เกาะกระแส
00 ต้องเรียกว่าร้อนแรงกันแทบไหม้สำหรับความคิด "ขี้เท่อ"ของตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.)ที่นำโดย พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ เข้ามาตรวจสอบ"แอปฯไลน์"ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารยุคใหม่ของชาวบ้านในโลกออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางและเติบโตอย่างรวดเร็ว และเมื่อเป็นแบบนี้จึงช่วยไม่ได้ที่จะตืองถูกรุมด่ากันเละ และฝ่ายที่ต้องโดนหนักกว่าใครก็ต้องเป็นรัฐบาลแน่นอน เพราะยิ่งอ้างว่าตัวเองเป็นนักประชาธิปไตย แต่ภาพที่ปรากฏกลับออกมาตรงข้ามมันก็ยิ่งเสียหาย เพราะเมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาจากสังคม ทั้งในโลกออนไลน์และสังคมทั่วไป จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าทำให้ต้องรีบ"เบรกเกม" อย่างน้อยก็ได้เห็นท่าทีคัดค้านอย่างรวดเร็วจาก "โอ๊ค"พานทองแท้ ชินวัตร ถัดมาก็เป็น รมว.ไอซีที นอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เพราะหากไม่ทำแบบนี้รับรองว่าจะยิ่งเสียหายเข้าเนื้อมากขึ้นเรื่อยๆ
00 สำหรับนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้จะจับใจความไม่ค่อยได้ว่านิยามความมั่นคงมันอยู่ตรงไหน แต่เมื่อถูกกำหนดให้พูดเพื่อแสดงท่าทีก็ต้องเน้นในเรื่องเสรีภาพว่ารัฐบาลไม่ได้จำกัดสิทธิ์ แต่ความหมายก็คือ"ไฟเขียว"ให้ตำรวจทำต่อไป แต่อ้างว่าต้องตรวจสอบเฉพาะ"บางคน บางกลุ่ม"เท่านั้น ที่นี้ปัญหาก็คือแล้วใครละที่จะตีความว่า อย่างไหนทำลายความมั่นคง และมีใครบ้างที่อยู่ในข่าย ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ อย่างไรก็ดีนาทีนี้แม้จะถูกด่ากันเละเทะแค่ไหนก็ตาม จะพยายามพูดจาจากคนในรัฐบาลว่าไม่เห็นด้วยแค่ไหนก็ตาม แต่ในที่สุดแล้วก็ไฟเขียวให้ตำรวจลุยต่อ หน้าฉากบอกว่าติดตามตรวจสอบเน้นไปที่พวกก่ออาชญากรรม ยาเสพติด ค้าอาวุธ ค้ามนุษย์ แต่ในความเป็นจริงมันก็เหมารวมกันไปหมดนั่นแหละ โดยเฉพาะพวกที่ด่ารัฐบาล ด่า ทักษิณ หรือโพสต์ด่า "อีโง่"น่าจะโดนแน่ !!
00 จะเรียกว่า "เข็ด"รู้ทันไปแล้วหรือเปล่าสำหรับ โคฟี อันนัน อดีตเลขาฯยูเอ็น ที่อ้างไม่ว่าง ไม่มาร่วมวง"ปาหี่"ปฏิรูปการเมืองไทยให้กับ ระบอบท้กษิณ เพราะคราวก่อนเคยเสนอความเห็นให้ ทักษิณ ชินวัตร เสียสละ และให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำตามแนวทางของ คอป.ที่นำโดย คณิต ณ นคร มาแล้ว แต่เมื่อผลสรุปออกมาไม่เป็นบวกกับฝ่ายรัฐบาล และทักษิณ ก็ฉีกทิ้งเสียดื้อๆ คราวนี่คิดจะเชิญมาสร้างภาพให้อีกก็ต้อง บ๊าย บาย ทีนี้คงเหลือแต่นักปฏิรูป"ขั้นเทพ"อย่าง ชวลิต ยงใจยุทธ กับ บรรหาร ศิลปอาชา แล้วซิท่า สนุกพิลึก
00 เมื่อร่างพรบ.นิรโทษฯล้างความผิดผ่านฉลุยในวาระแรกไปแบบเรียบร้อย วันนี้พรุ่งนี้(14-15 สค.)ก็มาถึงคิวเรื่องเงินเรื่องทองเข้ากระเป๋ากันบ้างก็ร่างพรบ.งบประมาณปี 57 ไงละ ก็คงไม่มีปัญหาอีกเช่นเคย ต่อให้พลพรรคปชป.ทั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ สุเทพ เทือกสุบรรณ มีเพิ่มอีกสักสิบคนก็ไม่มีความหมาย อภิปรายสักเดือนหรืออภิปรายมีเหตุมีผลดีแค่ไหนพอถึงเวลาลงมติก็เรียบโร้ย เวลานี้อย่าว่าแต่สภาผู้แทนฯจะเข้าข่าย"สภาทาส"ของครอบครัวทักษิณเลย แม้แต่วุฒิสภา ก็มีสภาพไม่ต่างกัน สรุปก็คือ"ระบบรัฐสภา"ไม่ใช่เป็นหนึ่งในสามอำนาจแล้ว แต่เป็น"ลูกน้องรัฐบาล"มาตั้งนานแล้ว ทุด !!
00 แม้จะไม่มีความหมายจนทำให้มีการเปลี่ยนแปลงคดีฆ่า เอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ที่ล่าสุดมีผลสรุปออกมาจากคณะอนุกรรมการด้านสิทธิการเมืองและสิทธิพลเมืองของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติออกมาแล้วว่า "ถูกฆ่าโดยนักฆ่ามืออาชีพ" ขัดแย้งกับสำนวนการสอบสวนของตำรวจนครบาลอย่างสิ้นเชิง และตำรวจก็ไม่ให้ความร่วมมือหรือ"ปิดบัง"ข้อมูลหลักฐานบางอย่างด้วย แม้ว่า"ผลสรุป"ดังกล่าวไม่ได้ผิดไปจากคาดหมายตั้งแต่ต้น นาทีนี้คงทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็น "รัฐตำรวจ" แต่ความหมายที่ต้องบันทึกไว้ก็คือ "ตำรวจเป็นผู้ต้องสงสัย" และหนึ่งในนั้นก็คือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบ.ชน. นั่นแหละ แต่ถ้าใครเชื่อในเรื่อง"เวรกรรมมีจริง"ก็คงสนอง "บางคน"เข้าสักวัน สาธุ !!
