โฆษก ศอ.รส.เตือนอย่าปล่อยข่าวสร้างความวุ่นวายในโซเชียลมีเดีย ชี้อาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี พร้อมยันไม่มีข่าวปฏิวัติแน่นอน ระบุตำรวจเสริมกำลังอีก 11 กองร้อยรับมือม็อบต้านนิรโทษกรรม
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (4 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.อนุชา รมยะนันทน์ พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษก ศอ.รส. แถลงข่าวภายหลังประชุมสรุปสถานการณ์การชุมนุมและกำชับการปฏิบัติว่า การประชุม ศอ.รส.ได้รายงานสถานการณ์การข่าว โดยสรุปบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 หรือหน้าสวนลุมพินี มีการจัดตั้งเต็นท์เรียบร้อยตั้งเวที ขนาด 7x12 เมตร รถเครื่องเสียง 5 คัน แสดงให้เห็นว่าพร้อมรวมพลกระจายจุดต่างๆ ตอนนี้ทางตำรวจนครบาลรายงานมีจำนวนผู้ชุมนุม บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 จำนวน 300 คน และทยอยเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ ส่วนอีกกลุ่มที่ท้องสนามหลวงประมาณ 80 คน และมีแนวโน้มจะเดินทางกลับ จากการตรวจสอบกับมวลชนที่มาเข้าร่วมชุมนุมพบว่าให้มีการเตรียมสัมภาระสำหรับพักค้างแรม ได้ 2-3 วัน และให้มารับค่าใช้จ่ายในพื้นที่ชุมนุม
พล.ต.ต.ปิยะเผยว่า ในการประชุมข่าวกรองได้นำเสนอข่าวที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุม แถลงว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายท่านเข้าร่วมชุมนุมด้วย ขณะนี้หลายท่านได้ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนที่เป็นอดีตตำรวจ ทาง ศอ.รส.ได้ตรวจสอบจากท่านที่มีชื่อโดยตรง อย่าง พล.ต.ท.อดิเทพ ปัญจมานนท์ อดีต ผบช.ปส. ที่ได้ทำหนังสือยืนยันถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผอ.ศอ.รส.ว่าไม่ได้เข้าร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ และได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ส่วน พล.ต.อ.บุญทิน วงศ์รักมิตร ทางลูกชายก็โทร.มาแจ้งว่าไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม แต่อยู่ระหว่างการรักษาสุขภาพร่างกายไม่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ที่ประชุม ศอ.รส.ได้ตั้งทีมฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข่าวในโซเชียลมีเดีย หากพบว่ามีเจตนาปล่อยข่าวสร้างสถานการณ์วุ่นวาย ให้เข้าใจผิด การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก และมีการกดไลก์ กดแชร์ ถือว่ามีความผิดอาญาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนหรือทั้งจำทั้งปรับ จากการตรวจสอบของทีมงานพบว่าบางข่าวไม่เป็นความจริง เช่น ข้อความที่บอกว่าจะมีการระดมกำลังทหาร จะมีการปฏิวัติ และการแอบอ้างชื่อบุคคลหากบุคคลที่ถูกแอบอ้างไปแจ้งความดำเนินคดี ผู้เผยแพร่ก็จะมีความผิด
ขณะนี้ทาง พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.แจ้งกำลังพลเสริม 11 กองร้อย เข้าพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนกำลังรอบที่ 2 รอติดตามการข่าวว่าจำเป็นต้องเข้ามาหรือไม่ ส่วนทางด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้กำชับให้ ผบ.กองกำลังเน้นรักษาสถานที่ และให้ทุกกองบังคับการจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว บก.ละ 1 ชุด หากเกิดสถานการณ์สามารถเคลื่อนเข้ามาสนับสนุนได้ทันที และให้ฝ่ายกฎหมายบันทึกคำชี้แจง คำปราศรัยโดยตลอด ว่ามีข้อความใดผิดกฎหมายหรือไม่ ยืนยันว่าพร้อมดูแลป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ในส่วนของการจราจรทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบังคับการตำรวจจราจร จะตรวจสอบการจราจรโดยตลอดหากจุดไหนมีปัญหาให้รีบชี้แจงและให้จัดชุดคลี่คลายการจราจรลงพื้นที่ การตั้งด่านความมั่นคงภายในพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ 11 จุดและรอบนอกอีกจำนวนหนึ่ง ยืนยันว่าเป็นการตั้งด่านตามปกติ ไม่ได้มีการสกัดกั้นผู้มาชุมนุมแต่อย่างใด พร้อมปฏิเสธข่าวที่มีสื่อมวลชนบางฉบับลงข่าวว่า มีการใช้งบประมาณจำนวนมากในการอบรมการถ่ายภาพให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่มีการใช้งบประมาณสูงอย่างที่เป็นข่าว เป็นการให้ผู้เชี่ยวชาญมาอบรมการถ่ายภาพเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ได้ถูกวิธีโดยใช้โทรศัพท์และกล้องที่มีอยู่
ด้าน พ.ต.อ.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษก ศอ.รส.กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้กำชับการปฏิบัติให้ยึดหลักกฎหมายและเจตนารมณ์ที่ประกาศไป ให้ระมัดวังไม่ประมาท ระวังภัยแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น ให้ทุกกองบังคับการเตรียมกองร้อยควบคุมฝูงชนสนันสนุนไว้ในที่ตั้ง และให้ทุกระดับมีหน่วยด้านการข่าวทั้งระดับสถานีตำรวจ จนถึงระดับกองบัญชาการ ในส่วนของกองบัญชาการให้รอง ผบช.1 คนรับผิดชอบด้านการข่าวโดยตรง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ เนื่องจากตำรวจได้ตั้งด่านรอบพื้นที่กทม. ขออภัยในความไม่สะดวกที่ต้องตรวจอาวุธ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง ในส่วนการจราจรช่วงนี้มีฝนตกการจราจรติดขัดให้ประชาชนติดตามข่าวสารการชุมนุมอยู่ที่บ้านพัก นอกจากนั้นสำนักงานตำวจแห่งชาติได้จัดทีมแพทย์ไว้บริการผู้ชุมนุมที่ไม่สบายไว้ 3 จุด คือ บช.น. ทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา