"จำลอง" ย้ำ พธม.ตัดสินตามสถานการณ์ รอบคอบ รับเคลื่อนไหวช่วงนี้ไม่เหมาะ ชี้ 2 พรรคชิงอำนาจ ไม่ห้าม คนพธม.เข้าร่วม แนะ ถอนทุกร่างคือทางออก "สนธิ" รับ อพส.เคยชวนแต่ไม่ไป เชื่อ สังคมต้องได้บทเรียนจากบรรดานักการเมือง ซัด "ทักษิณ" ต้นตอปัญหา แต่ฝากคำถามโค่นได้แล้วไง เมื่อการเมืองยังเป็นแบบเดิม ซัดปชป. ยัดข้อหาเหตุหลงแก่อำนาจ ตามใจหากสังคมต้องการเสียงข้างมากล้างผิดคำสั่งศาล
วันนี้ ( 31 ก.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2556 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง จุดยืนต่อกฎหมายนิรโทษกรรมล้างความผิด โดยผู้สื่อข่าวได้ถามแกนนำพันธมิตรฯ ว่ามองยังไงหากรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯในการชุมนุมที่จะเกิดขึ้น พล.ต.จำลอง ระบุว่า ทั้งหมดนี้เราเห็นชัดแล้วว่าต้นตอมาจากการกระทำของรัฐบาล ที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายในขณะนี้ จนหลายต่อหลายคน หลายต่อหลายกลุ่มนั้นทนไม่ได้ ส่วนจะออกกฏหมายความมั่นคง ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล เราคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะมีเหตุรุนแรงหรือไม่ ส่วนกรณีที่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันจะเดินหน้าพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยไม่สนว่าอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯมีจุดยืนคัดค้านเรื่องนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า รอให้เรื่องถึงตอนนั้นก่อน พันธมิตรฯได้ยืนยันตลอดเวลาว่า ตัดสินใจตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเหตุการณ์ยังไม่มาถึงเราคงพูดก่อนล่วงหน้าไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ารูปแบบการคัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ถ้าไม่ออกมาเคลื่อนไหวแล้วจะเป็นในรูปแบบใด พล.ต.จำลอง กล่าวว่า วิธีคัดค้านทำให้เกิดผลดีที่สุดคือ ต้องให้ถอนหมดทุกร่าง เพราะการอ้างว่าไม่เป็นยังงั้นไม่เป็นยังงี้ แต่เมื่อเข้าสู่สภาฯแล้วก็เมื่อการเปลี่ยนแปลงโดยการแปรญัตติ ออกมาในรูปแบบใดก็ได้ ฝ่ายที่จะคัดค้านก็ไม่สามารถค้านทัน เพราะฉะนั้นการที่ดีที่สุดคือต้องขอให้ถอนร่างกฏหมายนิรโทษกรรม ทุกฉบับออกจากสภาฯ ถ้าหากไม่ถอนก็เป็นเรื่องของรัฐบาล พร้อมย้ำตามแถลงการณ์ว่า พันธมิตรฯพิจารณาหลายเรื่องรวมกัน ก่อนมีมติเป็นเอกฉันท์ในช่วงนี้ ยังไม่ดำเนินการในการนำมวลชนออกมาชุมนุม
ส่วนถ้าหากวันที่ 7 สิงหาคม มีการนำร่างนิรโทษฯเข้าสภาฯ กลุ่มพันธมิตรฯจะมีการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จะไปคิดอย่างงั้นไม่ได้ จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันพันธมิตรฯจะยังไม่เคลื่อนไหว ขณะที่ปัจจัยที่จะทำให้มีการเคลื่อนไหวมีอะไรบ้าง พล.ต.จำลอง ระบุว่า มีอยู่หลายปัจจัย พูดก่อนล่วงหน้าไม่ได้ และขอยืนยันว่าการตัดสินใจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกครั้งเต็มไปด้วยความรอบคอบ ทำให้สามารถที่จะชุมนุมปักหลักรวม 3 ช่วงเวลาได้ถึง 384 วัน และมีการชุมนุมแบบไปกลับอีกหลายครั้งทุกครั้งประสบความสำเร็จตามประสงค์ของการชุมนุม เพราะการพิจารณาอย่างรอบคอบ และเป็นการพิจารณาแบบหลายเรื่องรวมกัน รวมไปถึงเรื่องคำสั่งศาลในการที่ให้ประกันตัวรวมอยู่ด้วย
