**ไม่รู้ว่าจะ “สุดซอย”อย่างที่คุยโวไว้หรือเปล่า แต่อย่างน้อยร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ของ“เหลิม บางบอน”ก็ได้บรรจุเข้าซองสตาร์ท หลังจากที่ “พีระพันธุุ์ พาลุสุข”ส.ส.ยโสธร และมือกฎหมายพรรคเพื่อไทย หอบรายชื่อ 163 ส.ส. ยื่นต่อประธานสภาฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เป็นการเดินหน้า ทั้งที่โต้โผอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ยังไม่แน่ใจ เนื่องจากยังสับสนสัญญาณจาก“นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูจะเอนเอียงหนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของ “เดอะเงาะ”วรชัย เหมะ ที่ถึงมือประธานสภาฯไปก่อนหน้านี้มากกว่า
ก็ยังดีที่ 163 ส.ส.เพื่อไทยไว้หน้ารองฯเหลิม อยู่บ้าง ทำให้รอดพ้นอาการหน้าแตกอย่างหวุดหวิด เพราะอุตส่าห์โหมโรงกันมาเป็นเวลานานว่า กฎหมายที่ตัวเองซุ่มร่างเอาไว้เป็นแรมปีดีเลิศประเสริฐศรี ชนิดเปิดออกมาไม่มีใครกล้าคัดค้าน
แต่กว่าพรรคพวกจะเอาด้วย ก็ออกอาการเซมาเซไปพอสมควร
สาระสำคัญของร่างปรองดองฉบับ “เหลิม”ก็เป็นการนิรโทษกรรมให้กับความผิดต่างๆ ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคำพิพากษาที่ตัดสินไปแล้วหรืออยู่ระหว่างการสอบสวน หรือดำเนินการฟ้องร้องอยู่
ตรงนี้เองที่ทำให้แรงสนับสนุนไม่ค่อยแน่นเหมือนราคาคุย โดยเฉพาะจาก“คนเสื้อแดง”ที่ออกตัวค้านสุดโต่งกับเนื้อหาในพ.ร.บ.ปรองดอง ของเฉลิม ที่ให้ลบล้างความผิดทุกกรณี ตั้งแต่ต้นปี 2549 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
นั่นหมายความว่า “ผู้มีอำนาจสั่งการ”ซึ่งหมายรวมถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่กลุ่มคนเสื้อแดงเกลียดชังเข้ากระดูกดำ แถมตราหน้าเป็นพวก"ฆาตกร" ก็จะได้รับอานิสงส์จากกฎหมายฉบับนี้ด้วย
สวนทางกับสิ่งที่คนเสื้อแดงกำลังเรียกร้องให้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เร่งลากคอเหล่าคนที่ตัวเองคิดว่าเป็น “ฆาตกร”กำลังจะสูญเปล่า เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือ “นายใหญ่”ที่นั่งเกาพุงรอนับวันเวลากลับบ้านอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น หากรัฐบาลหุนหันใส่เกียร์หมาลุยเดินหน้าแบบไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม ข้อหาที่หลายฝ่ายประณามว่ากำลัง“หลอกต้ม”คนเสื้อแดง จะยิ่งเป็นการตอกย้ำทฤษฎีดังกล่าวว่าถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยน
แน่นอนว่าหากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เร่งเครื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง ก็สุ่มเสี่ยงต้องแลกกับการสูญเสียมวลชนบางส่วนที่คอยโอบอุ้มเป็นแน่!!
จุดนี้เองที่ทำให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ “วรชัย ณ นปช.”ดูจะมีราศีมากกว่า สอดรับกับท่าทีของ“ทักษิณ”ที่สไกป์เข้ามาในงานวันครบรอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่เอ่ยถึง พ.ร.บ.ปรองดอง แม้แต่คำเดียว แต่กลับพูดน้ำไหลไฟดับถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมก่อน โดยยกเว้นผู้ที่มีอำนาจสั่งการ
ตอกย้ำชัดๆว่า รัฐบาลได้รับสัญญาณไม่ดีแล้วว่า หากดึงดันเข็นกฎหมายปรองดองเข้าไป บรรดาองคาพยพในส่วนของมวลชน มีสิทธิแตกกระเจิงเป็นแน่ เลยต้องงัดมุก “พระเอก”ดับกระแสข่าวทำเพื่อตัวเองกันไว้สักครู่ ทั้งๆ ที่ใจลึกๆ อยากจะได้ใจแทบขาด !!
