นายกฯ และรมว.กลาโหม ตามรอย “ขุนรองปลัดชู” ดูโรงงานข้าวตราฉัตร ท่องวลีเด็ด “ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ” โอ่พาณิชย์มีแผนใช้วงจรปิด-ลิงก์ข้อมูลโรงสีจัดการ ยันปัญหาไม่ได้เป็นทั้งกระบวนการ วอนอย่าเหมารวม ขอชาวบ้านสบายใจ โยน สธ.เช็ก บอก “ธวัช” ยังไม่ได้รายงานตรวจสต๊อก
วันนี้ (18 ก.ค.) ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 11.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มายังบริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด (ข้าวตราฉัตร) พร้อมด้วย พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รมช.คมนาคม นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง และนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ รับฟังยุทธศาสตร์การขนส่งทางน้ำ โดยนายประสิทธิ์ ดำรงชิตานนท์ รองประธานกรรมการ กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้การต้อนรับ
โดยนายประสิทธิ์กล่าวรายงานว่า พื้นที่โครงการข้าวนครหลวง มีทั้งโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าว ของบริษัทข้าว ซี.พี.จำกัด ที่เป็นโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวแบบครบวงจร ภายใต้ตราสินค้า ข้าวตราฉัตร ซึ่งขนาดใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของโลก และบริษัทท่าเรืออยุธยาและไอซีดี จำกัด จัดส่งสินค้าไปยังท่าเรือกรุงเทพฯ และท่าเรือแหลมฉบัง ทั้งนี้ การขนส่งสินค้าทางน้ำจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุนโลจีสติกส์
ขณะที่นายชรินทร์ อินทร์เมือง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรืออยุธยาและไอซีดี จำกัด กล่าวเสริมว่า จุดเด่นทางยุทธศาสตร์ของ จ.พระนครศรีอยุทธยา เป็นศูนย์รวมของนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก สามารถเชื่อมโยงกับจังหวัดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และทางบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาการให้บริการในการขนถ่ายสินค้าข้าวทางน้ำ และควรพัฒนา จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นส่วนขยายของท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่อำนวยความสะดวกการขนส่ง และปรับปรุงร่องน้ำให้ได้มาตรฐาน และควบคุมขนาดของเรือที่ใช้ขนส่ง รวมถึงปรับปรุงความสูงสะพานต่างๆ โดยเฉพาะสะพานนวลฉวี และสะพานกรุงธนบุรี ให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้มากขึ้นในกรณีที่น้ำขึ้นสูงและทำแผนแม่บทในการขนส่ง
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่ทำในเรื่องโรงงานแปรรูปส่งออกข้าวเป็นจำนวนมาก ท่าเรือจึงเป็นส่วนสำคัญ รัฐบาลให้ความสำคัญแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ ที่สามารถลดต้นทุนการขนส่งในระยะยาว อยากเห็นการเชื่อมโยงทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ การลงพื้นที่ครั้งนี้ก็จะดูว่าติดขัดตรงไหนก็จะพัฒนาให้สะดวกขึ้น
ขณะที่นายชัชชาติกล่าวว่า ในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ก็มีการพัฒนาแม่น้ำป่าสัก ทางรถไฟรางคุู่จาก อ.ภาชี มาอ.นครหลวง ก็จะทำให้การอำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าดียิ่งขึ้น ส่วนข้อเสนอแนะต่างๆ ก็อยู่ในโครงการที่จะพัฒนาอยู่แล้ว ทั้งนี้การเพิ่มความสูงของสะพานเป็นสิ่งที่พูดกันมานานและทำไม่ยาก แต่จะติดปัญหาการจราจรระหว่างก่อสร้าง และชุมชนบริเวณร้อบข้างซึ่งต้องทำความเข้าใจกับประชาชนก่อน
จากนั้นนายกฯ ไปเยี่ยมชมห้องแล็บข้าวตราฉัตรที่ใช้ในการตรวจคุณภาพมาตรฐานข้าว รวมถึงห้อง Command Room ตรวจสอบการทำงานภายในโรงงานและรวมถึงโรงงานในเครือผ่านระบบ Real Time Conference ทั้งนี้ นายกฯ สอบถามถึงขั้นตอนกระบวนการผลิต และตรวจสอบวัดคุณภาพข้าวด้านศักยภาพชนิดข้าวต่างๆ สอบถามความต้องการของลูกค้าแต่ละประเทศ และสอบถามถึงนุ่มเหนียวของข้าวว่าคุณภาพเทียบเท่าข้าวประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ เพราะเป็นข้าวที่คนนิยมทาน ขณะที่นายกฯ ได้ลองกินข้าวหอมมะลิใหม่ ตราฉัตร ข้าวฉัตรทอง และข้าวนึ่งสีอ่อน โดยนายกฯ กล่าวว่าหอม นุ่ม อร่อย จากนั้นได้ไปดูขั้นตอนการผลิต
