โฆษก ปชป. ย้ำสื่อนอกเผยข้าวพม่า-เขมรสวมสิทธิ์ ทำรัฐบาลถังแตก แนะรัฐปราบทุจริต กังขาระบายข้าวยกโกดังขายถูกให้พรรคพวกฟันกำไร ด้านโฆษกผู้นำฝ่ายค้าน ท้านายกฯ ฟ้องศาลปูดเรื่องข้าวเน่าจะได้พิสูจน์ที่ศาล “มัลลิกา” แฉผลงานเหลวทำแบงก์รัฐ 6 แห่งเจ๊ง
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสำนักข่าวรอยเตอร์เสนอรายงานข่าวเชิงลึกว่าโครงการรับจำนำข้าว จ่ายเงินให้ชาวนาสูงเกือบเป็น 2 เท่าตัวของราคาข้าวในกัมพูชาและพม่า ทำให้มีการส่งข้าวข้ามพรมแดนมาสวมสิทธิ์ถึง 750,000 ตันต่อปีนั้น ว่า เรื่องนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้รัฐบาลถังแตกในทุกวันนี้ ฉะนั้นรัฐบาลควรปราบการทุจริต ทั้งการสวมสิทธิ์ เวียนเทียน และลักลอบนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีเงินเหลือทำโครงการต่อ โดยไม่ต้องปรับลดราคาจำนำลงมาเป็น 12,000 บาท ทั้งนี้ การที่มีข่าวว่าจะมีการระบายข้าว โดยการประมูลเพื่อการส่งออกแบบยกโกดังนั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่าจะมีคนที่รู้คุณภาพข้าวในโกดังว่าดีแค่ไหน ปริมาณข้าวเท่าไหร่ ซึ่งจะทำให้คนเหล่านั้นได้เปรียบคนอื่นที่เข้าร่วมประมูล
นายชวนนท์กล่าวว่าตนขอให้รัฐบาลเปิดเผยคุณภาพและปริมาณข้าวในโกดัง และการตั้งราคากลางนั้นเกรงว่าจะเป็นราคากลางใจผู้ส่งออก เหมือนการระบายข้าวในอดีตที่ตั้งราคากลางที่ 5,700 บาทต่อตัน แต่ผู้ซื้อนำไปขายในวันรุ่งขึ้นราคา 12,00 บาท จึงอยากให้รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นในการประมูลครั้งนี้ ว่าจะไม่มีบริษัทใกล้ชิดได้ประโยชน์ ส่วนที่นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รมช.พาณิชย์ ออกมาตอบโต้การแถลงข่าวของตนในเรื่องข้าวเน่าในพื้นที่ จ.กระบี่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทั้งที่มีข้อมูลหลักฐานชัดเจน นายกรัฐมนตรีจึงควรสั่งการให้นายณัฐวุฒิลงพื้นที่ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมันให้กับประชาชนได้มากกว่าการที่นายกฯออกมาขู่ว่าจะดำเนินการกับคนที่ปล่อยข่าวลือ
“อยากถามว่าเรื่องนี้นายกฯ จะจับใครเพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น จับตายายที่ขอนแก่น จับคนที่ประสบอุทกภัยที่พังงา จับคนที่กระบี่ หรือจะจับหนูกับแมวที่ตายในโกดังที่นครศรีธรรมราช ฉะนั้นนายกควรแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยด่วน แต่ต้องไม่ใช่วิธีที่ทำอยู่ในปัจจุบัน”นายชวนนท์ กล่าว
ด้านนายธีมะ กาญจนไพริน โฆษกประจำตัวผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาขู่ว่าจะฟ้องคนที่ออกมาพูดเรื่องข้าวเน่านั้น ก็ขอให้ดำเนินการทันทีอย่ารอช้า และขอบอกประชาชนว่าอย่ากลัวการที่รัฐบาลขู่ เพราะเมื่อมีการแจ้งความดำเนินคดีเรื่องจะไม่จบที่ตำรวจ แต่ต้องผ่านชั้นพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ซึ่งทันทีที่มีการดำเนินคดีกับประชาชน จำเลยในคดีก็สามารถระบุในบัญชีพยานได้ว่า อยากให้ นายกฯ รองนายกฯ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อหน้าศาลได้ ซึ่งหากรัฐบาลแจ้งความดำเนินคดีก็จะเป็นสภาพบังคับที่จะทำให้รัฐบาลไม่สามารถหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบได้ เพราะหากศาลมีหมายเรียกพยานบุคคล พยานเอกสารหลักฐานต่างๆ จากหน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องปฏิบัติตาม หากขัดขืนคำสั่งศาลจะมีความผิดกฎหมายอาญามาตรา 170 ทั้งนี้ตนขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์แจ้งความดำเนินคดี เอาผิดด้วยตัวเอง จะได้ไปให้ปากคำที่ศาล