พล.ต.จำลอง ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ให้ขยายความตามแถลงการณ์ที่ระบุถึง การชุมนุมที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่คุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ได้ ว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทางกลุ่มพันธมิตรฯพิจารณารวมกัน โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ยังไม่ควรเคลื่อนไหวมวลชนในตอนนี้ เรื่องหนึ่งก็คือคำสั่งศาลที่ให้ประกันตัวออกมา โดยย้ำที่แถลงการณ์ว่า ศาลสั่งว่าห้ามกระทำการใดๆ อันส่อไปในลักษณะที่ปลุกระดม ยั่วยุ ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งครอบคลุมหมด และยังมีอีกข้อคือห้ามทำให้ประชาชนละเมิดกฏหมาย และยังมีอีกหลายเรื่อง โดยการที่นักการเมืองทั้ง 2 พรรคทะเลาะกันขณะนี้ เพื่อแย่งชิงขั้วอำนาจ และไม่เห็นมีพรรคไหนเลยที่หากเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว จะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ นี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง และอีกเรื่องก็คือ แต่ก่อนมีเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกมาต่อสู้ช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่ในขณะนี้ก็มีอีกหลายกลุ่ม ทั้งนี้เมื่อนำหลายเรื่องมารวมกันแล้ว จึงยังไม่ควรเคลื่อนไหวมวลชนในช่วงนี้ ครอบคลุมถึงวาระแรก ส่วนวาระที่ 2 และ 3 ค่อยว่ากันอีกที
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ามีการประเมินเบื้องต้นหรือไม่ว่า หากร่างนิรโทษฯ ผ่านสภาฯโดยที่รัฐบาลไม่ถอนออก พล.ต.จำลอง ยืนยันว่าแกนนำพันธมิตรฯ มรการพบปะปรึกษาหารือโดยตลอด ติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างกระชั้นชิด เมื่อถึงเวลาสามารถประชุมแล้วตัดสินใจทันทีอย่างที่แล้วมา จะเห็นได้ว่าแกนนำเดินสายไปขึ้นศาลในหลายจังหวัด จึงได้พบปะปรึกษาหารือ และมีการโทรศัพท์พูดคุยกันตลอด ขอยืนยัน ใช้เวลาไม่นานเมื่อเกิดปัญหาที่ต้องตัดสินใจ ทั้งนี้หากมีปัจจัยสถานการณ์ที่ออกมาชุมนุม ก็สามารถชุมนุมได้ทันที พร้อมพิจารณาตามสถานการณ์ ไม่ได้วางกรอบเวลาให้รัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากแกนนำออกมาเคลื่อนไหวจริง จะเป็นการผิดเงื่อนไขของศาลที่ให้ประกันตัวหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ต้องพิจารณารวมกันในหลายอย่าง ส่วนการชุมนุมของกองทัพประชาชนจะสามารถล้มรัฐบาลได้ไหม พล.ต.จำลอง กล่าวว่า คาดการณ์ไม่ได้ เป็นการพยายามของคนที่รักบ้านเมือง ที่อยากเห็นการแก้ไขปัญหาที่มีความเสียหายในขณะนี้ พันธมิตรฯที่รวมตัวอยู่ในขณะนี้ด้วยแรงศรัทธามีความเห็นตรงกัน การที่ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มต่างๆ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละบุคคล แต่ขอให้ใช้ความระมัดระวังบ้าง อย่าดื่มของมึนเมา อย่าใช้คำหยาบคาย และอย่าชุมนุมโดยอาศัยความรุนแรง เพราะเป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น ส่วนคำถามว่าห่วงการชุมนุมในวันที่ 4 สิงหาคม จะมีความรุนแรงหรือไม่ หากรัฐบาลจะออกมาตราการควบคุม พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ห่วงถึงห่วงก็ไปทำอะไรไม่ได้ พูดไปทำไรไม่เคยเชื่อ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองคงไม่เสียหายขนาดนี้
ด้านนายสนธิ ตอบคำถามว่าผู้สื่อข่าว กรณีระยะห่างของกลุ่มพันธมิตรฯ กับองค์การพิทักษ์สยาม เป็นยังไงได้มีการให้กำลังใจกันหรือไม่ ว่า คำว่าระยะห่าง เหมือนกับที่พล.ต.จำลอง พูด กลุ่มพันธมิตรฯเป็นนามธรรม ไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจน แกนนำก็คือที่ชุมนุมตั้งขึ้นมาเองมันเป็นหัวโขนที่สวมเอาไว้ แต่เผอิญการชุมนุมมาตลอดตั้งแต่ 193 วัน ถึง 158 วัน ครั้งหลังสุด ต้องถือว่าครั้งหลังสุดเป็นแกนแท้ของพันธมิตรฯ เพราะเป็นกลุ่มคนที่ไม่เอาพรรคการเมืองทั้ง เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ เพราะเห็นว่าระบบพรรคการเมืองปัจจุบันนี้เป็นระบบอิ่มตัว วันนี้ก็เป็นจุดพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า เราจะทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างเดียวโดยเอาชาติเป็นตัวตั้ง คำว่าชาติเป็นตัวตั้งคือเราไม่มีพรรคการเมือง ส่วนองค์กรพิทักษ์สยามที่เกิดขึ้นมาแต่ต้น เพราะมีความหงุดหงิดไม่พอใจ เคยว่ามาชักชวนตั้งแต่ต้นในการชุมนุมครั้งแรก แต่เราไม่เห็นด้วย ว่าการชุมนุมนั้นไม่ได้อะไรเลย เพราะว่ายังมีหลายคนเชื่อว่า ถ้ามรประชาชนออกมาแยะๆ ทหารจะออกมาช่วย ซึ่งทางพันธมิตรฯ โดยเฉพาะแกนนำไม่เคยเชื่อเรื่องนี้ เราเชื่ออยู่เรื่องเดียวว่า สังคมต้องได้รับบทเรียน จากการล้มสลายของชาติบ้านเมือง เพราะบรรดานักการเมืองทุกฝ่าย
นายสนธิ กล่าวต่อว่า วันนี้บทเรียนที่มีให้เห็นยังไม่พออีกหรือ ตั้งแต่สมัยโบราณน้ำมันปาล์มขาด โครงการไทยเข้มแข็งลามไปจนถึงข้าวที่พังทลายลงในประเทศไทย ไปจนถึงการวิสามัญนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ที่ทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐฯ และล่าสุดที่เห็นได้ชัดคือน้ำมันที่ทะลักออกมาจากแท่นผ่านน้ำมัน ที่มีการปกปิดข้อมูลโดยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) และรัฐบาล โดยที่รัฐบาลก็พยายามช่วยปตท. สังคมไทยเป็นสังคมเฉย พันธมิตรฯนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนนำและพวกที่โดนคดีนั้น ได้ทำหน้าที่ในฐานะประชาชนคนไทยเกินกว่าที่ควรจะทำไปแล้ว เราไม่ได้อยู่เฉย มุ่งให้ปัญญาคนอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันที่กลุ่มใดก็ตามคิดที่จะโคนล้มพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน เราไม่ขัดข้อง เห็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทักษิณ เป็นตัวปัญหาคนเดียว ชักใยอยู่เบื้องหลังทุกเรื่อง ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี ที่บินไปเที่ยวประเทศแทนซาเนีย โดยอ้างมีการเซ็นข้อตกลง 60 ข้อ เพียงเพราะนายกฯต้องการหนีปัญหา ทำตามคำสั่งพี่ชาย เรามีส.ส. พรรคการเมือง ที่ไม่ฟังใคร นอกจาก ทักษิณ ชินวัตร เรามีตำรวจ ข้าราชการ บินไปพบ ทักษิณ ถึงได้ตำแหน่ง นี้คือประชาธิปไตยหลวงโลก นี้คือประชาธิปไตยที่ส.ส.ฝั่งรัฐบาลบอกว่าได้เสียงประชาชนมา เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อมีคนเกลียด ทักษิณแล้ว เป็นเรื่องธรรมดา
นายสนธิ กล่าวอีกว่า คำถามที่แกนนำพันธมิตรฯถามกันเอง คือเกลียด ทักษิณ แล้วถ้า ทักษิณ ไปแล้วจะยังไง มันก็กลับเข้าสู่ระบบเดิม คือระบบวันแมนวันโหวตใครได้เสียงข้างมาก ก็นำไปปกครอง ที่มาของวันแมนวันโหวตก็ไม่บริสุทธิ์ เมื่อมาแล้วถือว่ามีเสียงข้างมากในสภาฯจะทำอะไรก็ย่อมทำได้ มีความชอบธรรม แม้กระทั่งการคอรัปชั่นเรื่องนโยบายข้าว วันนี้เรานั่งอยู่บนภูเขาไฟที่ระเบิดแล้วบางจุด ข้าวมีสารพิษเต็มไปหมด ซึ่งจะส่งผลให้ลูกหลานต่อไปในอนาคต รับประทานแล้วสารพิษจะตกค้างไปในร่างกาย อันนี้ก็เกิดขึ้นจากรัฐบาล ซึ่งเป็นพรรคการเมือง เรามีน้ำมันซึ่งกระจายถึงบ้านเพ จ.ระยอง เรียบร้อยแล้ว และสารเคมีที่ใช้ย่อยสะลายน้ำมันนั้น เมื่อตกลงไปบนพื้นทรายมันมีฤทธิ์ที่เลวร้ายกว่าสารพิษ 52 เท่า อาหารทะเลที่มาจากภาคตะวันออก ประมงชายฝั่งน้ำตื้นพังทลาย พินาศ ชิบหายไปหมด เพราะเราไม่มีใครใส่ใจ กับความเป็นอยู่โปร่งใสของชาติบ้านเมือง
