กกต.หวั่นการเมืองวุ่น ทั้งคดีแก้ รธน.และทุจริตจำนำข้าว ส่อสุญญากาศทางการเมือง นายกฯ-ครม.หยุดปฏิบัติหน้าที่หากเรื่องถึงศาลฎีกาฯ ม็อบเคลื่อนไหวรุนแรงกว่าปี 53 จับผิด “วสันต์” ลาออกส่อมีสัญญาณเชือดคดีสำคัญ
วันนี้ (31 ก.ค.) ที่อาคารศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองหลังจากนี้ ว่า ส่วนตัวเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญ กำลังพิจารณาคำร้องเกี่ยวกับกรณีสมาชิกรัฐสภา 312 คน ร่วมกันลงชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และเรื่องที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.กำลังพิจารณาการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ว่า หากมีคำวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และอาจทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง
เช่น หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในโครงการรับจำนำข้าว แล้วส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่สามารถยุบสภาเพื่อให้จัดการเลือกตั้งใหม่ได้ จนกว่าศาลฎีกาฯจะมีคำวินิจฉัย กระบวนการของฝ่ายบริหารต่างๆ ต้องหยุดชะงัก ซึ่งเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์นี้เกิดขึ้น อาจจะทำให้ฝ่ายการเมือง และกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ออกมาชุมนุม จนนำไปสู่ความรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อปี 2553
นอกจากนี้ นางสดศรี ยังตั้งข้อสังเกตกรณีการลาออกจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ของนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ทั้งที่ยังเหลือวาระดำรงตำแหน่งอีก 4 ปี ว่า อาจมีนัยยะสำคัญหรือมีความเป็นไปได้ที่ศาลรัฐธรมนูญอาจจะมีการตัดสินคดีสำคัญ ที่จะกระทบต่อสถาบัน หรือรัฐบาล