ยิ่งลักษณ์ต้นแบบจริยธรรม สะท้อนสังคมไทยมีปัญหา!

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง หากผลสำรวจความเห็นประชาชนของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ที่ระบุว่าประชาชน จากกลุ่มตัวอย่าง 2,102 ตัวอย่าง มีถึง 41.7 % เห็นว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม คือนักการเมืองที่เป็นต้นแบบในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม

นำหน้าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ได้อันดับสอง 31.6 % ตามมาด้วย ยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์18.4 %

ที่น่ากังวล เพราะถ้าผลสำรวจนี้สะท้อนความจริงไม่ได้เกิดจากปัญหาด้านจริยธรรมของคนทำโพลก็คงต้องกลับมาตั้งคำถามกันดัง ๆ ว่า ประชาชนในประเทศนี้ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่ตรงกับความจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมด้านจริยธรรมของ นางสาวยิ่งลักษณ์ หรือไม่ และสื่อได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในการให้ข้อมูลกับคนไทยหรือเปล่า

หรือว่าสื่อหลักกลายเป็นแค่สื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ จนทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยอยู่ในภาวะมืดบอดมองไม่เห็นความจริง

ถามว่า ถ้าประชาชนได้รับทราบความจริงว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร ในขณะที่ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมโกหกกลางศาลระหว่างการไต่สวนคดียึดทรัพย์ นักโทษชายทักษิณ โดยยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้ถือครองหุ้นชินคอร์ป ไม่ได้เป็นนอมินีให้พี่ชาย แต่มีหลักฐานชัดว่า เงินปันผลไหลไปที่กระเป๋าใคร แม้ว่าดีเอสไอโดย ธาริต เพ็งดิษฐ์ จะจัดให้ด้วยการยุติคดีเบิกความเท็จปกปิดหุ้นชินไปแล้ว แต่ความจริงจากการไต่สวนในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังคงอยู่ ประชาชนใน 41.7 % นั้นจะยังคิดว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นต้นแบบด้านจริยธรรมมั้ย

ถามว่าถ้าประชาชนได้รับความจริงว่านางสาวยิ่งลักษณ์ตระบัดสัตย์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เช่น จะยุบกองทุนน้ำมันแต่ในปัจจุบันกลับมีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในบางชนิดมากกว่ายุคไหน

จะไม่ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมให้พี่ชาย แต่ปัจจุบันมีสารพัดกฎหมายคาอยู่ในสภาเพื่อพานักโทษทักษิณกลับบ้านแบบเท่ห์ ๆ

จะบริหารประเทศโดยยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่ปัจจุบันใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน ให้ท้ายกองกำลังแดงใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายคุกคามฝ่ายตรงกันข้าม เตรียมแก้รัฐธรรมนูญขยายอำนาจให้ตัวเองจำกัดสิทธิประชาชน

จะเป็นนายกของคนไทยทั้งชาติ สร้างสุข สลายทุกข์ แก้ไขไม่แก้แค้น แต่พฤติกรรมมีแต่สร้างทุกข์ สลายสุข คนไทยเดือดร้อนถ้วนหน้า เพราะรัฐบาลไม่สนใจปัญหาปากท้องประชาชน หมกมุ่นอยู่กับผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองและครอบครัว ใช้ดีเอสไอ หน่วยงานรัฐ ไล่ล่าฝ่ายตรงกันข้ามแบบมุ่งแก้แค้นไม่แก้ไข

จะบริหารงานอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ไม่มีการทุจริต แต่ปัจจุบันแทบทุกโครงการของรัฐบาลตรวจสอบไม่ได้ ขาดความโปร่งใส เต็มไปด้วยข้อครหาเรื่องการทุจริต ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบ เมื่อมีการท้วงติงว่าทุจริต ทำผิดกฎหมาย แทนที่จะแก้ไขปรับปรุง กลับใช้มวลชนกดดัน ทำลายความน่าเชื่อถือของกลไกตรวจสอบ เพิ่มความขัดแย้งในสังคม