ขณะที่“เหลิม บางบอน”แม้งานนี้จะหน้าเยินไปไม่น้อย แต่หากดักเหลี่ยมนักการเมืองรายนี้กันถูก ก็ไม่ได้ถือว่า “เจ็บตัว”อะไรมากมาย ตรงกันข้ามอาจได้ กำไร จากการเทกแอ็กชั่นครั้งนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะถือว่าได้ทำผลงานป้อนให้นายใหญ่เรียบร้อย
**แถมได้ย้ำออกสื่อหลายรอบว่า ตัวเองเป็น “ขี้ข้า”ที่จงรักภักดีสุดๆ
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการกลบภาพข้อครหาที่เคยถูกเปรียบเปรยว่าเป็น “พ่อค้าอาวุธสงคราม”ที่ไม่อยากให้สงครามสงบ เพราะหาก นายใหญ่กลับมา ตัวเองอาจกลายเป็น “หมาหัวเน่า”จึงโพล่งออกมาซัดหมดหน้าตัก เพื่อออกกฎหมายให้นายใหญ่ได้อานิสงส์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ในขณะที่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ช่วยได้แค่ผู้ชุมนุม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า ต่อให้ผลักดันกันอย่างไรสุดท้ายก็ “ซอยตัน”เพราะลองกฎหมายใดเนื้อหาที่เกี่ยวพันถึงคนชื่อ “ทักษิณ”โอกาสสำเร็จแทบจะเป็นศูนย์ เพราะหน่วยต้าน ตั้งท่าติดเครื่องรอขับไล่กันอยู่แล้ว แล้วมีหรือคนอย่าง “เหลิม บางบอน”ที่เขี้ยวเล็บการเมืองแพรวพราวจะไม่รู้เรื่องนี้
**เพียงแต่ทำเพื่อให้รู้ว่าทำแล้ว อย่างน้อยนายใหญ่ก็เห็น!!
ด้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของ “เดอะเงาะ” ที่งวดนี้ได้รับไฟเขียว ให้เร่งเครื่องช่วยประชาชน โดยจ่อจะมีการพิจารณากันในการประชุมสภาสมัยสามัญในเดือน ส.ค.นั้น ก็ใช่ว่าเป็นเรื่องง่าย
แม้ นายใหญ่ จะโชว์มาดหล่อ เสียสละตัวเองให้เร่งช่วยเหลือมวลชนก่อน แต่ในความเป็นจริง ยังต้องรอดูว่า สุดท้ายจะมีการพิจารณากันจริงจังได้แค่ไหน เพราะแม้จะยกเว้นในส่วนของผู้มีอำนาจสั่งการ และแกนนำ แต่ในทางกฎหมายจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะต้องอย่าลืมว่า หลายๆ คดีที่จะมีการนิรโทษกรร บางคดีเป็นคดีร้ายแรง ชนิดบางคดีสังคมแทบรับไม่ได้
การยกเลิกความผิดกันง่ายๆ บรรดาฝ่ายค้าน และฝ่ายต้าน คงยากจะปล่อยให้ผ่านฉลุย !!
หรือแม้จะมีการฝ่าด่านไปได้ แต่สุดท้าย “พรรคเพื่อไทย”เองต่างหากที่จะมุ่งมั่นเข็นกันเต็มที่ต่อหรือไม่ เพราะหากกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ และมีการประกาศใช้ นายใหญ่จะหมดเงื่อนไขในการออกกฎหมายฟอกผิดตัวเองทันที
ต่อไปการจะออกกฎหมายเกี่ยวกับความปรองดองอะไรต่อมิอะไร ย่อมไร้ข้ออ้างที่จะใช้อีก เพราะวันนี้มวลชนที่บรรดา “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”อ้างว่า ต้องเร่งช่วยเหลือเยียวยานั้นได้รับอิสรภาพไปแล้ว หากจะทำอีก นั่นหมายถึงเป็นการทำเพื่อ “นายใหญ่”เต็มๆ
แล้วรัฐบาลจะกล้าวัดใจดันกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้กันเต็มที่จริงหรือ ??
