้อกฎหมายในภายหน้าในเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือมีปัญหาทางกฎหมายหากมีการยื่นให้ตีความก็อ้างว่าเธอไม่เกี่ยว ไม่ได้ร่วมลงมติ "เป็นเรื่องของสภาค่ะ" เหมือนกับที่สภามีวาระสำคัญทุกครั้งเธอก็มักจะหาเหตุไม่อยู่ตลอดเวลา
การเดินทางเยือนประเทศอิสลามดังกล่าว ประเทศแรกอย่างทาจิกิสถาน ตามหัวข้อประชุมในเรื่องน้ำ ก็คงไม่มีอะไรน่าติดใจ ก็คงว่ากันไปตามโพยที่บรรดาทีมงานใกล้ชิดเขียนยัดใส่มือให้พูดกันอย่างละเอียดอยู่แล้ว แต่กำหนดการเยือนปากีสถานนี่สิมันน่าสงสัย เพราะงานนี้มีการหิ้วเอาพวกทีมงานด้านความมั่นคงชนิดที่เรียกว่า "เด็กในบ้าน"ล้วนๆไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร พ.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) และแน่นอนว่าขาดไม่ได้ก็มี รัฐมนตรีต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ไปด้วยอย่างพร้อมเพรียง อ้างว่าไปคุยเรื่องปัญหาชายแดนใต้ เพราะปากีฯเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มประเทศอิสลาม(โอไอซี) ก็ไม่เถียง มันก็เป็นไปได้ แต่รับรองว่าคิวนี้ไม่ธรรมดา มีเรื่อง"คอขาดบาดตาย"พ่วงเข้ามาแบบเฉพาะกิจด้วยหรือไม่
โดยเฉพาะเรื่องคอขาดบาดตายเกี่ยวกับ"คลิปอัลกอร์อิดะห์" ที่ขู่ฆ่า ทักษิณ ชินวัตร ไปทั่วโลกโทษฐานอยู่เบื้องหลังการเข่นฆ่าพี่น้องมุสลิมที่มัสยิดกรือเซะ หรืออาจพ่วงเหตุการณ์ที่ตากใบเข้าไปด้วยก็ได้ และหากจำกันได้ในเวลาต่อมา เฟสบุกส์ของ ทักษิณ ก็มีการโพสต์ข้อความทำนองรู้ดีว่า "เป็นของปลอม" แต่ประเด็นก็คือบอกว่าชายที่หน้าตาคล้ายอาหรับที่อยู่ในคลิปนั้นพูดภาษาหรือ"สำเนียงปากีสถาน"ไงละ แถมตั้งข้อสังเกตว่าไม่เคยมีอัลกออิดะห์ที่ไหนที่เผยโฉมหน้าให้เห็น และยังโพสต์ข้อความแบบชวนหัวตามมาอีกว่า "ใส่นาฬิกาเรือนทองเสียด้วย" พร้อมทั้งสำทับทำนองว่าไม่กลัวเพราะมีเพื่อนมุสลิมเยอะ
อย่างไรก็ดีถ้าพิจารณากันให้ครบถ้วนก็จะพบว่าจนถึงบัดนี้ตั้งแต่มีคลิปขู่ฆ่าดังกล่าวเผยแพร่ออกมาก็ยังไม่มีการออกมาปฏิเสธว่าเป็นคลิปปลอม จากฝ่ายอัลกอร์อิดะห์แต่อย่างใด มีแต่ผู้บังคับการกองปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ไม่รู้ว่า "ผิดคิว" หรือเปล่าทะเร่อทะร่าออกมายืนยันว่าเป็น "คลิปจริง" แต่เอาเป็นว่าตั้งแต่มีคลิปดังกล่าวออกมาทำให้ทักษิณ ชินวัตร เงียบเสียงไปพักใหญ่ ไม่ค่อยเคลื่อนไหวเป็นข่าวคราวมากนัก
ขณะเดียวกันเมื่อเชื่อมโยงทั้งตัวบุคคล สถานที่ ทุกอย่างจึงลงตัวเป๊ะ และประจวบเหมาะกันอย่างร้ายกาจ ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ ถูกขู่ฆ่า ปากีสถานซึ่งเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวและมีอิทธิพลอยู่ในเขตชายแดนติดต่อกับอัฟกานิสถาน ปัญหาชายแดนใต้ ที่มีตัวบุคลที่มีบทบาทในด้านข้อมูลทั้งในพื้นที่ชายแดนใต้ และในสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น เลขาฯศอ.บต.และ เลขาฯสมช.และรัฐมนตรีต่างประเทศ ถามว่าคนพวกนี้ไม่ต่างจากเด็กในบ้านของครอบครัวของเขา ซึ่งคนไทยจำนวนไม่น้อยยังคิดว่าพวกเขาทำงานดูแลผลประโยชน์ให้กับ ทักษิณ มากกว่าทำงานให้กับบ้านเมืองเสียอีก ดังนั้นหากเชื่อมโยงทั้งตัวบุคคลและสถานที่มันช่วยไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเป็นการเยือนเพื่อแลกเปลี่ยน หรือขอข้อมูลความเคลื่อนไหวของกลุ่มอัลกอร์อิดะห์ว่ามีน้ำหนัก หรือสามารถส่งสัญญาณเชื่่อมต่อไปถึงตัวเพื่อชี้แจงว่า "ไม่เกีี่ยวข้อง"ได้อย่างไรมากกว่า
เพราะถ้าพิจารณาจากนิสัยส่วนตัวเมื่อย้อนกลับไปในอดีตก็ต้องบอกว่า "ขี้ขึ้นสมอง" และก็เป็นไปได้สูงที่การนำคณะฝ่ายความมั่นคงชุดใหญ่ของ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปปากีสถานแบบ "วาระพ่วงแถม" แบบนี้มันก็น่าจะถูกมองว่ามีเป้าหมายเพื่อ"เคลียร์ความอดภัยให้พี่ชาย เป็นวาระหลักหรือเปล่า !!