ความจริงยังมีอีกมาก แต่เอาแค่ที่ยกตัวอย่างข้างต้น ถามว่าถ้าประชาชนได้รู้ความจริงเหล่านี้อย่างครบถ้วน 41.7 % จากกลุ่มตัวอย่างของ เอแบคโพล จะยังเห็นว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือบุคคลต้นแบบด้านจริยธรรมอีกหรือไม่

ถามว่าถ้าประชาชนได้รู้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจการแผ่นดินที่ชี้ว่าการแต่งตั้ง นางนลินี ทวีสิน ซึ่งถูกสหรัฐแซงก์ชั่นการทำธุรกรรมทางการเงิน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายเป็นรัฐมนตรี เป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงจริยธรรมอย่างเพียงพอ

แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ทบทวนเรื่องนี้ และยังปล่อยให้บรรดาขี้ข้าออกมาโจมตีผู้ตรวจการแผ่นดินที่ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ถึงขนาดขู่ว่าจะยุบผู้ตรวจการแผ่นดิน ประชาชนในกลุ่มตัวอย่าง 41.7 % จะยังเห็นว่านางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร เป็นต้นแบบด้านจริยธรรมอีกหรือไม่

ถามว่าถ้าประชาชนได้รู้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ยอมดำเนินการกับกระทรวงการต่างประเทศที่คืนพาสปอร์ตให้นักโทษชายทักษิณโดยผิดระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ แต่กลับใช้วิธียื้อเวลาและสุดท้ายมอบหมายให้นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจงแทน ซึ่งก็ไม่ได้แสดงออกถึงความร่วมมือและการเคารพต่อองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างผู้ตรวจการแผ่นดิน ทั้งที่เป็นองค์กรที่ดูแลด้านจริยธรรมโดยตรง ประชาชนในกลุ่มตัวอย่าง 41.7 % จะยังเห็นว่านางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร เป็นต้นแบบด้านจริยธรรมอีกหรือไม่

ถ้าผู้นำที่ทำได้แค่ไปเปิดอีเวนท์ ฉีกยิ้มถ่ายภาพลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ แต่ไม่พร้อมตอบคำถามเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาบ้านเมือง เอาแต่ “พอแล้วนะคะ พอนะคะ ต้องไปรับแขกค่ะ” หรือ “ขอยิ้มอย่างเดียวได้ไหมคะ”

แถมยังไม่ให้สื่อมวลชนถามเรื่องข้าว โดยบอกว่า“ต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน ถ้ายังถามคำถามนี้อยู่ตลอดเวลา มันก็ไม่ไปไหน ต้องขอความเห็นใจจริงๆ เถอะคะ วันนี้แทนที่เราจะเดินไปข้างหน้า เราก็มาคุยกันแต่ประเด็นตรงนี้ ต้องขอความกรุณาจริงๆ”
ทั้ง ๆ ที่ปัญหาคุณภาพข้าวหมายถึงคุณภาพชีวิตคนไทยทั้งประเทศ ที่กำลังวิตกเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยจากการบริโภค แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งเอแบคโพลระบุว่า ประชาชนเห็นเป็นต้นแบบด้านจริยธรรมของสังคมไทย กลับไม่เคยให้คำตอบและไม่คิดแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นอกจากการข่มขู่ประชาชนและคนที่ออกมาพูดความจริงเพื่อเตือนภัยให้กับสังคม

สิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นต้นแบบด้านจริยธรรมตามผลสำรวจของเอแบคโพลทำเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับคุณภาพข้าวถุง คือ การเดินทางไปที่บริษัทซีพี กินข้าวตราฉัตรโชว์สื่อ จนอดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่า

ข้าวที่ท่านกิน ชนิดเดียวกับที่แจกชาวบ้านหรือเปล่า?