xs
xsm
sm
md
lg

ผลาญภาษีสร้างภาพ “ปู” ถลุงงบฯ จัดปาหี่ปฏิรูป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.ประเวศ วะสี
ขบวนการปฏิรูป-ปฏิลวงยังคงรุกคืบแย่งกระแสข่าวแย่ๆ ของรัฐบาลต่อเนื่อง!!

ตามคิวที่คู่หูสองเทพ “พงศ์เทพ เทพกาญจนา” รองนายกรัฐมนตรี และ “วราเทพ รัตนากร” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังคงเดินสายเทียบเชิญผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่ส่วนใหญ่เป็นพวกเดียวกันไม่เว้นแต่ละวัน

ชนิดยิ่งเดินยิ่งเห็นทางตันอยู่มะรอมมะร่อ ซ้ำร้ายยิ่งจะเป็นการตอกลิ่มความขัดแย้งให้กระจายตัว เพราะใครไม่เห็นด้วยก็ยัดเยียดภาพผู้ร้ายให้เป็นพวกชอบสร้างเงื่อนไข กลายเป็นคนที่ไม่อยากให้ประเทศเกิดความปรองดองเสียอย่างงั้น

ตามคิวร้องแรกแหกกระเฌอ กับบทล่าสุดผลาญงบไม่รู้กี่ล้านเทียบเชิญฝรั่งตาน้ำข้าวประเภทชื่อก้องโลกเป็นที่รู้จักมาร่วมสร้างความชอบธรรมให้กับเวทีปฏิรูปหาทางออกประเทศไทย

ไม่ว่าจะเป็น “โทนี แบลร์” อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร “มาร์ตี อาห์ติชารี” อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ และ “พริซิลลา เฮย์เนอร์” ผู้เชี่ยวชาญด้านความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน และที่ปรึกษาอาวุโสขององค์กร Center for Humanitarian DIALOGUE (HDC) หรือ ศูนย์การพูดคุยเพื่อมนุษยธรรม

โดยเฉพาะนายโทนี แบลร์ ที่ข่าวเล็ดรอดออกมาค่าตัวแพงระยับถึงหลัก 20 ล้านบาท ที่รวมทั้งค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบินโดยสาร ตลอดจนค่าบอดี้การ์ด

ชนิดผลาญงบกันสนุกมือ ทั้งๆ ที่ไม่ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดีรายนี้จะปาฐกถาเรื่องอะไรในวันที่ 2 กันยายนนี้ ผลสุดท้ายก็น่าจะออกมาไม่ต่างจากรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) รวมถึงรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ถูกหมางเมินอย่างไม่ไยดี

เพียงเอามาให้โก้ๆ หรูๆ ตามต้นฉบับ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่ชอบโกอินเตอร์ไว้ก่อน!!

มิหนำซ้ำ สิ่งที่นายโทนี แบลร์ นำมาเสิร์ฟให้ในวันดังกล่าวจะเข้าถึงแก่นแท้ของความขัดแย้งในประเทศไทยจริงหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ เพราะเท่าที่มีการไปค้นๆ กันมา อดีตนายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดีคนนี้ เป็นประเภทนักปาฐกถาตัวยง เหลื่อมๆ ไปทางธุรกิจส่วนตัวเสียด้วยซ้ำ

ว่ากันว่า การกล่าวสุนทรพจน์พิเศษจะคิดค่าจ้างครั้งละประมาณ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9 ล้านบาท แล้วแต่สถานที่และความเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า บางครั้งเจ้าตัวยังสามารถทำรายได้ถึง 1 ล้านดอลลาร์ หรือราว 30 ล้านบาท ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง เพียงแค่ไปทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยการเจรจาต่างๆ

ดังนั้น เงินที่เสียไปหากรัฐบาลนำไปปฏิบัติให้เกิดรูปธรรมจริงๆ มันก็คุ้ม เสียแต่การเชิญมาครั้งนี้เป็นเพียงการสร้างภาพ ยกระดับให้ “นารีปู” ก็เท่านั้น

ผลลัพธ์มันก็เลยเป็นแค่การละลายเงินเล่น!!

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมในหมากกระดานนี้ อย่างน้อยๆ “โคฟี อันนัน” อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ก็รู้ทันไม่ตกเป็นเหยื่อ รีบชิ่งอ้างติดภารกิจกันแต่เนิ่นๆ

หลักใหญ่ใจความในการปฏิเสธ ก็ลือกันให้แซ่ดในวงใน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติรายนี้รู้สถานการณ์ในประเทศไทยเป็นอย่างดีว่ามีการแตกแยกและแบ่งขั้ว และยังรู้ว่ารัฐบาลกำลังคิดการอะไรอยู่ จึงโบกมือไม่มา

เพราะเรื่องการเมืองภายใน คนเป็นผู้นำต่างประเทศเขาไม่ยุ่งกัน!!

อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ว่านายโคฟี อันนัน จะไม่เคยมาเหยียบประเทศไทย แต่เคยถูกเชื้อเชิญแล้ว ในนามแขกของ คอป. ขณะเดียวกัน ยังเข้าพบ “ยิ่งลักษณ์” และ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ผู้นำฝ่ายค้านมาแล้ว

แถมทิ้งทุ่นไว้อันเบ้อเร่อ หากรัฐบาลจะแก้ไขต้องยึดหลักตามรายงานของ คอป. นั่นคือ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” จะต้องหยุดทำร้ายประเทศ

เมื่อพูดแล้วจะมาพูดซ้ำอีกเพื่อ???

เอาเป็นว่า ลึกๆ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ก็หน้าชาเหมือนกัน แถมยังมีช็อตชาต่อเนื่องภายในประเทศด้วย เมื่อส่ง “สองเทพ” ไปเคาะประตูบ้าน “หมอประเวศ วะสี" ราษฎรอาวุโส กันถึงมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ซอยพหลโยธิน 22 เพื่อทาบทามให้มาเข้าร่วม

หวังเอาความน่าเชื่อถือพะยี่ห้อ “หมอประเวศ” การันตีเวทีสภาปฏิรูป แต่โทษทีเจอเหลี่ยมคูราษฎรอาวุโสรายนี้เล่นซะหงายเงิบเหมือนกัน

ชนิดแม้จะไม่ใช่นักการเมืองจ๋า แต่ก็เจนจัดกับเขี้ยวเล็บนักการเมืองมาเยอะ!!

โดยเฉพาะบท “ชิ่งเหนือเซียน” รักษามารยาทที่ “หมอประเวศ” ร่ายกระบี่ใส่ “สองเทพ” โดยระบุว่า สนับสนุนเวทีปฏิรูป และเสนอให้นำไปเป็นระเบียบวาระแห่งชาติอีกด้วย

ทว่า มีหมายเหตุคือ ขอสนับสนุนอยู่วงนอก ไม่ขอเข้าร่วมวงใน เพราะอยู่ข้างนอกมีอิสระ พูดอะไรไป เสนออะไรไป อย่างไรก็มีน้ำหนัก ไม่เหมือนอยู่ข้างในจะตัดสินใจอะไรก็ต้องแล้วแต่บรรดาคณะกรรมการ ไม่รู้พวกจะลากไปไหน คอนโทรลไม่ได้

แถมปิดท้ายไว้อย่างเจ็บแสบ อยู่ข้างในพูดแล้วไม่มีน้ำหนัก คนจะบอกว่าก็มึงพวกเดียวกันก็เลยเชียร์!!

ตามคิว “หมอประเวศ” บอกปัดแบบรักษาไมตรี ฉากนี้สะกิดต่อมใต้สำนึกลึกๆ คนฟังได้มากโข เพราะหากรัฐบาลตั้งใจจะทำจริงๆ ไม่ต้องไปควักงบให้เสียเงิน ไม่ต้องไปเชิญคนนู้นคนนี้ให้เสียเวลา

แต่เดินหน้าทำจริงจัง ไม่เอาพี่ชายตัวเองเป็นตัวตั้ง และพร้อมรับฟังความเห็นจากคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงข้าม แค่นั้นประเทศก็รอดจากความฉิบหายแล้ว

เอาเป็นว่า “หมอประเวศ” ไม่ตกเป็นเหยื่อเวทีปฏิลวงง่ายๆ

ว่ากันตามสภาพจับทิศทางลมเรื่องนี้ ใครๆ ก็ดูออกไม่ยากว่า เป็นเกมปาหี่เบี่ยงกระแส ตามยี่ห้อการตลาดที่ทั้ง “นายใหญ่” สมุนลิ่วล้อถนัดทำนัก เวลาตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ หรือต้องการจะกระทำชำเราอะไรสักอย่าง

ยิ่งในช่วงเดือนสิงหาคมต่อเนื่องไปถึงช่วงปลายปี ล้วนเป็นคิวการพิจารณากฎหมายสำคัญๆ ของรัฐบาลล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง พ.ศ.… หรือ พ.ร.บ.โครตกู้ 2 ล้านล้านบาท รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำลังง้างเตรียมพิจารณาต่อจากการอภิปรายงบประมาณเป็นคิวต่อไป

ถ้าได้เรื่องเวทีปฏิลวงมาช่วย ทุ่นแรงได้ไปตั้งเยอะ!!

ตามสภาพการณ์แล้วก็ฟันธงกันไปล่วงหน้าได้เลย เวทีปาหี่ดังกล่าวจะมีจุดจบไม่ต่างจากเวทีก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลเคยฟุ้งๆ เอาไว้สวยหรู ไม่ว่าจะเป็นเวทีสานเสวนา 108 แห่งทั่วประเทศ หรือจะเป็นการมอบหมายให้สถาบันการศึกษาไปศึกษาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สุดท้ายผลจะออกมาอย่างไรก็เข้าอีหรอบ ได้ก็ช่างไม่ได้ก็ช่าง

งานนี้จุดจบก็เหมือนกัน หายวับเข้ากลีบเมฆไปตามสูตร “โรงเรียน นช.แม้ว” เหมือนเดิมคอยดู
กำลังโหลดความคิดเห็น