โฆษก ศอ.รส.เผยวันที่ 4 ส.ค.นี้ม็อบอาจมีมวลชนเพิ่มถึง 4-5 พันคน ระบุมีแนวโน้มรวมตัวแบบดาวกระจาย สั่งเพิ่มกำลัง ตร.11 กองร้อยเสริมการทำงานในพื้นที่
วันนี้ (3 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงข่าวสรุปภาพรวมการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของมวลชนกลุ่มต่างๆ ว่า เมื่อเวลา 08.00 น.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปสถานการณ์ด้านการข่าว ทั้งนี้ จากการประเมินแล้วในพื้นที่ที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ทั้งเขตดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย และพระนคร ในภาพรวมเหตุการณ์โดยทั่วไปยังปกติ โดยมีกำลังตำรวจนครบาลดูความสงบเรียบร้อย และยังไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาในพื้นที่ที่มีการประกาศพระราชบัญญัติความมั่นคงฯ แต่พบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน ได้จัดตั้งเต็นท์และเวทีปราศัย ที่บริเวณลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี โดยผู้ชุมนุมเริ่มทยอยเข้ามาเรื่อยๆ เบื้องต้นได้ส่งกำลังจาก บก.น.5 ไปดูแลความสงบเรียบร้อย
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า จากข้อมูลด้านการข่าวประเมินว่า ในวันที่ 4-6 ส.ค.นี้กลุ่มผู้ชุมนุมจะเริ่มทยอยเข้ามาในพื้นที่กทม.และคาดว่าในวันที่ 4 ส.ค.นี้ กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการยกระดับการชุมนุมจากหลักร้อยจนถึง 4-5 พันคน ขณะเดียวกันมีแนวโน้มว่าผู้ชุมนุมอาจจะมีการรวมตัวกันในลักษณะดาวกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ ส่วนจำนวนผู้ชุมนุมจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของฝ่ายการเมืองเป็นสำคัญ โดยในวันนี้เวลา 15.00 น. ศอ.รส.ได้สั่งการให้กำลังตำรวจระลอกแรกจำนวน 11 กองร้อย เข้าพื้นที่เสริมการทำงานของตำรวจนครบาล เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อปฏิบัติภาระกิจการตั้งด่านตรวจค้น และเสริมการรักษาความปลอดภัยทางเข้า-ออกสถานที่ราชการสำคัญ สถานที่เชิงสัญลักษณ์ต่างๆ รวมทั้งดูแลความปลอดภัยบุคคลสำคัญ นอกจากนี้ได้สั่งเตรียมกำลังตำรวจระลอกที่ 2 ในที่ตั้ง พร้อมเคลื่อนกำลังสนับสนุนได้ภายใน 3 ชม.หากมีกรณีเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้น ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้กำชับกองกำลังตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกนายให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม อดทนอดกลั้นยึดหลักกฎหมาย และเป็นตามหลักสากล
ด้าน พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รองโฆษก ศอ.รส.กล่าวว่า สำหรับสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ภาคสนาม ก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมผู้สื่อข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เกี่ยวกับการปฏิบัติงานในสถานการณ์การชุมนุม เพื่อสะดวกและความปลอดภัยในการทำงานร่วมกัน จึงได้มีข้อตกลงร่วมกันว่าจะมีการทำสัญลักษณ์บอกฝ่าย โดยทั้ง 2 สมาคมจะการจัดทำปลอกแขนที่มีรูปสัญลักษณ์ และติดบัตรประจำตัวสื่อมวลชนที่ออกโดยต้นสังกัด หรือกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อแสดงสัญลักษณ์เป็นสื่อมวลชนในพื้นที่ปฏิบัติการ ซึ่งตำรวจจะดูแลความปลอดภัยให้กับสื่อมวลชนเป็นกรณีพิเศษด้วย ทั้งนี้ สื่อมวลชนสามารถนำหลักฐานบัตรประจำตัวสื่อมวลชนที่ต้นสังกัดหรือกรมประชาสัมพันธ์ออกให้ติดต่อขอรับปลอกแขนได้ที่ห้องประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 บช.น. ตั้งแต่วันนี้หลังเวลา 17.00 น.และวันที่ 4 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป
ด้าน พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า ศอ.รส.มีความห่วงใยสุขภาพของประชาชนที่มาร่วมชุมนุมรวมถึงสื่อมวลชนที่มาติดตามทำข่าวจึงได้สั่งการให้จัดทีมแพทย์เคลื่อนที่ซึ่งเป็นแพทย์และพยาบาลมืออาชีพจาก รพ.ตำรวจ โดยจะประจำอยู่ 3 จุดได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทำเนียบรัฐบาล และอาคารรัฐสภา สำหรับโรคที่พบบ่อย อาทิ โรคหวัด ลมแดด และอาหารเป็นพิษ จึงฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนหากได้รับความเจ็บป่วยสามารถติดต่อขอรับบริการได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มีหนังสือมายังกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ให้เฝ้าระวังการก่อเหตุของกลุ่มอัลกออิดะฮ์ ช่วงปลายเดือนรอมฏอน ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.-7 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายโจมตีระบบการขนส่ง ทั้งรถไฟและสนามบิน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุม ศอ.รส.ยังไม่มีการหารือถึงเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าตำรวจมีแผนในการเฝ้าระวังสถานที่สำคัญ โดยเฉพาะสถานทูตต่างๆ อยู่แล้ว
ต่อมาที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.30 น. พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก.ป.ตรวจความพร้อมกำลังพล อุปกรณ์ประจำกาย ประจำหน่วย เครื่องมือสื่อสาร ยานพาหนะ พร้อมแถวระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน กองปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จำนวน 2 กองร้อย ไปรายงานตัวยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อรับมอบภารกิจ และร่วมดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มที่คัดค้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่นัดชุมนุมในวัน 4 สิงหาคมนี้
โดย พ.ต.อ.อธิปกล่าวว่า พล.ต.ท.พงศพัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักสากล ยึดตามหลักกฎหมาย อันเป็นเทคนิควิธีการสากล โดยสรุปสถานการณ์ และชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังฉายภาพวีดีโอเหตุการณ์ในอดีตที่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ ให้กับกำลังพลเพื่อนำมาแก้ไข โดยเน้นให้ปฏิบัติตามข้อกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนโดยเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่