นายสนธิ ยังกล่าวว่า เพราะฉะนั้นเมื่อองค์กรใดก็ตามไม่ว่าเป็นพิทักษ์สยาม แนวร่วมเสนาฯ ที่ต้องการโค่น ทักษิณ เราเห็นด้วย แต่ก็ตั้งคำถามต่อว่า แล้วยังไงจะโค่นได้หรือ ประกอบกับเราโดนพันธนาการ โดยพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นรัฐบาลชุดที่แล้ว เพียงเพราะเขาคิดว่าจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ด้วยข้อหาผู้ก่อการร้าย สื่อมวลชนต้องเข้าใจข้อหานี้ พยานทั้ง 2 ปากทั้งโจรและจำเลย มีเป็นร้อยๆ คดีความ 10 ปียังไม่รู้จะจบหรือเปล่า ทุกครั้ง 96 คนต้องไปศาล ไปไหนมาไหนต้องขออนุญาต นี้คือการตกนรกทั้งเป็น ถามว่าพันธมิตรฯทำให้ชาติบ้านเมืองมากเพียงพอหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้วถ้าพรรคประชาธิปัตย์ องค์กรพิทักษ์สยาม หรือใครที่อยากออกมาประท้วงรัฐบาล เราไม่ขัดข้อง ในเมื่อพันธมิตรฯเป็นนามธรรม พันธมิตรฯที่อยากจะไปก็ไปได้ เพียงแต่ขอให้ไปด้วยความระมัดระวัง เพราะหากมีการเสียชีวิตบาดเจ็บล้มตายไปเพียงคนเดียว เราก็ไม่สบายใจอยู่แล้ว แต่ขอให้ไปพร้อมกับความคิดที่ว่า ถ้าล้มรัฐบาลชุดนี้ได้แล้วยังไง อยากได้คำตอบตรงนี้มากกว่า พันธมิตรฯอย่างน้อยแกนนำรุ่น 1 และ 2 มีความเชื่อมั่น ว่าถ้ามีการนำมวลชนออกแล้วมวลชนเห็นด้วย แล้วมีการเปลี่ยนแปลงประเทศ เปลี่ยนให้ดีขึ้นทั้งระบบไม่ใช่เปลี่ยนจากพรรคหนึ่งไปอีกพรรคหนึ่งแล้ว ถ้ายังงั้นแล้วมันก็คุ้มค่าที่ออกไปต่อสู้
ส่วนประเด็นในการแปรญัตติ นายสนธิกล่าวว่า ถ้าแปรญัตติให้คนที่ถูกตัดสินคดีมาตรา 112 หลุดจากคดีความ คำถามก็มีต่อไปถึงทหารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ว่าจะทำยังไง ถ้าแปรญัตติให้ ทักษิณ พ้นผิด คำถามก็ไม่ใช่อยู่ที่พันธมิตรฯ คำถามจะต้องมีไปจนถึงผู้พิพากษาทุกคนในศาล ศาลต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ อาจารย์ที่ศึกษากฏหมายในมหาวิทยาลัยทุกคน จนถึงนักศึกษากฏหมาย ที่เรียนกฏหมายในประเทศไทยทุกคน และสังคมนักกฏหมาย ที่ต้องตอบตัวเองว่าถ้ามีเสียงข้างมากในสภาฯ สามารถจะยกมือขึ้นให้คนรับโทษผิดจากศาลฎีกา เรียบร้อยแล้วให้ไม่ผิดได้ สังคมไทยต้องการเช่นนี้หรือ ถ้าสื่อมวลชนต้องการเช่นนี้ ถ้าเจ้าของสื่อมวลชนต้องการเช่นนี้ ถ้างั้นก็เอาไปเลยซิ
คำต่อคำ แกนนำพันธมิตรฯ ตอบคำถาม หลังจากประกาศแถลงการณ์
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง- มีใครมีคำถามอะไรครับ วันนี้มากันเยอะแยะทีเดียว เชิญเลยครับ
นักข่าว- พันธมิตรฯ มองยังไงคะกับการที่รัฐบาลอาจมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ควบคุมการชุมนุมค่ะ อาจมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นไหมถ้าเกิดมีการนำ พ.ร.บ.ฉบับนี้มาใช้
พล.ต.จำลอง- เราคาดการณ์ไม่ได้หรอกครับ ว่าจะมีเหตุรุนแรงหรือไม่ในเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้เราเห็นชัดแล้วนะครับว่าต้นตอมาจากการกระทำของรัฐบาลนั่นเอง รัฐบาลทำให้เกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองขณะนี้ จนหลายต่อหลายคนหลายต่อหลายกลุ่มเขาทนไม่ได้ ก็กองอยู่ตรงนั้น ควรจะออกกฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคง จะป้องกันอย่างโน้นอย่างนี้ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลเขา เราคาดไม่ได้ว่าจะเกิดความรุนแรงหรือไม่
นักข่าว- อันนี้คือการแนะนำว่าคือคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรม แต่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเองประกาศเดินหน้าเต็มที่โดยไม่สามารถ (***) ตรงนี้ถ้าเกิดมันผ่านเข้าไปและมันเข้าไปแล้ว พันธมิตรฯ จะทำอะไรได้บ้าง
อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์- ถึงตอนนั้นก่อนครับ
พล.ต.จำลอง- เราได้ยืนยันตลอดเวลามาว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตัดสินใจไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันนั้นยังไม่มาถึงเราคงพูดก่อนล่วงหน้าไม่ได้
นักข่าว- อย่างรูปแบบการคัดค้านของกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะออกมาเคลื่อนไหวมีรูปแบบอย่างไร
อ.สมเกียรติ - ถ้าไม่ออกมาเคลื่อนไหว และเขาจะออกมารูปแบบยังไง
นักข่าว - หรือว่าจะคัดค้านกฎหมายจะออก
