โฆษก กห.พร้อมฝ่ายมั่นคงแสดงความเสียใจ 8 ชีวิตทหารกล้าถูกโจรใต้ลอบวางระเบิด เปรียบลอบกัดเหมือนสุนัข ไร้มนุษยธรรม ปลุก ปชช.ร่วมประณาม เผยความคืบหน้าและเป้าหมายงานพัฒนา คุมเข้มช่วงรอมฎอน ขอช่วยกันปฏิเสธความรุนแรง สมช.แจงหมดถือศีลอด มีข้อสรุป 7 ข้อบีอาร์เอ็นรับจ้อทางลับกลุ่มอื่น เชื่อนายกฯ คุม กห.ผลดี “ภราดร” ชี้พวกไม่หนุนสันติภาพ อาจเอี่ยวบีอาร์เอ็นลอบกัดทหาร ปัดจ้อปมเกาเหลา “เหลิม-ทวี”
วันนี้ (1 ก.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้แทนจากส่วนราชการต่างๆ จากทั้งกองทัพไทย เหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ร่วมแถลงความคืบหน้าการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิตทั้ง 8 นาย ที่ อ.กรงปีนัง จ.ยะลา โดยขอสดุดีทหารกล้าทั้ง 8 นายที่สละชีวิตยอมแลกเพื่อความสงบสุขของประชาชนผู้ที่บริสุทธิ์ในพื้นที่ ขอชื่นชมการทำงานของทุกคนและทุกภาคส่วนที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อย่างจริงใจ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เห็นถึงความโหดร้าย และการลอบกัดเหมือนสุนัขที่กระทำต่อผู้ที่ไม่มีทางสู้ เป็นการกระทำที่ไม่เหมือนมนุษย์ และไร้มนุษยธรรมด้านต่างๆ ขอเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนทั่วประเทศร่วมกันประณามวิธีการกระทำผู้ที่ไม่หวังดีที่ก่อเหตุ
“ส่วนความคืบหน้างานด้านการพัฒนา ที่มี ศอ.บต.ดำเนินการอยู่ คือ 1. งานด้านสานสายใยอุมเราะห์สัมพันธ์ ในมิติของศาสนา สร้างแบบอย่างที่ดีของคนดี ซึ่งเป็นวิธีคล้ายกับพิธีฮัจญ์ โดยศอ.บต.พิจารณาเห็นว่า พิธีอุมเราะห์ตั้งแต่ปี 2547 มีผลกระทบต่อประชาชนจึงได้จัดกิจกรรมอำนวยความสะดวก เพื่อสานสายใยให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือก จะเดินทางไปร่วมพิธีอุมเราะห์ ในประเทศซาอุดิอาระเบีย 2. ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ได้จัดปฐมนิเทศนายสิบตำรวจใหม่จำนวน 816 นาย เพื่อเตรียมออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จ.นราธิวาส เพื่อให้เข้าใจกรอบการทำงานมากขึ้น โดยเน้นย้ำให้ทำงานเพื่อแก้ปัญหา อย่าสร้างเงื่อนไข 3. การพัฒนาโครงสร้างทางศึกษา โดยเราสนับสนุนตั้งแต่การเรียนการสอนในโรงเรียนตาดีกา จนมาถึงสถาบันศึกษาปอเนาะ โดยประเทศอินโดนีเซียได้ให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี-เอกมา 50 ทุน ซึ่งเราจะคัดเลือกนักเรียนที่ได้นำไปเป็นกระบอกเสียงที่ดีในการชี้แจงแนวทางการทำงานของรัฐบาล 4. การจัดมหกรรมวิชาการและการศึกษา เพื่อมีงานทำในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้เด็กได้รับทราบแนวทางหลักศาสนาที่ถูกต้อง” โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า 5. ผลการจัดประชุมนานาชาติกับคณะทูตประเทศสมาชิกองค์กรความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22-23 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีผลสรุปว่าโอไอซีเห็นชอบที่ไทยสนับสนุนให้คนต่างศาสนามีเสมอภาค 6. การรักษาความปลอดภัยในช่วงเดือนรอมฎอน ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. โดย กอ.รมน.จะอำนวยความสะดวกดูแลในช่วงเดือนรอมฎอนอย่างเต็มที่ โดย (1. สนับสนุนการเดินทางของประชาชนที่จะไปประกอบศาสนกิจ (2. เน้นการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในภารกิจเชิงรับ (3. เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความเห็นต่างจากรัฐกลับสู่มาตุภูมิ (4. ปรับจุดตรวจ จุดสกัดให้เป็นจุดอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสัญจร (5. จัดกิจกรรมพัฒนาสัมพันธ์ระหว่างผู้นับถือศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม (6. เชิญชวนประชาชนทุกเชื้อชาติศาสนาแสดงความยินดีในช่วงรอมฎอน ทั้งนี้ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเจ้าหน้าที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และขอให้ประชาชนทุกคนแสดงจุดยืนชัดเจนด้วยการปฏิเสธต่อความรุนแรงทุกรูปแบบ