**งานนี้มันเลยชักเข้าอีหรอบ“ปาหี่”กันทั้งพรรค ไม่รู้ใครหลอกใคร ทักษิณ”หลอก เสื้อแดง หรือ เสื้อแดง หลอก ทักษิณ หรือ เหลิม บางบอน หลอกทักษิณ หรือทักษิณ หลอกตัวเองก็ไม่รู้ แต่ที่เห็นมันออกลูกมั่ว เล่นกันอีเหละเขละขละไปหมด
เป็นการเดินหน้า ทั้งที่โต้โผอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ยังไม่แน่ใจ เนื่องจากยังสับสนสัญญาณจาก“นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูจะเอนเอียงหนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของ “เดอะเงาะ”วรชัย เหมะ ที่ถึงมือประธานสภาฯไปก่อนหน้านี้มากกว่า
ก็ยังดีที่ 163 ส.ส.เพื่อไทยไว้หน้ารองฯเหลิม อยู่บ้าง ทำให้รอดพ้นอาการหน้าแตกอย่างหวุดหวิด เพราะอุตส่าห์โหมโรงกันมาเป็นเวลานานว่า กฎหมายที่ตัวเองซุ่มร่างเอาไว้เป็นแรมปีดีเลิศประเสริฐศรี ชนิดเปิดออกมาไม่มีใครกล้าคัดค้าน
แต่กว่าพรรคพวกจะเอาด้วย ก็ออกอาการเซมาเซไปพอสมควร
สาระสำคัญของร่างปรองดองฉบับ “เหลิม”ก็เป็นการนิรโทษกรรมให้กับความผิดต่างๆ ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคำพิพากษาที่ตัดสินไปแล้วหรืออยู่ระหว่างการสอบสวน หรือดำเนินการฟ้องร้องอยู่
ตรงนี้เองที่ทำให้แรงสนับสนุนไม่ค่อยแน่นเหมือนราคาคุย โดยเฉพาะจาก“คนเสื้อแดง”ที่ออกตัวค้านสุดโต่งกับเนื้อหาในพ.ร.บ.ปรองดอง ของเฉลิม ที่ให้ลบล้างความผิดทุกกรณี ตั้งแต่ต้นปี 2549 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
นั่นหมายความว่า “ผู้มีอำนาจสั่งการ”ซึ่งหมายรวมถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่กลุ่มคนเสื้อแดงเกลียดชังเข้ากระดูกดำ แถมตราหน้าเป็นพวก"ฆาตกร" ก็จะได้รับอานิสงส์จากกฎหมายฉบับนี้ด้วย
สวนทางกับสิ่งที่คนเสื้อแดงกำลังเรียกร้องให้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เร่งลากคอเหล่าคนที่ตัวเองคิดว่าเป็น “ฆาตกร”กำลังจะสูญเปล่า เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือ “นายใหญ่”ที่นั่งเกาพุงรอนับวันเวลากลับบ้านอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น หากรัฐบาลหุนหันใส่เกียร์หมาลุยเดินหน้าแบบไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม ข้อหาที่หลายฝ่ายประณามว่ากำลัง“หลอกต้ม”คนเสื้อแดง จะยิ่งเป็นการตอกย้ำทฤษฎีดังกล่าวว่าถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยน
แน่นอนว่าหากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เร่งเครื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง ก็สุ่มเสี่ยงต้องแลกกับการสูญเสียมวลชนบางส่วนที่คอยโอบอุ้มเป็นแน่!!
จุดนี้เองที่ทำให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ “วรชัย ณ นปช.”ดูจะมีราศีมากกว่า สอดรับกับท่าทีของ“ทักษิณ”ที่สไกป์เข้ามาในงานวันครบรอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่เอ่ยถึง พ.ร.บ.ปรองดอง แม้แต่คำเดียว แต่กลับพูดน้ำไหลไฟดับถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมก่อน โดยยกเว้นผู้ที่มีอำนาจสั่งการ
ตอกย้ำชัดๆว่า รัฐบาลได้รับสัญญาณไม่ดีแล้วว่า หากดึงดันเข็นกฎหมายปรองดองเข้าไป บรรดาองคาพยพในส่วนของมวลชน มีสิทธิแตกกระเจิงเป็นแน่ เลยต้องงัดมุก “พระเอก”ดับกระแสข่าวทำเพื่อตัวเองกันไว้สักครู่ ทั้งๆ ที่ใจลึกๆ อยากจะได้ใจแทบขาด !!