พล.ต.จำลอง- การคัดค้านนั้น วิธีที่คัดค้านที่จะทำให้เกิดผลดีที่สุดก็คือต้องให้เขาถอนออกหมดทุกร่าง เพราะอ้างว่ายังไม่เป็นอย่างงั้นยังไม่เป็นอย่างงี้ เมื่อเข้าไปสู่สภาฯ แล้วเขามีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงที่เราเรียกกันว่าการแปรญัตติออกมาในรูปไหนก็ได้ ตอนนั้นใครจะค้านก็ค้านไม่ทัน งั้นทางที่ดีคือต้องขอให้ถอนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทุกฉบับออกจากสภาฯ
นักข่าว - มีการยืนยันแล้วค่ะว่าไม่ถอน
อ.สมเกียรติ - ไม่ถอนก็เรื่องของเขา
นักข่าว - หมายถึงพันธมิตรฯ ก็บอกว่าจะไม่ออกมาเคลื่อนไหว
พล.ต.จำลอง- เดี๋ยวๆ พิจารณาดูให้ดีนะจากแถลงการณ์ฉบับนี้ เราพิจารณาหลายเรื่องรวมกันแล้ว ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าในช่วงนี้นะ เฉพาะในช่วงนี้ยังไม่ดำเนินการในการนำมวลชนออกมา
นักข่าว- หมายความว่าวันที่ 7 ถ้าร่างนี้นำเข้าสภาฯ อาจมีการออกมาชุมนุมได้ใช่ไหมครับ
พล.ต.จำลอง- จะไปพูดอย่างนั้นไม่ได้ บอกว่าในช่วงนี้ตั้งแต่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ไปเนี่ย จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ในช่วงนี้เรายังไม่เคลื่อนไหวในเรื่องมวลชนครับ
นักข่าว - ปัจจัยอะไรที่จะทำให้เราถึงขั้นขีดสุดและออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน
พล.ต.จำลอง- มันมีหลายปัจจัยพูดก่อนล่วงหน้าไม่ได้ และขอยืนยันต่อสื่อมวลชน ต่อพี่น้องประชาชนเลยว่า การตัดสินใจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกครั้งเต็มไปด้วยความรอบคอบ จึงทำให้เราสามารถที่จะชุมนุมปักหลักพักค้าง 3 ช่วงเวลา รวมกันแล้วได้ถึง 384 วัน 384 คืน และก็มีการชุมนุมแบบไปกลับอีกหลายครั้ง ทุกครั้งสำเร็จสมตามความประสงค์ของการชุมนุมทุกครั้งเลยไม่พลาด เพราะเราพิจารณาอย่างรอบคอบ คราวนี้ก็เหมือนกันครับ เราใช่เวลาพิจารณานาน ปกติผู้สื่อข่าวจะเห็นนะครับว่าการประชุมแกนนำประชุมช่วง 10 โมงเช้า พอสิบเอ็ดโมงถึงเที่ยงก็แถลงแล้ว นี่ไม่แล้วครับเล่นกันเป็นวันเลย เลยต้องมาแถลงกันวันนี้ครับ ขอยืนยันนะเราพิจารณาด้วยความรอบคอบหลายเรื่องรวมกันไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในหลายเรื่องก็มีเรื่องของคำสั่งศาลในการที่ให้ประกันตัวมาด้วย
นักข่าว- อย่างที่มีการขยายความว่าการชุมนุมในขณะนี้ที่มันไม่คุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ได้
พล.ต.จำลอง - เรื่องนี้นะครับ มันเป็นเรื่องที่เราพิจารณาหลายเรื่องรวมกันอยู่ในนี้ ไม่ใช่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เมื่อพิจารณารวมกันแล้ว เราก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ยังไม่ควรดำเนินการเคลื่อนไหวมวลชนตอนนี้ เรื่องหนึ่งก็คือเรื่องของคำสั่งศาลที่ให้ประกันตัวออกมา เมื่อกี้อ่านแถลงการณ์ไปแล้วนะครับว่า ศาลสั่งไว้ว่าอย่างไร ศาลสั่งไว้ว่า ห้ามกระทำการใดๆ อันส่อไปลักษณะที่ปลุกระดมยั่วยุ ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ข้อนี้คลุมหมดแล้วนะ และยังมีอีกข้อ ตอนท้ายอีกข้อหนึ่งคือ ห้ามทำให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย ไม่ได้บอกนะว่ากฎหมายอะไร คือกฎหมายทั้งหมดนะแหละ อ่านดูซิ
แล้วยังมีหลายเรื่องต่อมา อย่างที่เมื่อกี้ อ.สมเกียรติ ชี้ให้ดูนั่นก็คือเรื่องว่า ที่นักการเมืองทะเลาะกันขนาดนี้ 2 พรรคนะ เขาแย่งชิงขั้วอำนาจด้วย และยังไม่เห็นมีพรรคไหนเลยที่มีการยืนยันว่า หากเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วจะไปสู่การปฏิรูปประเทศ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ เรื่องหนึ่งคือว่า แต่ก่อนมีแต่เฉพาะกลุ่มประชาชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกมาต่อสู้ เพื่อมีส่วนในการช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่ขณะนี้มีอีกหลายกลุ่ม มันหลายเรื่องรวมกัน เราเลยเห็นว่า เมื่อเอาหลายเรื่องรวมกันแล้ว ยังไม่ควรที่จะเคลื่อนไหวมวลชนช่วงนี้ ในช่วงนี้นะครับ
