สมเด็จพระวันรัต มอบ “หลวงปู่ทวด” รุ่นฤาฤทธิ์ เป็นขวัญกำลังใจทหาร จชต. มทภ.4 รับมอบเงินเอกชนช่วยกำลังพล แนะปชช.หนุนเพิ่มกำลังใจสู้ ผบ.ทบ. เน้นเชิงป้องกันรับ “รอมฎอน” สั่งทหารร่วม เชื่อไร้ป่วน มีชุดสะกัดก่อเหตุ สำรวจท่อลอด คอสะพานจุดเสี่ยงบึ้ม พร้อมติดสัญลักษณ์ทางทหารเตือน ขอสอบ “หัวกะโหลกกากบาท” ไร้ปัญหาร่วมงาน รมช.กห.
วันนี้ (7 ก.ค.) ที่วัดบวรนิเวศน์ สมเด็จพระวันรัต ในฐานะรักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตและกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) มอบพระเครื่องหลวงปู่ทวด รุ่นฤาฤทธิ์ จำนวน 1,000 องค์ ให้กับ พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อนำไปมอบให้กำลังพลที่ปฎิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ในการปฎิบัติหน้าที่
จากนั้น พล.ท.สกลเดินทางมายังกองบัญชาการกองทัพบก เพื่อเป็นประธานรับมอบข้าวกระป๋องปรุงสุก จำนวน 9,600 กระป๋อง จากเอกชนเพื่อนำไปให้กำลังพลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมกับมอบเงินสมทบทุนอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อนำไปมอบให้กับกำลังพลที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดบนถนนสายบ้านตูปา-บ้านป่าหวัง หมู่ที่ 2 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.4021 หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 13 อ.กรงปินัง เสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บสาหัส 2 นาย เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 มิ.ย. 56 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พล.ท.สกลให้สัมภาษณ์ว่า การดูแลเรื่องขวัญกำลังใจของกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและกองทัพที่ดำเนินการอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญความช่วยเหลือจากภาคเอกชนและประชาชนที่อยู่แนวหลัง เป็นประเด็นสำคัญที่เขาสัมผัสได้ว่าภารกิจที่ปฎิบัติอยู่เป็นการพิทักษ์แผ่นดิน ดูแลความสงบสุขของส่วนร่วมและได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทุกหมู่เหล่า ทำให้กำลังพลในพื้นที่รู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งและมีกำลังใจที่จะสู้รบต่อไป เปรียบเหมือนเขาเป็นวีรบุรุษของคนที่อยู่แนวหลัง
พล.ท.สกลยังกล่าวต่อว่า การบาดเจ็บสูญเสียของกำลังพลที่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจและยังเป็นความภาคภูมิใจของทหารทุกคนที่ตั้งใจจะเสียสละชีวิตและความยากลำบากเพื่อประเทศชาติ เรื่องขวัญกำลังใจของทหารทุกคนอยู่ที่ส่วนหลัง สำหรับการสู้รบในแนวหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้กำกับดูแล แนะนำเทคนิคต่างๆ ให้ปฏิบัติ ตลอดจนแสดงความเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องของยุทธวิธี
เมื่อถามถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงเดือนรอมฎอนนั้น พล.ท.สกลกล่าวว่า ปีนี้กำหนดเป็นรอมฎอนสันติ ถือเป็นเจตนารมย์ของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อยากให้ทหารอำนวยความสะดวกและเกิดความสงบ เพราะการประกอบกิจทางศาสนาจะทำแต่ความดี และเมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นก็ทำให้เกิดความมัวหมองไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม ทหารเองพยายามที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมทุกกิจกรรม พร้อมทั้งลดบทบาทที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง ทั้งนี้ประชาชนใน 3 จังหวัดยังตั้งความหวังว่าจะเกิดความสันติในช่วงรอมฎอน
พล.ท.สกลกล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยยังดำเนินการตามปกติ โดยจะมีกำลังประจำถิ่นและกำลังประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต้องเข้าร่วมประกอบกิจทางศาสนาด้วย ในส่วนของทหารจะอำนวยความสะดวกในช่องทาง จุดตรวจต่างๆ และจะเสริมเกี่ยวกับการบริการตรวจสุขภาพของประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเตรียมพร้อมในการถือศีลอด ทั้งนี้จะมีการลาดตระเวนหากมีกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดที่เตรียมการทำร้ายประชาชน เราจะสะกัดกั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ โดยจะเน้นการปฏิบัติการเชิงป้องกัน ทั้งนี้มั่นใจว่าในช่วงเดือนรอมฎอนจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง
เมื่อถามถึงการแก้ปัญหาการลอบวางระเบิดนั้น พล.ท.สกลกล่าวว่า ปัจจุบันผู้ก่อความไม่สงบจะเน้นวางระเบิดบนถนนที่เป็นเส้นทางสัญจรไปมาจนทำให้ เจ้าหน้าที่ ประชาชน บาดเจ็บเสียชีวิต เราได้พยายามแก้ปัญหามาโดยตลอด และจะหาวิธีป้องกันให้ดีที่สุด เมื่อถามถึงกรณีที่หน่วยงานความมั่นคงขึ้นป้ายเตือนสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลกกากบาท ในพื้นที่ที่เกิดระเบิดซ้ำซาก พล.ท.สกลกล่าวว่า หน่วยในพื้นที่ได้มีการสำรวจพื้นที่เสี่ยง อันตราย ที่เป็นท่อลอด และให้สัญญาณพลขับว่าบริเวณดังกล่าวมีถ่อลอดหรือมีจุดคอสะพานที่เป็นจุดเสี่ยง มักจะก่อเหตุระเบิดอยู่เสมอ เพื่อระมัดระวังและเตรียมพร้อมในการตอบโต้
เมื่อถามว่าจะไม่สร้างความตื่นตนกกับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาพบเจอ พล.ท.สกลกล่าวว่า ปัญหาที่นักท่องเที่ยวไม่มาเกิดจากความไม่สงบ ไม่เกี่ยวกับสัญลักษณ์อะไร ถือเป็นการรับรู้ร่วมกันว่าพื้นที่ไหนเป็นจุดเสี่ยง ส่วนใหญ่จะเป็นธง ซึ่งตัวสัญญาณที่เป็นหัวกะโหลกตนยังไม่เห็น เพราะส่วนใหญ่จะเป็นสัญญาณทางทหารที่มีอยู่ แต่อาจจะมีคนสนุกสนานใส่สัญญาณดังกล่าว ขออนุญาติตรวจสอบก่อน อย่างไรก็ตาม การแสดงสัญลักษณ์เตือนต่างๆ เราไม่ได้ดำหนดว่าต้องใช้อะไรเป็นสัญลักษณ์ แต่ขึ้นอยู่กับหน่วยแต่ละหน่วย ที่เป็นสัญลักษณ์ที่รู้กัน
พล.ท.สกลยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มาดูแล ศปก.กปต.ว่าเป็นเรื่องระดับนโยบาย ใครจะเข้ามาดูแลเราสามารถปฏิบัติงานได้อยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าการตั้ง ศปก.กปต.จะทำให้การบริหารงานที่ยังมีจุดอ่อนอยู่มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น