นายกฯ ย้ำทูต-กงสุล-ผู้ว่าฯ คำนึงถึง 3 เสาหลักรับ AEC ฝากดันโอทอปสู่เพื่อนบ้าน บ่ายนี้ร่วมงานศพพ่อ “ฮุน เซน” มท.1 ย้ำ รบ.เน้นจับมือ ตปท.หนุนเศรษฐกิจ แก้ปัญหาชายแดน เชื่อมคมนาคม สร้างความเข้มแข็งทุกด้าน พัฒนาศักยภาพ จว. หวังทูต ผู้ว่าฯ เชื่อมการทำงาน รมว.กต.เผยร่วมมือ มท.ต่อเนื่อง เล็งขยายการค้า ท่องเที่ยว รับมือค้ามนุษย์ ให้ข้อมูลผู้ว่าฯ เข้าใจAEC ทูตต้องส่งเสริมสินค้าเกษตรส่งออก ผู้ว่าฯ ตราดพร้อมรับ AEC เชื่อส่งผลดีท่องเที่ยว
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดการประชุม ร่วมระหว่างเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียน ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และภาคธุรกิจ พร้อมด้วย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมก่อนเปิดประชาคมอาเซียน และต้องคำนึงถึง 3 เสาหลัก คือ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมืองข้อกฎหมาย โดยเฉพาะเศรษฐกิจต้องมอง 2 มิติ คือ กายภาพ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศในกลุ่มอาเซียน พัฒนาพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ นอกจากนี้ กฎระเบียบถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในอนาคตจะมีการถ่ายเทสินค้ารวมถึงแรงงาน ดังนั้น ต้องคำนึงถึงความเป็นสากล
“อยากฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปศึกษาในเรื่องวัฒนธรรม เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของแต่ละประเทศ เพราะจะนำไปสู่โอกาสในการนำสินค้าโอทอปไปพัฒนาและส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
ส่วนนายจารุพงศ์กล่าวว่า รัฐบาลเน้นการเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและต่างประเทศ การแก้ไขปัญหาตามแนวพรมแดนผ่านกระบวนการทางการทูตบนพื้นฐานของสนธิสัญญา และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งทั้งภายในและภายนอกประเทศ การสร้างความพร้อมความเข้มแข็งทางด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลในลักษณะ Outside-in และ Inside-out โดยเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียน กับผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด จะได้แสดงความคิดเห็นเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงการทำงานอย่างบูรณาการ
ขณะที่นายสุรพงษ์กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกันทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย อำนวยความทุกข์สุขของประชาชน โดยได้ประสานการทำงานกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเชื่อมโยงบริเวณชายแดนทุกด้าน เช่น การยกระดับจุดผ่านแดน เปิดด่านชายแดนถาวาร เมื่อเวลาการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนใกล้เข้ามาทุกขณะ การบูรณาการร่วมกันของทั้ง 2 กระทรวงจะต้องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เช่น การเตรียมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงในภูมิภาคและการพัฒนาพื้นที่ชายแดน และการขยายโอกาสทางการค้า การท่องเที่ยว รวมถึงรับมือปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น การค้ามนุษย์ แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
“กระทรวงการต่างประเทศจะต้องให้ข้อมูลกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้มีความเข้าใจในประเทศอาเซียน ต้องรู้เขารู้เรา รวมถึงต้องระมัดระวังว่าทุกสิ่งที่พูดไปในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูงไทย ทุกอย่างมีความหมาย เมื่อมีการสัญญาอะไรแล้ว ก็ต้องพยายามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงท่านทูตต้องมีความเข้าใจเรื่องการส่งเสริมสินค้าเกษตร ท่านทูตในประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียน ต้องรู้ว่าในประเทศเขาบริโภคอะไร หรือผลิตสินค้าเกษตรกรรมอะไร โอกาสการส่งออกสินค้ามีมากน้อยแค่ไหน การประชุมในวันนี้จะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลในวงกว้าง เพื่อจะนำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพ” นายสุรพงษ์กล่าว
ด้าน น.ส.เบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า จังหวัดตราดได้มีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความรู้ สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนและทุกภาคส่วนในเชิงรุก โดยเน้นการให้ความรู้ด้านภาษาเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ จังหวัดตราดมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา สำหรับการประชุมในครั้งนี้จะทำให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น ส่วนปัญหาตามบริเวณแนวชายแดน ทางจังหวัดได้มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ทั้งปัญหาเรื่องยาเสพติดและปัญหาแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้ คาดว่าหากเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วจะส่งผลที่ดีต่อจังหวัดโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว
จากนั้นเวลา 13.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯ และรมว.พานิชย์ เดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อไปร่วมพิธีศพของนายฮุน เนียง บิดาสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ประเทศกัมพูชา