นักข่าว- ช่วงนี้ก็คือครอบคลุมวันที่ 7 ที่ 8
พล.ต.จำลอง- ประมาณนั้นหล่ะครับ ใช่ครับ
นักข่าว- ส่วนวันที่ 2 ที่ 3 ยังไม่แน่
พล.ต.จำลอง - ใช่ครับ
นักข่าว- มีการกำหนดแนวทางเบื้องต้นไหมคะว่า หากร่างนี้่ผ่านสภาฯ จริงๆ พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง
พล.ต.จำลอง- ดีครับที่ถาม เพื่อความรอบคอบนะ แต่ขอยืนยันเลยว่า แกนนำมีการพบปะพูดคุยปรึกษาหารือกันมาโดยตลอด ต่างคนต่างติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างกระชั้นชิด เมื่อถึงเวลาแล้ว เราสามารถประชุมและตัดสินใจได้ทันทีอย่างที่แล้วมา ไม่ช้าเลย เห็นนะครับว่า เรานี่เดินสายไปขึ้นศาลจังหวัดนั้น จังหวัดนี้กัน ไม่เว้น ไปศาลเรามีเวลาได้พบปะได้ปรึกษาหารือพูดคุยกัน แม้กระทั่งเมื่อวันที่ 27 กรกฎา ไปศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา 29 กรกฎา ที่ผ่านมา ไปศาลอาญากรุงเทพ เราก็พูดคุยกันมาตลอด และไม่ใช่พบปะพูดคุยกันส่วนตัวเท่านั้น เรายังใช้โทรศัพท์คุยถึงกันอีก เรื่องการบ้านการเมืองมาตลอด ดังนั้น ขอยืนยันว่า ไม่นาน ที่เรา เมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาแล้วที่เราจะพบปะพูดคุยและตัดสินใจไปเลย 384 วัน 384 คืน รวมถึงการชุมนุมไปกลับที่เราทำสำเร็จทุกครั้ง เพราะว่า เรารอบคอบอย่างนี้หล่ะครับ
นักข่าว - เพราะมีปัจจัยที่ว่าเมื่อออกมาแล้ว ก็สามารถประกาศชุมนุมได้เลยใช่ไหมครับ
พล.ต.จำลอง - ใช่ครับ
นักข่าว- ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ได้วางกรอบระยะเวลาไหมครับว่า ให้เวลารัฐบาลเท่าไหร่
พล.ต.จำลอง- ไม่มีครับ ไม่มี เราพิจารณาตามสถานการณ์ จะไปพูดแน่ชัดอย่างนั้นไม่ได้หรอก เพราะถ้าสถานการณ์เปลี่ยน เราก็กลายเป็นคนโกหกซิ
นักข่าว - และถ้ารัฐบาลมีการออกมาเคลื่อนไหว พันธมิตรฯ เกรงว่าจะผิดเงื่อนไขหรือเปล่า
พล.ต.จำลอง - เราต้องพิจารณารวมกันหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ใช่เอาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นน้ำหนักทั้งหมด ไม่ใช่นะครับ
นักข่าว - การชุมนุมของกองทัพประชาชนวันที่ 4 สิงหาคมนี้ มองว่าจะสามารถโค่นล้มรัฐบาลได้ตามเป้าหมายหรือไม่
พล.ต.จำลอง- เรื่องนี้ก็คาดไม่ได้นะครับ แต่ว่าเป็นความพยายามของคนที่รักบ้านรักเมือง อยากเห็นบ้านเมืองมีการแก้ไขปัญหาที่ทำให้เสียหายมากมายขณะนี้ ก็เลยออกมา
นักข่าว - แถลงการณ์ตอนนี้คือ ถ้าเป็นเพราะเหตุผลของแกนนำ (***) ไม่เกี่ยวใช่ไหมครับ สามารถเข้าไปร่วมกับกองทัพประชาชน
พล.ต.จำลอง - สื่อมวลชนจะเห็นว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เรารวมอยู่ด้วยกัน รวมอยู่ด้วยแรงศรัทธา รวมอยู่ด้วยความคิดความเห็นที่ตรงกัน ไม่ได้มีคำสั่งออกไปเลยว่า ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพันธมิตรแต่ละคนว่า จะไปร่วมกับใคร แต่เราได้หารือกันแล้วว่า ขอให้ใช้ความระมัดระวังบ้าง อย่ากินเบียร์ กินเหล้า อย่าใช้คำหยาบคาย และอย่าชุมนุมโดยอาศัยความรุนแรง เพราะคนไทยด้วยกันทั้งนั้นครับ
นักข่าว- ส่วนการชุมนุมในวันที่ 4 จากท่าทีของรัฐบาลที่อาจจะมีการออก พ.ร.บ.มาดูแลการชุมนุม ห่วงมันจะเกิดความรุนแรงไหมครับ
พล.ต.จำลอง - ไม่ห่วงเลยครับ ถึงห่วงเราก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้ พูดไปเท่าไหร่เขาก็ไม่เชื่อ ถ้าเชื่อบ้างคงไม่เสียหายขนาดนี้ เราเลยไม่รู้จะห่วงไปทำไม เชิญครับ เชิญถามต่อครับ
