“อุทัย พิมพ์ใจชน” ร่อนจดหมาย ชี้ “นิรโทษกรรม” เป็นชนวนแตกแยกรุนแรงจนเกินเยียวยา ยันไม่จำเป็นต้องทำ ระบุสังคมปัจจุบันก็ปกติ ขออย่าทำได้ไหม ถอนญัตติออกสภาเสียถ้าเห็นแก่ความปรองดองอย่างใจจริง จี้จัดการคดีแดง-เหลืองให้จบ อย่ามัวเช้าชามเย็นชาม หนุนให้ประกันโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ ถ้าผิดก็ว่าไปตามโทษที่เหมาะสม บ้านเมืองถึงมีขื่อมีแป
วันนี้ (30 ก.ค.) นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และอดีตรมว.หลายกระทรวงได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกเรื่องความปรองดองแห่งชาติ ส่งถึงประชาชน ส.ส. ส.ว. คณะรัฐมนตรี ผู้พิพากษา และตุลาการ มีใจความโดยสรุปว่า ในฐานะทำงานการเมืองมานาน มีความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันอย่างยิ่ง ที่ประชาชนและผู้มีอำนาจทั้งหลายในแผ่นดิน กำลังสับสนในเรื่องของความสามัคคี เสนอกฎหมายในลักษณะ พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหตุการณ์ความผิดทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2549 ถึงปัจจุบัน ตนเห็นว่าแทนที่จะก่อให้เกิดความปรองดอง หรือความสามัคคีของคนในชาติ กลับจะทำให้ความแตกแยกขยายวงความรุนแรงจนอาจเกิดความไม่สงบที่ยากจะเยียวยาได้ ซึ่งเริ่มตั้งเค้าต่อต้านการเสนอกฎหมายทั้ง 2 รูปแบบ หากพิจารณาให้ดีและมองเรื่องนี้อย่างไตร่ตรองแล้วจะเห็นว่าเรื่องที่เสนอนี้ไม่มีความจำเป็นเลย เพราะมองว่าสังคมปัจจุบันเป็นปกติอยู่แล้ว
นายอุทัยกล่าวว่า แล้วมีความจำเป็นใดที่จะเสนอให้มันเกิดเรื่องขึ้นมา ได้โปรดอย่าทำได้ไหม ถอนญัตติทั้ง 2 รูปแบบออกจากสภาฯ เสีย ถ้าเห็นแก่ความสามัคคีปรองดองอย่างจริงใจ แต่ยอมรับว่ายังมีคนประมาณ 200-300 คน ถูกจับกุมคุมขัง ถูกดำเนินคดีในศาล บางส่วนเดือดร้อนอยู่ คนเหล่านี้รักชาติ ไม่ว่าจะกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกลุ่ม นปช. คนไม่เกิน 300 คนนี้ต่างหาก ที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจะดำเนินการอย่างไรกับเขาให้จบๆ โดยไม่ต้องเอาคนทั้งประเทศมาตั้งขบวนปะทะกัน ดังนั้นควรรีบเร่งพิจารณาโดยด่วน กระบวนการยุติธรรมต้องอย่าเช้าชามเย็นชาม เอาคดีเหล่านี้มาเป็นคดีสำคัญของสังคม เมื่อเขาขอประกันก็ควรใช้ดุลยพินิจให้ประกันทันทีโดยไม่ต้องเรียกหลักทรัพย์ อย่าลืมว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากร หากผิดกฎหมายก็ว่าไปตามความเหมาะสมของโทษและการกระทำ อย่างนี้บ้านเมืองจึงจะได้ชื่อว่ามีขื่อมีแป และการเมืองภาคประชาชนก็จะเข้มแข็ง ความแตกแยกที่ตั้งเค้าอยู่จะได้สลายไป อย่าทำแบบหักด้ามพร้าด้วยเข่าเลย