ผ่าประเด็นร้อน
ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่น่าจับตาสำหรับคำเตือนหรือคำขู่ที่ออกมาจากปากของผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (ปอท.) พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ระบุว่าเตรียมตรวจสอบข้อความที่ส่งผ่านโปรแกรมไลน์ โดยระบุว่าหากเห็นว่าข้อความใดมีผลกระทบต่อ "ความมั่นคง"ก็จะมีความผิดและจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
อย่างไรก็ดีเขาอ้างว่าเป็นเพียงการตรวจสอบบุคคลที่กระทำผิดกฎหมาย เช่น การค้าขายสิ่งของผิดกฎหมาย รวมไปถึงกลุ่มการเมืองบางกลุ่มเท่านั้น ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปที่ประชาชนทั่วไป
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างเดือดดาลตามมาอย่างทันควันทั้งในและนอกไซเบอร์ เพราะถือว่านี่คือเจตนาในการคุกคามสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลเกินขอบเขต และเป็นคำสังที่ฝืนธรรมชาติในโลกยุคปัจจุบันอย่างรุนแรง และที่สำคัญเป็นการสวนทางกับคำพูดของรัฐบาลที่มักอ้า
ในเรื่องสิทธิส่วนบุคคล และรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยแบบสากล เพราะคำสั่งห้ามดังกล่าวไม่ต่างจากรัฐบาลเผด็จการคอมมิวนิสต์ ที่เข้มงวดในเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะการห้ามวิจารณ์รัฐบาล รวมไปถึง "คนในครอบครัวของท่านผู้นำ"
เป็นการเบี่ยงเบนให้จำกัดวงให้ประชาชนในประเทศสนใจและวิจารณ์ได้แต่เรื่อง"ไร้สาระ"ไม่ว่าจะเป็นละครน้ำเน่า ดาราตบตีกันแย่งผัวชาวบ้าน ส่วนการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะการวิจารณ์รัฐบาลและผู้นำ รวมไปถึงวิจารณ์การทำหน้าที่ของตำรวจก็จะถูกเล่นงาน หรือคุกคาม ให้เกิดความหวาดกลัว เช่น การเรียกไปสอบปากคำ ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นการคุกคามประชาชนในอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ต่างจากเจตนาต้องการปิดปากมัดมือประชาชนไม่ให้แสดงความเห็นหรือวิจารณ์รัฐบาลในทางตรงกันข้ามนั่นเอง
กรณีของการล้วงข้อมูลส่วนบุคคลใน"ไลน์"ดังกล่าวถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่เพิ่งเกิดขึ้นแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านั้นไม่นานก็ได้มีการควบคุมการโพสต์ข้อความขึ้นเฟสบุ๊กส์ที่ตำรวจจากกองบังคับการ ปอท.นี่แหละอ้างว่ามีเจตนาปล่อย "ข่าวลือ"ทำลายความมั่นคง จนนำไปสู่การออกหมายเรียกคนที่โพสต์ข้อความในทำนองดังกล่าว ที่ระบุว่ามีเจตนาปล่อยข่าวลือเรื่อง "ปฏิวัติ"ไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 ราย และหนึ่งในนั้นเป็นสื่อมวลชน
แน่นอนว่ากรณีที่เกิดขึ้นย่อมเกิดเสียงวิจารณ์ตามมาอย่างรุนแรงและกว้างขวาง เพราะเห็นว่า เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพไม่ต่างจากอยู่ภายใต้รัฐบาล"เผด็จการคอมมิวนิสต์"ดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะเกิดขึ้นในยุครัฐบาลที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่กลับกระทำต่อประชาชนที่เห็นต่างในแบบสวนทาง
อย่างไรก็ดีปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมเข้าใจได้ว่า รัฐบาลพยายามกำลังอยู่ในช่วงขาลง มีความล้มเหลวในทุกเรื่อง ก็ย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อปิดกั้น ปิดหูปิดตา ไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับรู้ความจริง ซึ่งที่ผ่านมาสามารถซื้อสื่อมวลชนทั้งสื่อสิ่งพิมพ์สื่อโทรทัศน์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่ที่ยังควบคุมไม่ได้และไม่ทั่วถึงก็คือ "สื่ออนไลน์"นี่แหละที่เป็นสื่อยุคใหม่ที่ชาวบ้านสามารถสื่อสารและเข้าถึงกันได้โดยตรง มีทั้งการเปิดโปงความชั่ว พร้อมแสดงหลักฐานทั้งคำพูด และภาพถ่ายชนิดที่หลายครั้งดิ้นไม่หลุด สร้างผลกระทบในวงกว้าง จนนำมาซึ่งการควบคุม จำกัดการเคลื่อนไหวรวมไปถึงการข่มขู่คุกคามทั้งทางตรงและทางอ้อมนั่นแหละ
หากจะว่าไปแล้วการวิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดียนี่แหละที่ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หุ่นเชิดของ ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงระบอบทักษิณ เกิดความสั่นสะเทือนมากที่สุดในขณะนี้ จนทำให้เกิดความหวั่นไหวและตองหาทางปิดกั้นให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ดีท่าทีและการกระทำของรัฐบาลผ่านทางตำรวจ ปอท.ย่อมต้องเกิดปฏิริยาต่อต้านกลับมาอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน หากสังเกตจาก"คอมเมนท์"ในโลกออนไลน์ หรือหากพิจารณาจาก"เว็บผู้จัดการ"ที่กลายเป็นข่าวยอดนิยมมีคนเข้าไปเปิดอ่านกันมากมายยอดกระฉูดพร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นตำหนิด่าทอรัฐบาลอย่างรุนแรง และจะด้วยปฏิกิริยากลับมาในแง่ลบไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลเกินคาดอย่างที่เห็นหรือเปล่า ทำให้ต้อง "หักมุม"กระทันหัน
เพราะล่าสุด "โอ๊ค"พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย ทักษิณ รีบโพสต์ข้อความขึ้นเฟสบุ๊กส์ของตัวเองแสดงความไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าวของตำรวจ ปอท.ระบุว่ากระทบต่อการติดต่อสื่อสารกับทั้งพ่อ และ "อาปู"คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเวลาไล่เลี่ยกัน นายกฯยิ่งลักษณ์ ก็ชี้แจงว่าเป็นเพียงการตรวจสอบเฉพาะบางคนบางกลุมเท่านัั้น มุ่งไปที่พวกก่ออาชญากรรมเท่านั้น เป็นการอธิบายเพื่อหวังลดอารมณ์เดือดดาลจากสังคม
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นมองอีกมุมหนึ่งถือว่ารัฐบาลกำลังหวั่นไหวอย่างหนักกับความล้มเหลวของตัวเอง จนต้องหาทางบิดเบือน เบี่ยงเบน รวมทั้งปิดปากตัดตอนไม่ให้เกิดการวิจารณ์ในวงกว้างออกไป โดยเฉพาะในโลกอินเตอร์เนตที่ยังควบคุมไม่ได้ แต่จากท่าทีของ ปอท.ที่เข้ามาตรวจสอบอย่างเข้มข้น อีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นถึง"ความไม่มั่นคง"ให้เห็น จนเกิดความกลัว เพราะยิ่งเข้มเท่าไรก็ยิ่งอาการหนัก !!