นักข่าว- ระยะห่างระหว่างพันธมิตรฯ กับองค์การพิทักษ์สยาม ภาค 2 ที่จะมีการชุมนุมวันที่ 4 นี้ เป็นยังไงบ้างครับ คือให้กำลังใจพันธมิตรฯไหม หรือว่า มีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่าครับ
พล.ต.จำลอง - เอ้า คุณสนธิ ช่วยตอบบ้างครับ
สนธิ- สรุป ไม่ให้ผมนั่งเฉยๆ เลยใช่ไหมครับ คำว่าระยะห่างนี่ ย้อนกลับไปหาสิ่งที่ พล.ต.จำลอง พูด พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนี่เป็นนามธรรม ไม่มีรูปธรรมอะไรที่ชัดเจน แกนนำคือที่ชุมนุมตั้งขึ้นมาเอง พวกเรานี่ มันเป็นหัวโขนอันหนึ่งซึ่งสวมเอาไว้ แต่เผอิญการชุนนุมมาตลอดนี่ ตั้งแต่ 193 วันมาถึง 158 วัน ครั้งหลังสุด ต้องถือว่าครั้งหลังสุดคือ 158 วัน คนที่มารวมชุมนุม 158 วัน เป็นแก่นแท้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พอ 158 วันคือคนที่ไม่เอาพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเราเห็นว่า ระบบพรรคการเมืองปัจจุบันนี้คือ ระบบกินตัว วันนี้ ก็เป็นจุดพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า เราจะทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างเดียว โดยเราเอาชาติเป็นตัวตั้ง คำว่า เอาชาติเป็นตัวตั้ง เราไม่มีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
ส่วนองค์กรพิทักษ์สยามที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น เกิดขึ้นเพราะมีความหงุดหงิด มีความไม่พอใจ ก็เคยมาชักชวนเราตั้งแต่ต้น ตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรก แต่เราเห็นว่า การชุมนุมนั้น ชุมนุมแล้วไม่ได้อะไรเลย เพราะว่า ยังมีหลายคนเชื่อว่า ถ้ามีประชาชนออกมาเยอะๆ แล้ว ทหารจะออกมาช่วย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนนำไม่เคยเชื่อเรื่องนี้ เราเชื่อเรื่องเดียวคือว่า สังคมต้องได้รับบทเรียนจากการล่มสลายของชาติบ้านเมือง เพราะบรรดานักการเมืองทุกฝ่าย ผมย้ำนะครับ ทุกฝ่าย
วันนี้ บทเรียนที่เราได้เห็นกันยังมีไม่พอเพียงอีกหรือ ตั้งแต่สมัยโบราณ น้ำมันปาล์มขาด โครงการไทยเข้มแข็ง ลามจนถึงข้าวที่พังทลายลงหมดทั่วประเทศไทย ลามจนถึงการวิสามัญ เอกยุทธ อัญชันบุตร ซึ่งทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ รวมจนถึงล่าสุดที่เห็นได้ชัดคือ น้ำมัน ที่ทะลักออกมาจากแท่นถ่ายน้ำมัน และมีการปกปิดข้อมูล โดย ปตท. และรัฐบาลก็พยายามจะช่วย ปตท. สังคมไทยเป็นสังคมเฉย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แกนนำและพวกที่โดนคดีนั้นได้ทำหน้าที่ในฐานะประชาชนคนไทย เกินกว่าที่ควรจะทำไปแล้ว เราไม่ได้อยู่เฉย เรามุ่งให้ปัญญาคนตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน ถ้ากลุ่มใดก็ตามคิดที่จะโค่นล้มทักษิณ เราไม่ขัดข้อง เพราะเราเห็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทักษิณคือตัวปัญหา ทักษิณคือตัวปัญหาคนเดียว ชักใยอยู่เบื้องหลังทุกๆ เรื่อง เรามีนายกรัฐมนตรีบินไปเที่ยวที่แทนซาเนีย และไปอ้างว่ามีการเซ็นข้อตกลง 6-7 ข้อ เพียงเพราะว่านายกรัฐมนตรีคนนี้ต้องการหนีปัญหา และก็ทำตามคำสั่งพี่ชาย เรามี ส.ส.พรรคการเมือง ซึ่งไม่ฟังใครนอกจากทักษิณ ชินวัตร เรามีตำรวจ ข้าราชการ ซึ่งต้องบินไปพบทักษิณถึงจะได้ตำแหน่ง นี่คือประชาธิปไตยลวงโลก นี่คือประชาธิปไตยที่ ส.ส.พรรคฝ่ายรัฐบาล บอกว่า ผมได้เสียงประชาชนมา
เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อมีคนเกลียดทักษิณ ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่คำถามที่เราถามตัวพวกเรากันเอง ระหว่างแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คือ เกลียดทักษิณ แล้วถ้าทักษิณ ไปแล้วยังไง มันก็กลับเข้าสู่ระบบเดิม คือระบบ วันแมนวันโหวต ยกมือยกคะแนน ใครได้เสียงข้างมากคนนั้นก็ปกครอง ที่มาของวันแมนวันโหวต ก็ไม่บริสุทธิ์ เมื่อมาแล้วก็ถือว่า ถ้ามีเสียงข้างมากในสภาฯ จะทำอะไรย่อมทำได้ ย่อมมีความชอบธรรม เพราะมีเสียงข้างมากในสภาฯ แม้กระทั่งการคอร์รัปชันในเรื่องนโยบายข้าว วันนี้ เรานั่งอยู่บนภูเขาไฟที่ระเบิดแล้วบางจุด ข้าวที่มีสารพิษเต็มไปหมด ซึ่งจะส่งผลให้ลูกหลานเราต่อไปในอนาคต ส่งผลให้พวกเราในห้องนี้ทุกคนในอนาคต รับประทานเข้าไปแล้วสารพิษจะตกค้างในร่างกายเรา อันนี้ เกิดขึ้นจากใครก็เกิดจากรัฐบาล ซึ่งเป็นพรรคการเมือง