ขณะที่“เหลิม บางบอน”แม้งานนี้จะหน้าเยินไปไม่น้อย แต่หากดักเหลี่ยมนักการเมืองรายนี้กันถูก ก็ไม่ได้ถือว่า “เจ็บตัว”อะไรมากมาย ตรงกันข้ามอาจได้ กำไร จากการเทกแอ็กชั่นครั้งนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะถือว่าได้ทำผลงานป้อนให้นายใหญ่เรียบร้อย
**แถมได้ย้ำออกสื่อหลายรอบว่า ตัวเองเป็น “ขี้ข้า”ที่จงรักภักดีสุดๆ
ขณะเดียวกัน ยังเป็นการกลบภาพข้อครหาที่เคยถูกเปรียบเปรยว่าเป็น “พ่อค้าอาวุธสงคราม”ที่ไม่อยากให้สงครามสงบ เพราะหาก นายใหญ่กลับมา ตัวเองอาจกลายเป็น “หมาหัวเน่า”จึงโพล่งออกมาซัดหมดหน้าตัก เพื่อออกกฎหมายให้นายใหญ่ได้อานิสงส์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ในขณะที่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ช่วยได้แค่ผู้ชุมนุม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า ต่อให้ผลักดันกันอย่างไรสุดท้ายก็ “ซอยตัน”เพราะลองกฎหมายใดเนื้อหาที่เกี่ยวพันถึงคนชื่อ “ทักษิณ”โอกาสสำเร็จแทบจะเป็นศูนย์ เพราะหน่วยต้าน ตั้งท่าติดเครื่องรอขับไล่กันอยู่แล้ว แล้วมีหรือคนอย่าง “เหลิม บางบอน”ที่เขี้ยวเล็บการเมืองแพรวพราวจะไม่รู้เรื่องนี้
**เพียงแต่ทำเพื่อให้รู้ว่าทำแล้ว อย่างน้อยนายใหญ่ก็เห็น!!
ด้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของ “เดอะเงาะ” ที่งวดนี้ได้รับไฟเขียว ให้เร่งเครื่องช่วยประชาชน โดยจ่อจะมีการพิจารณากันในการประชุมสภาสมัยสามัญในเดือน ส.ค.นั้น ก็ใช่ว่าเป็นเรื่องง่าย
แม้ นายใหญ่ จะโชว์มาดหล่อ เสียสละตัวเองให้เร่งช่วยเหลือมวลชนก่อน แต่ในความเป็นจริง ยังต้องรอดูว่า สุดท้ายจะมีการพิจารณากันจริงจังได้แค่ไหน เพราะแม้จะยกเว้นในส่วนของผู้มีอำนาจสั่งการ และแกนนำ แต่ในทางกฎหมายจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะต้องอย่าลืมว่า หลายๆ คดีที่จะมีการนิรโทษกรร บางคดีเป็นคดีร้ายแรง ชนิดบางคดีสังคมแทบรับไม่ได้
การยกเลิกความผิดกันง่ายๆ บรรดาฝ่ายค้าน และฝ่ายต้าน คงยากจะปล่อยให้ผ่านฉลุย !!
หรือแม้จะมีการฝ่าด่านไปได้ แต่สุดท้าย “พรรคเพื่อไทย”เองต่างหากที่จะมุ่งมั่นเข็นกันเต็มที่ต่อหรือไม่ เพราะหากกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ และมีการประกาศใช้ นายใหญ่จะหมดเงื่อนไขในการออกกฎหมายฟอกผิดตัวเองทันที
ต่อไปการจะออกกฎหมายเกี่ยวกับความปรองดองอะไรต่อมิอะไร ย่อมไร้ข้ออ้างที่จะใช้อีก เพราะวันนี้มวลชนที่บรรดา “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”อ้างว่า ต้องเร่งช่วยเหลือเยียวยานั้นได้รับอิสรภาพไปแล้ว หากจะทำอีก นั่นหมายถึงเป็นการทำเพื่อ “นายใหญ่”เต็มๆ
แล้วรัฐบาลจะกล้าวัดใจดันกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้กันเต็มที่จริงหรือ ??
**งานนี้มันเลยชักเข้าอีหรอบ“ปาหี่”กันทั้งพรรค ไม่รู้ใครหลอกใคร ทักษิณ”หลอก เสื้อแดง หรือ เสื้อแดง หลอก ทักษิณ หรือ เหลิม บางบอน หลอกทักษิณ หรือทักษิณ หลอกตัวเองก็ไม่รู้ แต่ที่เห็นมันออกลูกมั่ว เล่นกันอีเหละเขละขละไปหมด