นายกฯ และ รมว.กห.ถึงไทย เล่าเยือน 3 ชาติแอฟริกา ชูตลาดใหม่ พร้อมเชิญผู้นำร่วมประชุมที่บ้านเรา โอดห่วงม็อบวันดันนิรโทษ อ้างใช้ พ.ร.บ.มั่นคงหวังป้องกัน ก่อนโบ้ยวิปถอนหรือไม่ บอกกังวลอะไรก็มาคุยกันในสภา ก่อนรีบชิ่งซักข่าวตั้งสภาปฏิรูปการเมือง
วันนี้ (2 ส.ค.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 12.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการเดินทางเยือนสาธาณรัฐโมซัมบิก สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐยูกันดา อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม ว่าโดยภาพรวมในการเดินทางครั้งนี้ ประเทศไทยได้เปิดความสัมพันธ์ในทวีปแอฟริกาซึ่งถือว่ามีศักยภาพเป็นตลาดใหม่ และได้รับการตอบรับและความร่วมมือจากผู้นำทั้ง 3 ประเทศเป็นอย่างดี ทั้งนี้เรายังได้เชิญผู้นำทั้ง 3 ประเทศเข้าร่วมการประชุมผู้นำระหว่างทวีปแอฟริกากับไทย ซึ่งไทยจะจัดขึ้นในต้นปีหน้าด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า ส่วนภาคเอกชนก็ต่างตอบรับเป็นอย่างดี ถือเป็นประโยชน์ต่อไทยในการหาตลาดใหม่ๆ เช่น ด้านการเกษตรแปรรูป ที่เรามีความเชี่ยวชาญ และทั้ง 3 ประเทศก็มีความต้องการ สำหรับด้านพลังงานเรามีความต้องการความมั่นคงและพลังงานทดแทน ขณะที่โมซัมบิก และแทนซาเนียมีทรัพยากรแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจอัญมณี ประเทศไทยจึงต้องการเปิดตลาดเพิ่มขึ้น ประกอบกับโมซัมบิกและแทนซาเนียมีความพอใจเรื่องรูปแบบการทำอัญมณีของไทยเป็นอย่างมากด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า สำหรับความร่วมมือทางวิชาการนั้นไทยจะให้ความช่วยเหลือโดยนำอาสาสมัครเข้าไปในแต่ละประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยจะเริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการให้ทุน หรือการช่วยเหลือทางด้านสาธารณสุข ซึ่งจะทำให้ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ เพื่อนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งนี้ แอฟริกามีความสมบูรณ์ในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านพลังงานและแร่ธาตุ หากไทยมีความชำนาญและได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ ก็จะเป็นโอกาสใหม่ของไทยด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับโครงการลดภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศด้อยพัฒนา หรือบิวตี้ฟรี ซึ่งจะประกาศใช้ในช่วงเดือนธันวาคมนี้ เป็นไปเพื่อช่วยเหลือกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาอย่างแท้จริง ส่วนการติดตามปัญหาและอุปสรรคของนักธุรกิจไทยนั้น ทางโมซัมบิกได้มีการตั้งคณะทำงานรวมโดยรวมทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันเพื่อให้งานต่างๆ มีความคืบหน้า
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงข้อตกลงความร่วมมือในการจัดการอุทยานและสัตว์ป่าระหว่างไทยและแทนซาเนียด้วยว่า หากมีการรักษาสัตว์ป่าให้อยู่กับธรรมชาติก็ถือเป็นเสน่ห์ เพราะประเทศไทยมีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งที่ควรร่วมมือกันอนุรักษ์ เพราะถือเป็นทรัพยากรของโลก ซึ่งรัฐบาลต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ นอกจากนี้ จากการประชุมไซเตสที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราก็ได้เร่งรัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการว่าเรื่องใดที่ผิดกฎหมายก็ให้ทำความเข้าใจกับประชาชน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ว่า ขอเรียนว่าเป็นห่วง เราเองได้ย้ำทางเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนทั้งผู้ที่สัญจรไปมาและผู้ที่มาชุมนุมด้วย เราขอความกรุณาแม้เราจะมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงไปแล้วก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกัน แต่จริงๆ แล้วเราอยากเห็นการชุมนุมโดยสงบ เพราะเราไม่อยากเห็นการที่นำไปสู่ความรุนแรงหรือการดำเนินการนอกกรอบของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาฯ มายื่นหนังสือต่อประธานสภาฯเสนอให้ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทุกฉบับออกจากพิจารณาของสภา และเสนอให้ใช้หลักการประกันตัว สู้คดีแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องเรียนว่าในขั้นตอนการถอนร่างนั้นเป็นเรื่องของวิป และเรื่องของส่วนสภาที่จะพิจารณาในรายละเอียดว่าจะนำร่างไหนขึ้นก่อนหรือหลังหรือถอนอย่างไร ในรายละเอียดทางสภาฯคงจะใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวนายกฯ เห็นอย่างไรจึงจะเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จริงๆต้องเรียนถามว่าสิ่งที่กังวลสำหรับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคืออะไร คงต้องพูดคุยกันในความกังวลมากกว่า ไม่อยากเห็นการพูดในภาพรวมไปหมด เพราะจริงๆ เนื้อหารายละเอียดแต่ละเรื่องมีความต่างกัน ถ้าเราได้นำเนื้อหาที่กังวลมาคุยกันและช่วยกันแก้เราจะได้มีทางออก ถ้าสมมุติเรามีแต่ทางที่ว่าไม่ให้เดินไปทางไหนเลย ต้องเรียนว่าประเทศก็ไม่รู้จะเดินไปทางไหนจริงๆ
“วันนี้เราพูดปัญหานี้มา 2 ปีแล้ว ดิฉันอยากสนับสนุนขอให้สภาฯ เป็นเวทีในการเป็นตัวแทนจากทุกภาคส่วนหรือจากภาคประชาชนได้มาคุยกันเถอะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
เมื่อถามว่า แนวคิดการตั้งสภาปฏิรูปการเมืองที่จะเปิดกว้างให้ทุกพรรคการเมือง ทุกกลุ่มทุกสี เข้ามามีส่วนร่วมแสดงความเห็นหาทางออกให้กับความขัดแย้งในประเทศ ที่มีข่าวนายกฯ จะพูดในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ในวันเสาร์ที่ 3 ส.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รีบเดินออกจากโพเดียม เพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ใกล้ๆ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า พอแล้ว ซึ่งก่อนการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวได้พยายามถามประเด็นดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ปฏิเสธ โดยบอกว่าเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ขอให้ถามเรื่องอื่น