เรามีน้ำมัน ซึ่งแผ่มาจนถึงบ้านเพเรียบร้อยแล้ว และสารเคมีซึ่งใช้ย่อยสลายน้ำมันนั้น เมื่อมันตกลงไปบนพื้นทราย มันมีฤทธิ์ที่แรงร้ายกว่าสารพิษ 52 เท่า อาหารทะเลที่มาจากภาคตะวันออก ประมงชายฝั่งน้ำตื้นพังทลายพินาศฉิบหายไปหมด เพราะเราไม่มีใครใส่ใจกับความเป็นอยู่ ความโปร่งใสของชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อองค์กรใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นพิทักษ์สยาม หรือแนวร่วมเสนาธิการอะไรที่ต้องการจะโค่นทักษิณ เราเห็นด้วย แต่เราก็ตั้งคำถามท่านต่อว่า แล้วยังไง แล้วจะโค่นได้หรือ ประกอบกับเราโดนพันธนาการ ซึ่งถูกวางไว้โดยพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อรัฐบาลชุดที่แล้ว เพียงเพราะเขาคิดว่าเขาจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เขาเลยพันธนาการเราไว้ ด้วยข้อหาผู้ก่อการร้าย
สื่อมวลชนต้องเข้าใจนะครับ ข้อหานี้ พยานทั้ง 2 ปาก ทั้งโจทก์และจำเลยมีเป็นร้อยๆ คดีความนี่ 10 ปี ยังไม่รู้จะจบหรือเปล่า ถ้า 10 ปี ไม่รู้จะจบหรือเปล่า ทุกครั้ง 96 คน ต้องไปศาล ไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องขออนุญาต อันนี้คือการตกนรกทั้งเป็น ถามว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำให้ชาติบ้านเมืองมากเพียงพอหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้วถ้าพรรคประชาธิปัตย์ องค์กรพิทักษ์สยาม หรือใครที่อยากออกมาประท้วงรัฐบาลเราไม่ขัดข้อง ในเมื่อพันธมิตรเป็นนามธรรม พันธมิตรที่อยากจะไปก็ไปได้ เพียงแต่เราขอให้ไปด้วยความระมัดระวัง เพราะหากมีการเสียชีวิต มีการบาดเจ็บล้มตายเพียงคนเดียว เราก็ไม่สบายใจอยู่แล้ว แต่ขอให้ไปพร้อมกับความคิดที่่ว่า ถ้าล้มรัฐบาลชุดนี้ได้แล้วยังไง อยากได้คำตอบตรงนี้มากกว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อย่างน้อยแกนนำ รุ่น 1 รุ่น 2 มีความเชื่อมั่นว่า ถ้ามีการนำมวลชน และมวลชนเห็นด้วยแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงประเทศ เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นทั้งระบบ ไม่ใช่เปลี่ยนจากพรรคหนึ่งไปอีกพรรคหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นแล้วมันก็คุ้มค่าที่จะออกไปต่อสู้
ส่วนการแปรญัตตินั้น ถ้าเขาแปรญัตติว่าให้คนที่โดน มาตรา 112 หลุดจากคดีความ คำถามก็มีต่อไปถึงทหารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คำถามนี้้ต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ถ้าเขาแปรญัตติไปอย่างนั้นแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะทำยังไง ถ้าเขาแปรญัตติต้องการให้ทักษิณพ้นผิด คำถามก็ไม่ใช่อยู่ที่ พันธมิตรฯ หรือแกนนำพันธมิตรฯ คนเดียว คำถามต้องมีไปจนถึงผู้พิพากษาทุกคนในศาล ศาลต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ อาจารย์ที่ศึกษากฎหมายในมหาวิทยาลัยทุกคน และนักศึกษากฎหมายที่เรียนกฎหมายในประเทศไทยทุกคน และสังคมนักกฎหมาย ที่ต้องตอบตัวเองว่า ถ้ามีเสียงข้างมากในสภาฯ สามารถจะยกมือเพื่อให้คน ซึ่งรับโทษผิดจากศาลฎีกาเรียบร้อยแล้ว ให้ไม่ผิดได้ สังคมไทยต้องการเช่นนี้หรือ ถ้าสื่อมวลชนต้องการเช่นนี้ ถ้าเจ้าของสื่อมวลชนต้องการเช่นนี้ ถ้างั้นก็เอาไปเลยซิ นี่คือคำตอบผม พอแล้วนะครับ โอเคไหม โอเคนะ งั้นจบ ขอบคุณครับ