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การที่เดินทางมาครั้งนี้ การประชุม ครม.สัญจร เราเริ่มมาดูกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ คือ ข้าวที่ปลูกจากชาวนา โรงสี และขบวนการคัดกรองก่อนที่จะบรรจุถุงและวันนี้ที่มาดู คือ ปลายน้ำ การแปรรูปคือการบรรจุถุงข้าว ซึ่งทุกโรงงานต้องมีมาตรฐานต่างๆ ในการคัดกรอง คัดเลือกคุณภาพข้าว กระทั่งการบรรจุถุง อันนี้จะให้เห็นว่าในส่วนการทำงานทั้งหมดจะมีมาตรฐานของการทำงานอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกล่าวว่า การที่เรามาดูงานครั้งนี้ ถือเป็นข้อดีที่เราได้เห็นคือเรื่องระบบของภาคเอกชน ซึ่งน่าจะนำมาประยุกต์ใช้ในส่วนของภาครัฐได้ แต่อย่างไรก็ตามจะไม่เหมือนกันทั้งหมด เพราะในส่วนของภาครัฐเป็นการรับจำนำมาจากชาวนาเข้าโครงการเข้าสู่กระบวนการเก็บรักษาข้าว แต่ยังไม่ถึงกระบวนการคัดกรองไปจนถึงการบรรจุถุง ฉะนั้น บางอย่าง เช่น เรื่องระบบของซีซีทีวี ระบบการลิงก์ข้อมูลจากโรงสี ซึ่งในแผนของกระทรวงพาณิชย์วางไว้อยู่แล้ว เวลานี้อยู่ในการขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งจะพร้อมในการทำงาน อันนี้เราจำทำตรงนี้ด้วยเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบสต๊อกข้าวและวันนี้เราได้ดูในส่วนของไซโลที่การเก็บข้าวด้วย ทั้งนี้ การได้มาดูมาตรฐานของบริษัทเอกชนนั้นจะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าขั้นตอนต่างๆ กว่าจะมาเป็นข้าวถุงนั้นมีขั้นตอนในการตรวจที่มีมาตรฐานต่างๆ มากพอสมควร
“อยากให้ประชาชนสบายใจด้วยว่าการที่เจอปัญหาต่างๆ นั้นอยู่แค่บางขั้นตอน ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทั้งกระบวนการ ซึ่งข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยและสร้างรายได้หลักให้กับคนไทย เราต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น เพราะวันนี้ถ้าดูคุณภาพข้าวไทยดีกว่าประเทศอื่นๆ ดังนั้นถ้าเรามองเป็นประเด็นรวมทั้งหมดต้องขอความกรุณา เพราะจะกระทบความเป็นอยู่ปากท้องพี่น้องชาวนาและรวมถึงขบวนการแวลูเชนต่างๆ ในขั้นตอนทั้งหมดรวมถึงการบริโภคข้าวของคนไทย ที่เป็นอาหารหลัก” น.สยิ่งลักษณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากข่าวลือสารตกค้างในข้าวมีผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยมีมากหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้เราต้องช่วยกันในการสร้างความเชื่อมั่น ถ้าเราใช้ข่าวจุดเล็กจุดน้อยแล้วมองประเด็นรวมหมดอาจจะกระทบต่อการส่งออก จึงได้มีโอกาสพาคณะรัฐมนตรีและสื่อมวลชนมาเยี่ยมชมโรงงานเพื่อให้เห็นขั้นตอนที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพาณิชย์ก็ดูแลอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ข้าวในตลาดบางยี่ห้อที่มีปัญหาที่ประชาชนเคลื่อบแคลงสังสัย จะให้กระทรวงสาธารณสุขเข้ามาตรวจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วกระทรวงสาธารณสุขมีมาตรฐานอยู่แล้ว แต่การที่หน่วยงานต่างๆเข้ามาตรวจสอบนั้นจะอยู่ในมาตรฐานของสาธารณสุขหรือไม่ต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า เมื่อมั่นใจว่าการผลิตข้าวจากภาคเอกชนของไทยมีคุณภาพและมีมาตรฐาน จะให้มีการตรวจสอบให้ทราบข้อเท็จจริงเพื่อแก้ปัญหาข่าวลือที่เกิดขึ้น จะได้ไม่เป็นการดิสเครดิตข้าวไทย นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ก็ตรวจสอบอยู่และต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนด้วย หากพบข้อสงสัยขอให้ตรวจสอบก่อนแล้วค่อยชี้แจง จะได้ทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน เพราะบางครั้งแค่ข่าวลือแล้วนำมาตีเป็นข่าว ก็จะส่งผลทำให้ประชาชนสับสนและเกิดความกังวล ไม่กล้าซื้อข้าวที่เป็นอาหารหลักของคนไทย ส่วนการตรวจสอบสต๊อกข้าวในโรงสีต่างๆ ทั่วประเทศนั้น ขณะนี้ พล.ต.ท.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้รายงานข้อมูลการตรวจสอบดังกล่าวมา