“ประพันธ์” ซัด “ธาริต” สอพลอนายไม่ลืมหูลืมตา ทำคดีมั่วทั้งที่แต่ละเรื่องไม่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษเลย แนะประชาชนรวมตัวฟ้องศาลในข้อหาใช้อำนาจมิชอบ อย่าฟ้องตำรวจเพราะเรื่องคงโดนดองตามเดิม ด้าน “อ.สมศักดิ์” เตือนควบคุมไลน์ คนดักจับข้อมูลจะกลายเป็นคนทำผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์เสียเอง
วันที่ 15 ส.ค. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เธียรจรูญกุล อาจารย์สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายประพันธ์กล่าวถึงกรณีนายธาริตยก น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประมุขของประเทศว่า การที่นายธาริตออกมาแก้ตัวว่าเป็นศัพท์ทางรัฐศาสตร์ แสดงว่าตั้งใจจะพูดอย่างนี้แต่แรก ถ้าพลาดแล้วขอโทษแก้ไขยังให้อภัยได้ แต่นี่กลับมาแถแล้วบอกว่าใครเอาข้อความไปเผยแพร่จะฟ้อง ตัวนายธาริตเองนั่นแหละที่จะโดนฟ้องกลับทุกกรณี
รวมถึงเรื่องภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับป้าย เสือ สิงห์ กระทิง นายธาริตก็ตีความเอาเองว่าเป็นตัวนั้นเพื่อสอพลอนายกฯ ทั้งที่คนอื่นอาจจะตีความเป็นอย่างอื่นก็ได้ แต่นี่เหมือนข่มขืนซ้ำสอง หรือหากจะเข้าข่ายหมิ่นประมาทก็เป็นการหมิ่นฯ ส่วนตัว ดีเอสไอเอาอำนาจอะไรมาทำเป็นคดีพิเศษ ทั้งที่ไม่เข้าองค์ประกอบเลยแม้แต่นิด
นายกฯ เป็นบุคคลสาธารณะสามารถถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ เป็นเรื่องปกติ ไม่เข้าข่ายความผิดเลย ถ้าฟ้อง น.ส.มัลลิกาฟ้องกลับแน่ เรื่องนี้ดูด้วยความเศร้าว่าข้าราชการไทยตกต่ำเหลือเกิน ทำเพื่อสอพลอนาย ประชาชนต้องรวมตัวกันสู้ถ้านายธาริตใช้อำนาจไม่ชอบ ไปศาลฟ้องกลับด้วยตัวเอง อย่าไปแจ้งความต่อตำรวจ เพราะคงถูกหมกคดีไว้เหมือนเดิม
นายประพันธ์กล่าวถึงการควบคุมการสื่อสารทางไลน์ว่า รัฐบาลต้องการปรามประชาชน เนื่องจากมีการส่งต่อข้อมูลวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลกันมาก แต่ต่อให้ชาตินี้ชาติหน้าก็แก้ความรู้สึกประชาชนไม่ได้ เพราะต้นเหตุมาจากรัฐบาลบริหารบ้านเมืองไม่ได้เรื่อง ถ้าอยากแก้ให้ไปช่วยอบรมเจ้านายตัวเองให้พูดจาเป็นภาษาคน รู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด ถ้านายกฯทำตัวดีคนก็ชม ไม่ดีก็ต้องวิจารณ์ ไปแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่มาเล่นงานประชาชน ข้อมูลในคอมพิวเตอร์เป็นสิทธิที่กฎหมายให้การรับรอง แต่ถ้าเป็นการใส่ร้าย ดำเนินคดีเป็นความผิดส่วนตัวได้ ไม่ควรเอาเครื่องมือรัฐมารังแกประชาชน
ด้านนายสมศักดิ์กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่ดีเอสไอทำในเรื่องที่ไม่ควรทำ อย่างคดีสมีคำก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเอสไอต้องไปทำ มันไม่ได้ซับซ้อนอะไร แล้วหลายๆ คดีที่พยายามทำทั้งที่เขาไม่ได้ผิดก็ทำให้ผิด ถ้าเจ้านายคนปัจจุบันหมดอำนาจลง นายธาริตคงโดนคดีไม่น้อย ชีวิตที่เหลืออยู่น่าจะไม่พอติดคุก
ส่วนกรณีคุมไลน์นั้นก็ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงเลย มันเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีบทบัญญัติมาตราไหนใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ให้ตรวจสอบได้โดยพละการ ต้องขออำนาจศาลก่อน เช่นมีข้อมูลการกระทำผิดบางอย่าง แล้วขอศาลเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ถ้าไม่ขออำนาจศาลก่อน จะถือว่าเป็นการไปดักจับข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตัวผู้ดักจับข้อมูลจะเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์เสียเอง
ตอนนี้มีการใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 14 กันเลอะไปหมด เอามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง แล้วไปใช้กับเรื่องที่มองอย่างไรเขาก็ไม่ผิด ซึ่งจริงๆ แล้ววัตถุประสงค์ของมาตรานี้เอาไว้ใช้กับการกระทำผิดด้านเทคโนโลยี เช่นเลียนแบบเว็บไซต์สถาบันการเงินเพื่อหลอกข้อมูลจากสมาชิก