พ.อ.จรูญ อำภา ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงข้อเสนอ 7 ข้อของกลุ่มบีอาร์เอ็นว่า ขณะนี้ สมช.อยู่ในระหว่างการปรึกษาหารือ โดยได้นำข้อเรียกร้องของกลุ่มบีอาร์เอ็นไปหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่มีผลกระทบต่อการเรียกร้อง เพื่อหาข้อยุติให้ลงตัวมาที่สุด โดยหลังเดือนรอมฎอนจะมีคำตอบต่อข้อเสนอทั้ง 7 ข้อ ซึ่งเราต้องดูความเป็นไปได้ของ 7 ข้อเสนอว่าฝ่ายไทยสามารถทำตามที่ร้องขอได้หรือไม่ แต่เรื่องถอนทหารคงไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นผืนแผ่นดินไทย แต่ทหารมีแนวคิดเตรียมการส่งมอบพื้นที่ให้กับการปกครอบส่วนทั้งถิ่น หากสถานการณ์ลดความรุนแรงหรือไม่มีความรุนแรงแล้ว และกระทรวงมหาดไทยมีความพร้อมกว่าร้อยละ 90 ในการรับพื้นที่ไปดูแล หากเป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าว ทางกองทัพภาคที่ 1-3 ก็พร้อมถอนทหารกลับพื้นที่ แต่ไม่ใช่ว่า เรายอมแพ้ ทั้งนี้เงื่อนไขทั้ง 7 ข้อไม่เกินขีดความสามารถที่เราจะรับมาและปฏิบัติให้ลงตัวมากที่สุด
ที่ปรึกษา สมช.กล่าวต่อว่า ส่วนการก่อเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มที่เห็นต่างที่เป็นกลุ่มคลื่นลูกใหม่ไฟแรง โดยใช้ความรุนแรงเป็นตัวกำหนด เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เขาต้องการ แต่ฝ่ายไทยจะยึดหลักกรอบกฎหมายรัฐธรรมนุญไทยเป็นตัวกำหนด เพื่อทำให้เงื่อนไขต่างๆหมดไป หากใช้ความรู้สึกของตัวเราเองจะเกิดเงื่อนไข ส่วนการพูดคุยกับเพื่อสันติภาพนั้น ทางสมช. ยินดีเปิดรับพูดคุยกับกลุ่มอื่นเพิ่มเติม และให้โอกาสกับกลุ่ม เพราะบางกลุ่มอาจไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของบีอาร์เอ็น ซึ่งขณะนี้ในทางลับเราได้มีการพูดคุยกับหลายกลุ่มแล้ว โดยไม่ผ่านตัวกลางอย่างประเทศมาเลเซีย ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะมานั่งควบเป็น รมว.กลาโหมนั้น คิดว่าสถานการณ์ในพื้นที่ใต้จะดีขึ้น เพราะท่านจะได้สั่งตรง กำชับตรง และทันต่อเหตุการณ์ รวดเร็วทันใจ และแนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้จะเร็วขึ้น
ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงเหตุกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ลอบวางระเบิดรถคณะทหารพรานกองร้อย 4021 ในพื้นที่บ้านแบหอ หมู่ที่ 2 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ส่งผลให้กำลังพลเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บ 2 นายว่า เป็นกลุ่มหัวรุนแรงและไม่เห็นด้วยกับการพูดคุยเพื่อสันติภาพ ซึ่งอาจจะมีความสัมพันธ์กับขบวนการบีอาร์เอ็นที่ไม่เห็นด้วยกับการพูดคุย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังเร่งพิสูจน์ทราบเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง
ส่วนความขัดแย้งระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นั้น เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า ขอไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
