xs
xsm
sm
md
lg

นักกฎหมายชี้กด “Like” ข้อความการเมืองไม่ผิด-โพสต์วิจารณ์ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษากฎหมาย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
ที่ปรึกษากฎหมาย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ชี้ปล่อยข่าวลือผิดแน่ แต่เขียนวิจารณ์บนพื้นฐานความจริงไม่ผิด ส่วนคนกดไลก์ถ้าไม่ใช่ข้อความหมิ่นสถาบัน-ความมั่นคง ทำได้ ยัน พ.ร.บ.คอมพ์ ไม่มีจุดประสงค์ลิดรอนเสรีภาพ

วันนี้ (5 ส.ค.) นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษากฎหมาย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ให้สัมภาษณ์กับ ASTVผู้จัดการออนไลน์ กล่าวถึงกรณีกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แจ้งข้อกล่าวหาผู้โพสต์ข้อความในลักษณะข่าวลือว่าจะมีการปฏิวัติ เพื่อชี้นำให้ประชาชนตื่นตระหนกโดยการกักตุนอาหารและน้ำ อีกทั้งยังโพสต์ข้อความที่อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายของบ้านเมือง ระบุว่า การโพสต์ข้อความ ถ้าเป็นข้อความที่คล้ายกับการปล่อยข่าวที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น จะปฏิวัติรัฐประหารแล้ว หรือว่าก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน หรือปล่อยข่าวที่มีผลเสียต่อความมั่นคง ก็คงต้องใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) (2) และ (3) เอาเข้ามาเพื่อที่จะดำเนินคดี

เมื่อถามว่า โดยประชาชนทั่วไปถ้าการโพสต์ข้อความเป็นไปในลักษณะของการวิพากษ์วิจารณ์ข่าวลือที่ออกมา มีความผิดครอบคลุมหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดของการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเราเขียนแบบไหน ถ้าการเขียนวิพากษ์วิจารณ์อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และไม่ได้มีการไปแต่งเติม เสริมข้อเท็จจริงให้มันเสียหาย ถ้าไม่เข้าองค์ประกอบความผิดก็ถือว่าทำได้ ถ้าจะผิดตาม (1) หมายความว่า เราแสดงความคิดเห็น แล้วเราไปตัดต่อภาพหรือข้อความบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ส่วน (2) คือการใช้ข้อความปลอม ข้อมูลปลอมที่เราได้มา แล้วบอกให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ ส่วน (3) คือเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ซึ่งระบุไว้ในกฎหมายอาญา ถ้าเราเองไม่ได้เข้าองค์ประกอบพวกนี้ก็เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ทำได้อยู่แล้วในการวิจารณ์ เพียงแต่ต้องระมัดระวังอย่าให้ไปผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

เมื่อถามว่า เมื่อมีผู้ได้รับข่าวลือแล้วมีการส่งต่อโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจเข้าข่ายมีความผิดเหมือนกัน นายไพบูลย์ กล่าวว่า อาจจะมีปัญหาเรื่องความผิด คนที่รับข้อความต้องระมัดระวังในเรื่องการแชร์หรือส่งต่อ ซึ่งผิดกฎหมาย (4) หรือ (5) ซึ่งเป็นการเผยแพร่ ส่งต่อ ซึ่งรู้อยู่แล้วว่ามันผิด มันปลอม แต่ก็ต้องดูเจตนาว่าเรารู้หรือเปล่าว่ามันปลอม มันเท็จ ถ้ารู้แล้วยังแชร์ต่อมันก็ผิด แต่ถ้าเราไม่รู้ก็อาจเป็นข้ออ้างได้ ในกรณีที่เกิดความตื่นตระหนกตกใจโดยที่เราไม่รู้ ก็ต้องพิสูจน์เรื่องเจตนาว่าเราดูข้อความแล้วคิดว่ายังไง เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์เจตนาเป็นหลัก

เมื่อถามว่า ในช่วงที่สถานการณ์การเมืองเป็นเช่นนี้ มีคำแนะนำในการแชร์หรือส่งต่อข่าวอย่างไร นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในเรื่องการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่เราทำได้ แต่อยู่บนเงื่อนไขที่ว่าการแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวจะต้องไม่เป็นการตัดต่อข้อความคนอื่น หรือเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลที่เรารู้อยู่แล้วว่าไม่จริง หรืออาจเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ซึ่งต้องระมัดระวังในเรื่องของการแชร์หรือส่งต่อ เพราะอาจจะผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้ แต่ถ้าวิจารณ์บนพื้นฐานความเป็นจริง อันนั้นก็เป็นสิ่งที่เราทำได้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า การส่งต่อข้อความในแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งไม่มีใครเห็นนอกจากตัวเรากับเพื่อน มีความผิดหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่งผ่านสื่ออะไรก็ผิดหมด เพียงแต่ว่าเขาจะได้ข้อมูลหลักฐานหรือเปล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามว่า ทางตำรวจจะมีการดำเนินคดี เข้าข่ายไปถึงผู้ที่กด “ถูกใจ” หรือกด “Like” (ไลค์) ข้อความที่ผิดกฎหมายในเฟซบุ๊กหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า โดยหลักการกดไลค์เป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย ที่เขาจะแสดงว่าชอบหรือไม่ชอบ สามารถทำได้ แต่ในกรณีที่ข้อความนั้นเป็นเรื่องหมิ่นสถาบัน หรือว่าเกี่ยวกับความมั่นคงโดยตรง การกดไลค์ก็อาจจะมีปัญหาถูกดำเนินคดีได้ ซึ่งอาจเป็นได้ในฐานะผู้สนับสนุน หากเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงหรือการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปก็เป็นสิทธิในการกดไลค์ได้อยู่แล้ว

เมื่อมองว่า ถ้าเป็นเรื่องความมั่นคง ก็มีช่องที่เจ้าหน้าที่สามารถเป็นข้ออ้างในการเอาผิดได้ นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นช่องที่สามารถทำได้ แต่เราสามารถต่อสู้ในเรื่องสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งโดยปกติถ้าเป็นตัว พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในฐานะคนที่ร่างกฎหมายเก่า โดยหลักการ พ.ร.บ.ฉบับนี้จะไม่ใช้ในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับสถาบัน หรือความมั่นคงของชาติโดยตรง การไปกดไลค์ก็อาจจะเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนและอาจถูกดำเนินคดีได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับศาลจะตีความเหมือนกับตำรวจว่าจะดูตามเจตนารมณ์ของกฎหมายเดิมหรือไม่ ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไป

นอกจากนี้ นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ไม่ได้ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอยู่แล้ว แต่ในการแสดงความคิดเห็นต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะคอมเมนต์ที่เราเขียนไปต้องดู และถ้าเซฟตัวเองก่อนก็น่าจะมีข้อความว่าเป็นเรื่องที่เป็นความจริงหรือไม่ ซึ่งต่างกันตรงที่เจตนาซึ่งพิสูจน์กันลำบาก ถ้าโดยทฤษฎีเวลาเราส่งข้อมูลผิดๆ เขาก็ดำเนินคดีเราได้อยู่แล้ว แต่จะผิดกฎหมายหรือเปล่าก็พิสูจน์เจตนากัน


กำลังโหลดความคิดเห็น