xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ชู พ.ร.บ.กห.เบรกล้วงโผ แต่เปรยถ้าทำได้ก็คงเป็นโชคชะตาให้กองทัพได้ทหารห่วยคุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (แฟ้มภาพ)
ผบ.ทบ.บินลงใต้ ยันเร่งงานลดสถิติรุนแรง วอนอย่าวิพากษ์มั่วทำเจ้าหน้าที่เสียกำลังใจ อ้างจุดบึ้ม 8 ทหารพลีชีพไม่เกิดเหตุนานแล้ว แนะ “อภิสิทธิ์” มาคุยกันภายใน ชี้ผู้ปฏิบัติถ้าไม่มีคุณภาพก็ไร้ประโยชน์ ไม่วิจารณ์ “ปู” ควบ กห.บอกเลือกเองไม่ได้ เผยเจ้าตัวการันตีไม่ทำเสียหาย ปูดบีอาร์เอ็นหวังดึงต่างชาติจุ้น ชู พ.ร.บ.กลาโหมทำการเมืองล้วงลูกโผไม่ได้ แต่เปรยถ้ามีนอกเหนือกว่านี้ก็คงเป็นชะตาฟ้าลิขิตที่ชาติได้ทหารห่วยคุมกองทัพ


วันนี้ (3 ก.ค.) ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อรับทราบการทำงานของหน่วยในพื้นที่ว่าจะไปดูมาตรการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่ยังมีปัญหาอยู่ วันนี้เราได้ใช้ปฏิบัติการทางด้านทหารและ การบังคับใช้กฎหมาย โดยต้องเร่งรัดการทำงาน 3-4 กลุ่มงานให้ขับเคลื่อนพร้อมกัน เพื่อให้สถิติความรุนแรงลดลง สิ่งที่ต้องการคือความร่วมมือของประชาชนเป็นหลัก ส่วนการสูญเสียเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ แต่ต้องเข้าใจว่าเราทำหน้าที่ในลักษณะที่เปิดเผย ไม่มีทางที่เราจะปิดลับได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่มาวิพากษ์วิจารณ์แบบไม่รู้ข้อเท็จจริงอาจทำให้ทหารเสียกำลังใจ และสร้างความกดดัน ทำให้การทำงานมีปัญหา ถ้าไปกดดันเจ้าหน้าที่มากๆ จะเข้าทางผู้ก่อความไม่สงบจนมีความรู้สึกว่าเขาได้เปรียบ เราทำอยู่แล้วเรื่องจรยุทธ์ หรือ การปฏิบัติงานของหน่วยทหารขนาดเล็ก ขณะนี้เรามีการปรับกำลังดำเนินการ แต่ตรงนั้นไม่สามารถทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการว่าให้ไปกำหนดพื้นที่มาให้ชัดเจนว่าพื้นที่ใดที่มีความรุนแรงมากน้อยอย่างไร จะได้ปรับเปลี่ยนแผนการรักษาความปลอดภัย อย่างกรณีระเบิดเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 8 นาย บริเวณนั้นไม่เกิดเหตุนานแล้ว จึงต้องไปสั่งเพิ่มเติมให้กำลังพลระมัดระวังตัวมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงสับเปลี่ยนกำลังหรือลาพัก

เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ต้องการให้รัฐบาลและกองทัพระบุความรับผิดชอบในโครงสร้างการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ให้ชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่มีอะไรกับท่าน เพราะท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และอยู่ร่วมแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้มาตลอด ซึ่งการจัดตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และ พ.ร.บ.ความมั่นคง รวมถึงศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)เกิดขึ้นสมัยนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นความมุ่งหวังของรัฐบาลสมัยนั้นให้งานพัฒนามีการขับเคลื่อน คิดว่าสิ่งที่ท่านห่วงใยคือเรื่องการบูรณาการการ ทั้งนี้ อยากชี้แจงว่าเรื่องแบบนี้ถ้ามีปัญหาอยากให้พูดและแก้ไขกันภายในมากกว่าพูดผ่านสื่อ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดูแลเรื่องเอกภาพและบูรณาการส่วนหนึ่งแล้วและไม่ได้ซ้ำซ้อน แต่ปัญหาอยู่ที่ผู้ปฏิบัติ เพราะเป็นการทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน ทุกวันนี้เราเดินตามยุทธศาสตร์เดียวกันอยู่ เพียงแต่ละบุคคลที่รับหน้าที่ลงไปมีคุณภาพหรือไม่ ถ้าไม่มีคุณภาพก็ไม่มีประโยชน์

