“อำมาตย์เต้น” ไม่แปลกพันธมิตรฯ ยื่นศาล รธน.ฟันแก้รัฐธรรมนูญ ไม่วิตกบอกมีภูมิต้านทานยุบพรรค แขวะประชาธิปัตย์ไล่ไปเปิดสาขาที่ศาล ชี้หน้ากากขาวพวกหน้าเดิม เย้ยไม่กลัว-กลัวแต่พวกตาขาวมากกว่า โอ่ยิ่งเดินหน้าเสถียรภาพยิ่งมั่นคง กั๊กหนุนปรองดอง “เหลิม” แต่ยังอ้างหลักการต่างรวมฉบับ “วรชัย” ไม่ได้
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาชาชนประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาชนประชาธิปไตยยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่งระงับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรฯ ส.ว.สรรหา และกลุ่มแนวร่วมบางส่วนเขามีศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่พึ่งทางใจอยู่แล้ว เมื่อเกิดกรณีทางการเมืองไปไหนไม่ถูกก็ไปหาศาลรัฐธรรมนูญ และนำเอาเรื่องนี้มาขยายความให้ใหญ่โตว่ารัฐบาลไม่รอดแน่ ไปยื่นแล้วเดี๋ยวศาลรัฐธรรมนูญก็จัดการซึ่งเป็นเรื่องที่เราเห็นมาจนชินตา แต่ตนยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลทำอย่างถูกต้องโดยกระบวนการทุกอย่างเดินหน้าอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา
เมื่อถามว่า การยื่นครั้งนี้ต้องการให้ยุบพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลด้วย นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เราคงไม่วิตกกังวลอะไร หากต้องสู้คดีกันในชั้นศาล เราก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริงและพรรคเพื่อไทยก็มีประสบการณ์ในการยื่นยุบพรรคมาแล้ว หลายครั้งจนนับไม่ถ้วนถือว่าเรามีภูมิต้านทานในเรื่องนี้ เพราะเรายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องบนหลักของประชาธิปไตย ส่วนประตูศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดให้ใครเข้าไปยื่นก็เป็นสิ่งที่สังคมเข้าใจได้
“ผมว่าความจริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์น่าจะไปเปิดสาขาที่ศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่ศาลรัฐธรรมนูญก็ไปเปิดส่วนงานเฉพาะที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่ออำนวยความสะดวก เพราะเท่าที่เห็นประชาธิปัตย์มีอะไรก็วิ่งไปหาศาลรัฐธรรมนูญ ผมก็แปลกใจเหมือนกัน เพราะแทนที่พรรคประชาธิปัตย์จะวิ่งไปหาประชาชน กลับวิ่งไปหาองค์กรอิสระ ที่ยังมีคำถาเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอยู่ ตอนนี้มีขบวนการแปลกๆ อย่างเช่น ขบวนการหน้ากากขาวออกมาตามโลกไซเบอร์ ซึ่งผมว่าเป็นผลงานของกลุ่มเดิมๆ ที่พยายามหาวิธีการทุกอย่างที่จะสร้างแรงเสียดทานให้แก่รัฐบาล เวลานี้หน้ากากขาวไม่น่ากลัว แต่ผมกลัวกลุ่มตาขาวที่ไม่กล้ายอมรับความจริง ไม่กล้าสู้กันตามติกาอย่างตรงไปรงมา พยายามหาวิธีการใต้ดินเล่นงานรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกลุ่มตาขาวนี้จะมีลักษณะพิเศษคือจะไม่ใส่หน้ากากแต่อำพรางตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งที่หัวใจฝักใฝ่เผด็จการอยู่ตลอด” นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามว่า มีคำขู่ออกมาว่าจะออกมาเคลื่อนไหวถ้ายังคงเดินหน้าผลักดันกฎหมายปรองดองและนิรโทษกรรม นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ร่างนิรโทษกรรมเข้าสู่วาระแรกไปแล้ว ซึ่งมีความมุ่งหมายที่จะนิรโทษกรรมให้ทุกสีเสื้อ ส่วน พ.ร.บ.ปรองดองมีสมาชิกบางส่วนไปลงชื่อและไปยื่นอยู่ในสภาก็ถือว่าอยู่ในกระบวนการ ดังนั้นถือว่ากฎหมายทั้งสองฉบับอยู่ในกระบวนการ และไม่เห็นว่าจะมีการใช้วิธีการนอกระบบมากดดันแทรกแซง
เมื่อถามว่า วันนี้มองเสถียรภาพรัฐบาลอย่างไร เพราะขณะนี้มีหลายเรื่องที่เป็นประเด็นร้อน นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่ายิ่งเดินไปข้างหน้าเสถียรภาพของรัฐบาลยิ่งมั่นคง เพราะรัฐบาลได้พิสูจน์กับประชาชนให้เห็นแล้วว่าทำทุกเรื่องอย่างถูกต้องและทำทุกอย่างบนหลักประชาธิปไตย
เมื่อถามถึงจุดยืนของคนเสื้อแดงกับร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นอย่างไร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จุดยืนของคนเสื้อแดงชัดจนว่าเราสนับสนุนของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ส่วนร่างพ.ร.บ.ปรองดองก็ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของเพื่อน ส.ส. เมื่อถามย้ำว่า หากมีการอภิปรายในสภา คนเสื้อแดงพร้อมสนับสนุนหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ต้องดูกระบวนการ รอให้ถึงวันนั้นก่อนอย่าไปคาดการณ์อะไรล่วงหน้า เพราะกลุ่มสาขาจ้องที่จะขยายผลเรื่องนี้อยู่
เมื่อถามว่า หากจะพิจารณารวมกันจะได้หรือไม่ แกนนำ นปช.กล่าวว่า ส่วนตัวยังเห็นว่าหลักการยังมีความแตกต่างกันอยู่เพราะฉะนั้นหากจะนำมารวมกันคงลำบาก ซึ่งเนื้อหาที่มีความสำคัญก็มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะจุดมุ่งหมายของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องการนิรโทษให้ประชาชนทั้งหมด ขณะที่ พ.ร.บ.ปรองดองจะมีภาพกว้างไปกว่านั้น คือจะดูทกคนทุกฝ่ายที่ต้องคดีความ ดังนั้นหากนำมารวมกันอาจจะขัดกันในหลักการได้ ทั้งนี้ยังไม่เห็นใครที่เสนอจะให้มีการควบรวมกัน
นายณัฐวุฒิยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุระเบิดที่หน้าซอยรามคำแหง 43/1 ว่า ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ แต่เห็นเจ้าหน้าที่ทำงานกันอยู่จึงไม่อยากไปวิพากษ์วิจารณ์ไปล้ำเส้น เมื่อถามว่า กังวลว่าจะเกิดรัฐประหาร เพราะก่อนรัฐประหารครั้งที่แล้วก็เกิดระเบิดทั่วกรุง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ควรจะมีใครคิดรัฐประหารอีก เพราะพิสูจน์มาแล้วว่าการทำรัฐประหารไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา แต่กลับเป็นการสร้างวิกฤตเพิ่ม และขยายตัวอยู่ตลอดเวลา ตนคิดว่าคนที่จะทำโดยเฉพาะนายทหารใหญ่ๆ เขาก็ออกมาปฏิเสธกันทุกวัน ก็น่าจะเชื่อเขาได้บ้าง ยกเว้นมีคนบางพรรคบางกลุ่มเรียกร้องให้มีการทำรัฐประหารอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ก็ประหลาด ตนจึงบอกว่าไม่กลัวขบวนการหน้ากากขาว แต่กลัวขบวนการคนตาขาวมากกว่า