เกาหลีเหนือจวก “โซล” เป็นต้นเหตุทำการเจรจาระดับรัฐมนตรีล่มไม่เป็นท่า

เอเอฟพี - เกาหลีเหนือออกมาตำหนิ “ความเย่อหยิ่ง” และความหลอกลวงของเกาหลีใต้ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้การเจรจาระดับรัฐมนตรีระหว่างสองเกาหลีเมื่อวานนี้ (12) ต้องล่มลงอย่างไม่เป็นท่า พร้อมเตือนว่าโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมเจรจาหารือในอนาคตถูกโสมขาวทำลายลงแล้วไม่มีชิ้นดี

เกาหลีเหนือและใต้ตกลงจะเปิดเจรจาระดับรัฐมนตรีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่กรุงโซล ระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน ทว่าเมื่อเย็นวันอังคาร (11) เปียงยางกลับขอยกเลิกแผนทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าคงจะมาจากความขัดแย้งเรื่องระเบียบพิธีการ

ข้อตกลงเจรจาถือเป็นพัฒนาการเชิงบวกที่ทุกฝ่ายคาดหวัง หลังจากสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดมานานหลายเดือน

ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นอีกครั้งย่อมจะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ตกต่ำลงยิ่งกว่าเดิม แม้แต่สายด่วนกาชาดที่โสมแดงเปิดใช้ใหม่เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนก็ไม่แน่ว่าจะอยู่ได้นานเท่าใด เพราะเปียงยางไม่รับการติดต่อจากเกาหลีใต้ ตั้งแต่เช้าวานนี้ (12)

“รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่มีความจริงใจที่จะเปิดเจรจาตั้งแต่ต้น” โฆษกคณะกรรมการเพื่อการรวบรวมชาติโดยสันติ (CPRK) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านกิจการข้ามแดนของเกาหลีเหนือ ระบุในถ้อยแถลงซึ่งเผยแพร่ผ่านสำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือ วันนี้ (13)

“พวกเขาจงใจสร้างอุปสรรคไม่ให้การเจรจาเกิดขึ้นได้ ด้วยการยืดเวลาให้ล่าช้า และสุดท้ายก็ทำลายมันไป” โฆษกผู้นี้เผย และยังกล่าวหาว่าเกาหลีใต้ “สร้างปัญหาด้วยความเย่อหยิ่ง และเจตนาก่อกวน”

“พฤติกรรมยั่วยุที่ไร้มารยาทและขาดศีลธรรมเช่นนี้ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ทั้งสองฝ่ายจะมีโอกาสพูดคุยปัญหาต่างๆ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์หรือไม่ แม้ในอนาคตจะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นอีกก็ตาม”

ข้อขัดแย้งเรื่องตำแหน่งของผู้แทนทั้งสองฝ่ายกลายเป็นตะปูดอกสุดท้ายที่ตอกฝาโลงการเจรจา โดยโสมแดงกล่าวหาว่าโซลดูหมิ่นเกียรติที่ส่งเพียงผู้ช่วยรัฐมนตรี (vice minister) เท่านั้น ขณะที่เกาหลีใต้ยืนยันว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีรายนี้มีตำแหน่งเทียบเท่ากับหัวหน้าคณะผู้แทนของเปียงยาง และเกาหลีเหนือควรจะยอมรับธรรมเนียมการทูตที่นานาชาติยึดถือ

ประเด็นปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายควรจะได้พูดคุยเมื่อวานนี้ (12) ได้แก่ การเปิดนิคมอุตสาหกรรมแกซอง ซึ่งตกเป็นเหยื่อความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี จนต้องปิดดำเนินงานไปเมื่อเดือนเมษายน, การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ข้ามแดนไปพักผ่อนที่สถานตากอากาศบนภูเขาคุมกัง (Kumgang) ในฝั่งเกาหลีเหนือ และการจัดงานรวมญาติเพื่อให้ชาวเกาหลีที่พลัดพรากจากครอบครัวในช่วงสงครามปี 1950-53 ได้มีโอกาสพบหน้าญาติมิตรอีกครั้ง

สมาคมนักธุรกิจซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท 123 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมแกซอง ออกมาขอร้องให้รัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายหาทางเจรจาพูดคุยกันให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเตือนว่าโรงงานของพวกเขาอาจทรุดโทรมจนใช้การไม่ได้อย่างถาวร หากถูกปล่อยร้างไว้นานกว่านี้