รองโฆษก ปชป.เตรียมร้อง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และ สตช.เร่งรัดคดีผูกระเบิด-ยิงบ้าน บก.โพสต์ทูเดย์ ชี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ปิดหูปิดปากประชาชน คุกคามสื่อหลายครั้ง เตือนประชาชนหวาดผวา ประจานพฤติกรรมเผด็จการ ด้านรองโฆษกรัฐบาลรีบแก้ข่าว ยกย่องรัฐบาลยุคนี้เสรีภาพมากกว่ายุคก่อน อ้าง ผบ.ตร.ดูแลแล้ว ล้อมคอกเต็มที่
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันอังคารนี้ (20 ส.ค.) จะทำหนังสือไปถึง พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้เร่งรัดการที่มีอาชญากรรมเกิดขึ้นที่บ้านของนายภัทระ คำพิทักษ์ บรรณาธิการบริหาร นสพ.โพสต์ทูเดย์ เพราะกรณีนี้เราตั้งใจเร่งรัดตรวจสอบการทำงานของตำรวจให้เป็นไปโดยเร็ว มีประสิทธิภาพ เสมือนเป็นคดีสำคัญ หากช่วยดูแลหลายฝ่ายเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะติดตามคนที่ทำผิดเพื่อลดความรุนแรงได้ เพราะกรณีการคุกคามแน่ชัดว่ามีประเด็นเดียวคือการวิพากษ์วิจารณ์การเมือง จึงมีโอกาสค่อนข้างสูงว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องการทำหน้าที่สื่อมวลชน
ทั้งนี้ เพราะก่อนหน้านี้สถานีวิทยุกองบัญชาการกองทัพไทย เอฟเอ็ม 101 ก็เคยถอดนายวันชัย สอนสิริ ส.ว.สรรหา ออกจากรายการไปก่อนที่จะไปเชิญกลับมาเข้ามาจัดรายการใหม่อีกครั้ง จึงอยากสะท้อนให้เจ้าหน้าที่รัฐตระหนักว่าเมื่อถึงยุคมืดการคุกคามสื่อจะกลับมา เมื่อคราใดที่ถึงยุคมืดศิลปินดาราจะแสดงออกพร้อมกับประชาชนด้วยการแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนว่าจะใช้อำนาจในทางที่ผิดไม่ได้ ทั่งการนิรโทษกรรม แก้รัฐธรรมนูญ และอีกหลายอย่างที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้า
น.ส.มัลลิกากล่าวต่อว่า สำหรับกรณีคุกคามสื่อไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นกับ บก.โพสต์ทูเดย์เท่านั้น แต่มีการคุกคามคอลัมน์นิสต์ นสพ.แนวหน้าด้วยการทุบกระจกรถ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถจับกุมคนผิดได้ เพราะถ้าเป็นเรื่องโจรกระจอกคงจับได้แล้ว แต่ตอนนี้ผู้ร้ายยังล่องหน นอกจากนี้ยังมีการคุกคามนายกนก รัตน์วงศ์สกุล, ข่มขู่ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร จากคนเสื้อแดง, คุกคามสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ด้วยการถอดละครเหนือเมฆ 2 นอกจากนี้ยังมีกรถอดรายการที่ตนไปออกรายการช่อง 11 ที่ออกอากาศทีวีดาวเทียม ซึ่งรายการนี้ผู้ตรวจาการแผ่นดินกำลังตรวจสอบอยู่ แต่ยังไม่มีการคืนรายการให้
“ทั้งหมดเกิดจากการปิดหู ปิดตา ปิดปาก ไม่ให้วิจารณ์นายกฯ และรัฐบาล จนเลยเถิดมาถึงกรณีโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทางพรรคเห็นว่าการทำงานของนายภัทระ เป็นการตรวจสอบที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจจึงขอทำหนังสือถึง สตช. ให้เร่งรัดดำเนินการกับผู้กระทำความผิด ถ้าไม่ทำก็น่าสงสัยว่ามีเบื้องหลังอย่างไร ทั้งหมดต้องเตือนถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ประชาชนกำลังรู้สึกหวาดผวา และเป็นการประจานพฤติกรรมเผด็จการของตัวเอง” น.ส.มัลลิกากล่าว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ น.ส.มัลลิกาแถลงข่าวได้ไม่นานนัก ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โยงเหตุการณ์ระเบิดข่มขู่บ้านนายภัทระ ระบุว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องการเมืองและเสนอข่าววิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ซึ่งอาจทำให้คนฟังเข้าใจผิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องรัฐบาลนั้น รัฐบาลขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการให้ความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน
“ที่ผ่านมาสังคมก็คงเห็นอยู่แล้วว่ารัฐบาลไม่เคยใช้อำนาจในทางที่ผิด เข้าไปแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน และไม่เคยปิดปั้นเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล อันที่จริง หากเปรียบเทียบกับรัฐบาลอื่นๆ ในอดีต ต้องถือว่า สื่อมวลชนและประชาชนในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีเสรีภาพอย่างกว้างขวางในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล และอันที่จริงแล้ว อาจจะมีเสรีภาพมากกว่ารัฐบาลในยุคก่อนๆ ด้วยซ้ำ” ร.ท.หญิง สุณิสากล่าว
ร.ท.หญิง สุณิสากล่าวต่อว่า ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ บก.บห.โพสต์ทูเดย์นั้น รัฐบาลก็มีความห่วงใยและได้ติดตามการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งจากการสอบถามไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงไปดูแลและติดตามรวบรวมหลักฐาน เพื่อหาสาเหตุเบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวทันทีหลังจากทราบเหตุ และขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพิ่มความเข้มข้นในการดูแลความปลอดภัยในจุดเกิดเหตุอย่างเต็มที่ โดย ผบ.ตร. จะติดตามความคืบหน้าของคดีความอย่างใกล้ชิด รัฐบาลจึงขอให้ทุกฝ่ายสบายใจว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการในทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใสและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่