เมื่อถามถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้ามาควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม จะทำให้การแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทยมีฝ่ายบริหารอยู่ คือ รัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ที่ปกครองประเทศ ฝ่ายบริหารจะตั้งใคร จะเลือกใครมาบริหาร ไม่ใช่เรื่องของทหาร ไม่ใช่เรื่องของตนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าวิพากษ์วิจารณ์คิดว่าไม่ใช่ทหารแท้ เราสอนผู้ใต้ผู้บังคับบัญชาอยู่เสมอว่าท่านไม่มีสิทธิ์ในการเลือกผู้บังคับบัญชา แต่ผู้บังคับบัญชามีสิทธิ์ในการเลือกท่าน ต้องเคารพการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา นี่คือวัฒนธรรม ถ้าเราไม่มีส่วนนี้ก็รบกันไม่ได้ ดังนั้น การที่นายกฯ มาเป็น รมว.กลาโหมเป็นสิทธิ์ของท่านและรัฐบาล และเป็นไปตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ ตนเลือกไม่ได้ และการที่ท่านมาเป็น นายกฯ ได้ฝากมาบอกกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ว่าท่านจะไม่มาทำอะไรให้กองทัพเสียหาย เพราะฐานะที่เป็นเจ้ากระทรวงต้องทำให้ดีที่สุด

“สิ่งที่ท่านคาดหวัง คือ แก้ปัญหาภาคใต้ให้เร็วขึ้น แต่การแก้ปัญหาภาคใต้ไม่ใช่ว่า เปลี่ยนคนนี้มาทำงานแล้วภาคใต้จะดีขึ้น ไม่มีการบาดเจ็บสูญเสีย มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะไม่ใช่เลขคณิต การแก้ปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาที่ซับซ้อน สิ่งที่ต้องแก้ปัญหา คือ การขับเคลื่อนงานในทุกมิติอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนที่สั่งได้เร็วที่สุด คือ คนที่สูงสุด คิดว่างานต้องเดินหน้าไปได้เร็วขึ้น เพราะท่านสามารถรับทราบข้อมูลและตัดสินใจได้ทันที แต่เดี๋ยวท่านจะบอกอีกว่า ทำไมเหตุการณ์ยังรุนแรง สิ่งนี้จะทำให้เข้าทางฝ่ายโน้น ไม่ใช่ว่าทำตรงนี้แล้วจะเกิดตรงนี้ทันที เป็นไปไม่ได้ ทั่วโลกแก้ปัญหามา 50-60 ปี เปลี่ยนนายกฯมาตั้งกี่คน ยังแก้ไม่ได้ สิ่งที่ผมเกรงคือสิ่งที่เราวิจารณ์โดยไม่ตั้งใจ ท่านไม่รู้หรอกว่าจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกได้เปรียบ แล้วเขาจะคิดว่าเราจะชนะเขาได้อย่างไร หากเราทะเลาะกันอยู่แบบนี้ ผมจึงพยายามสร้างเข้าใจว่า เราเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้าเมื่อไรเขารู้สึกว่า เขาเป็นต่อเรา เขาจะกดดันเราไปเรื่อยๆ ฆ่าเจ้าหน้าที่ไปเรื่อยๆ แล้วเราก็เต้นไปหมด ตำหนิกัน ถ้าผมพูดแล้วบอกว่า ผมปัด แก้ตัว ไม่รับผิดชอบ ถือว่า ไม่เป็นธรรมกับผมและเจ้าหน้าที่ ผมเกรงว่า คนทั้งประเทศและสากลจะไม่เข้าใจว่า ทำไมทะเลาะกันไม่เลิก แล้วจะแก้ปัญหาข้างล่างได้อย่างไร ลูกน้องก็เสียขวัญ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงยึดอยู่เสมอ คือ มาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญไทย ที่เขียนไว้ว่า เราจะแบ่งแยกมิได้ ไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาใดต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติให้ได้ภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ดังนั้น เราจะไม่ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการที่จะแบ่งแยก ประการที่ 2 เราต้องระมัดระวังจะถูกยกระดับขึ้นมาเพราะเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงที่ภายนอกประเทศจะเข้ามาเกี่ยวข้อง ประการที่ 3 มีคำว่า ศาสนา ค้ำอยู่ จะทำอย่างไรให้คนเหล่านี้ยอมรับในรัฐธรรมนูญของเรา และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ส่วนเรื่องการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น ไม่อยากให้พูดถึงเรื่องนี้ทุกวัน จะกลายเป็นการขยายความให้ทางสื่อ บีอาร์เอ็นก็ไปขยายความทางเว็บไซต์ เขาไม่ได้ต้องการอะไรแต่ต้องการให้เราขัดแย้งกันอยู่แบบนี้ พอขัดแย้งกันมากๆจะมีคนมาเกี่ยวข้อง เขาหวังแค่นี้ ส่วนกรณีที่ผู้ก่อความไม่สงบใช้หลักกิโลเมตรวางระเบิดนั้น ต้องลาดตระเวน เฝ้าดู หากจะให้ปลอดภัยต้องดูทุกหลักกิโลเมตร คือ 1. ดูหลักกิโลเมตรข้างถนน 2. ใต้ถนนที่ถูกขุดเจาะ 3. ตามต้นไม้ 4. ตามที่แขวนไว้ข้างบน 5. ซุกไว้ตามเข่ง 6. คอสะพาน 7. ตามถนน แต่หากดูทั้ง 7 อย่างคงใช้เวลาตั้งแต่เช้ากว่าจะไปถึงโรงเรียนในเวลา 15.00 น. นี่คือความจำเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่แต่ถูกบังคับด้วยนำนักเรียนไปส่งตามเวลาที่กำหนด ต้องเอาพระกลับวัดเพื่อฉันเช้า ดูตลาดเปิดเวลา 10.00 น. นี่คือสิ่งที่ทำโดยเปิดเผยแต่อีกฝ่ายอยู่ปะปนกับประชาชนและแอบซ่อนก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่จับกุมมาตลอดแต่ไม่ได้ทั้งหมดดังนั้นอย่าไปขยายความให้เขา