ขณะที่ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ถ่ายภาพนางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระหว่างการลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจรที่จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า เป็นพฤติกรรมหน่อมแน้มที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเหตุใดการบริหารจึงล้มเหลวในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพของประชาชน กลไกของรัฐไม่สามารถแก้ปัญหาแพงทั้งแผ่นดินได้ เนื่องจากทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ และนายกิตติรัตน์ บริหารงานล้มเหลวและหันมาควักเงินจากธนาคารออมสินไปใช้ในนโยบายประชานิยมแล้ว 1 แสนล้านบาท และกำลังจะใช้เพิ่มอีก
จึงขอตั้งคำถามไปยังบุคคลทั้งสอง ดังนี้ 1.เอสเอ็มอีแบงก์ที่ต้องดูแลผู้ประกอบการรายย่อยและขนาดกลางแต่มีปัญหาหนี้เสียกว่า 3 หมื่นล้านบาท ยังไม่มีกรรมการผู้จัดการมาดูแล และได้รับผลกระทบจากกรณีค่าแรง 300 บาท มียอดสินเชื่อแค่หลักพันล้านบาทเท่านั้น เพราะมีการทยอยย้ายออกจากธนาคารไป แสดงให้เห็นถึงการละเลยเพิกเฉยต่อปัญหา 2 .ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยหรือไอแบงก์ มีหนี้เสียกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพราะกระทรวงการคลังละเลยที่จะแก้ปัญหา อยู่ในสภาพปล่อยสินเชื่อไม่ได้
3. ธ.ก.ส.นำเงินไปทำโครงการจำนำข้าวแล้ว 2.6 แสนล้านบาท โดยรัฐยังไม่สามารถคืนเงินให้ธนาคารได้ กระทบถึงลูกค้ารายอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการจำนำข้าว 4. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้รับผลกระทบจากนโยบายรถคันแรก เพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อบ้านทำให้เงินหายไปจากระบบ 5. เอ็กซิมแบงก์ มีปัญหาการส่งออกหดตัว 6.ธนาคารออมสิน ซึ่งอยู่ในสภาพที่แข็งแรงกว่าคนอื่นแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ควักเงินเด็กและดุดเงินจากสภาพคล่องไปโปะนโยบายทักษิณคิด เพื่อไทยทำ มีการปล่อยกู้ให้ ธ.ก.ส.กว่า1แสนล้านบาท และจะให้ประมูลพันธบัตรโครงการน้ำอีกกว่า 2 แสนล้านบาท เป็นการย่ำยีธนาคารเด็ก จึงต้องถามว่าจะเอามาคืนเมื่อไหร่ คืนอย่างไร
“สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่ารัฐบาลอยู่ในสภาพอนาถาต้องควักเงินเด็กมาใช้ การอยู่ต่อแม้แต่วันเดียวของรัฐบาลนี้มีความเสี่ยงที่กระปุกออมสินจะแตก จึงขอเรียกร้องประชาชนและพนักงานออมสินว่าจะยอมปล่อยให้รัฐบาลทุบกระปุกเด็กต่อไปหรือไม่ เพราะพฤติการณ์ทั้งหมดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลอกเลียนแบบพ.ต.ท.ทักษิณ ในการใช้ธนาคารรัฐจนถูกดำเนินคดีอาญาไปแล้วหลายคดี จึงอยากเตือนนางสาวยิ่งลักษณ์และนายกิตติรัตน์ ว่า ให้ระวังพฤติกรรมของตัวเองและต้องชี้แจงเกี่ยวกับสภาพคล่องของธนาคารรัฐทั้งหมดให้กับสังคมได้รับทราบด้วย” น.ส.มัลลิกา กล่าว