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการมองว่านายกรัฐมนตรีที่เข้ามาควบตำแหน่ง รมว.กลาโหมจะมาล้วงลูกการปรับย้ายนายทหารว่า จะล้วงไหน แล้วจะล้วงได้อย่างไร รู้หรือไม่ว่าเขาปรับย้ายอย่างไร การปรับย้ายทุกครั้งมี พ.ร.บ.กลาโหมอยู่ คือ ต้องมีการประชุมหารือกันในระหว่างเหล่าทัพและต้องมีความเห็นชอบร่วมกัน ที่ผ่านมาไม่มีใครมาล้วงได้ เพราะหน้าที่กระทรวงต้องทำหน้าที่รบกับกับอริราชศัตรู ดังนั้นการจะตั้งคนขึ้นมาทำหน้าที่นี้ถือว่า มีความสำคัญ จึงต้องมี พ.ร.บ.กลาโหมขึ้นมา เพื่อให้การคัดเลือกเกิดความเป็นธรรม ทั้งนี้ ผบ.เหล่าทัพทุกคนมีวุฒิภาวะที่ดีเพียงพอที่จะคัดเลือกคนในกองทัพขึ้นมา อย่ามองว่าตั้งคนขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์กับตัวเอง คิดว่าประเทศชาติสำคัญกว่านั้น การจะตั้งใครขึ้นมารับผิดชอบทำอะไรสำคัญๆต้องมีการไตร่ตรอง ใคร่ครวญ มีคณะกรรมการของแต่ละเหล่าทัพตัดสินขึ้นมา

“ที่ผ่านมาตั้งแต่มีการใช้ พ.ร.บ.กลาโหมยังไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งในส่วนของเหล่าทัพ ตนไม่พูดถึงส่วนอื่น ซึ่งมีการเสนอขึ้นมาตามลำดับชั้น หากไม่ดีหรือทำงานไม่ได้ ผู้บังคับบัญชาที่เสนอมาต้องรับผิดชอบ การแต่งตั้งทุกครั้งยังไม่เคยมีการใช้มติอะไร และยังไม่เคยพูดคำว่า มติในที่ประชุมด้วยซ้ำ ทุกครั้ง ผบ.เหล่าทัพเสนอในส่วนของเหล่าทัพตนเองขึ้นมาในที่ประชุม โดยในที่ประชุมจะสอบถามว่า คนนี้ทำงานอย่างไร โตมาจากที่ไหน ที่ผ่านมาไม่เคยขัดแย้งกัน เป็นวัฒนธรรมของกองทัพ อย่าเอาความรู้สึกว่าตัดสินว่า ต้องเป็นอย่างนั้น ถ้าอะไรที่ไม่ชอบธรรม หรือไม่ถูกต้อง เหล่าทัพคงไม่ทำตาม เพราะมี พ.ร.บ.กลาโหมอยู่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราทำตามกฎหมาย ทำตามคำสั่งทุกประการ ไม่ใช่ว่าเลือกข้างเลือกสีเพื่องบประมาณ หากคิดแบบนี้เป็น ผบ.ทบ.ไม่ได้ หากต้องไปงอนง้อใครเพื่อเป็น ผบ.ทบ. ตนไม่เป็น เพราะไม่เคยขอตำแหน่งใครตั้งแต่เด็ก ดังนั้น ได้สอนทุกคนว่า ให้ผู้บังคับบัญชาเลือกเขาด้วยความดี เลือกแล้วเป็นที่ยอมรับของคนในกองทัพ ไม่ใช่เลือกใครก็ได้มาเป็น ถามว่าจะสั่งใครเขาได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่ พ.ร.บ.กลาโหม มีไว้ป้องกัน หากมีอะไรนอกเหนือไปกว่านี้ คงเป็นเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิต ประเทศไทยคงต้องมีทหารห่วยๆ มาดูแลกองทัพ หากถึงเวลาไปใช้งานก็ไปใช้ก็แล้วกัน อาจจะดีกว่าตนเป็นก็ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น