"นิวัติธำรงค์" เชิญชาวนาถกราคาจำนำข้าวฤดูกาลหน้า คาด 2 สัปดาห์รู้ผล ย้ำยึดตามที่รบ.แถลง ชี้ ควรใช้เทคโนโลยีรวมข้อมูล เพื่อความโปร่งใส ขอก.เกษตร เร่งแจงปลูกพืชทดแทน สร้างความมั่นใจ แนะแยกโกงเกิดจากส่วนใด "หมวดเจี๊ยบ" เผย ครม.คุยปรับราคาจำนำมีข้อดีเพียบ "โต้ง" ชี้ โลกเห็นปรับราคาได้ตามตลาด สะท้อนดูแลชาวนา อ้างลดราคารอบก่อนขาดข้อมูล 40 ส.ว.รักชาติหนุนคงราคา แต่ต้องแก้โกง ชี้ น้ำมันยังอุดหนุนได้
วันนี้ ( 2 ก.ค.) นาย นิวัติธำรงค์ บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า จะเร่ง เชิญตัวแทนชาวนามาร่วมประชุม เพื่อกำหนดราคารับจำนำข้าวในฤดูกาลหน้า โดยเร็วที่สุด คาดว่าจะประกาศได้ ภายใน 1 - 2 สัปดาห์ ข้างหน้านี้ ซึ่ง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ควรมีการชี้แจงราคารับจำนำข้าวในฤดูกาลหน้าโดยเร็ว ทั้งนี้ การกำหนดราคา ควรรักษาสมดุลย์ 4 ประการ ตามที่รัฐบาลเคยแถลงไปแล้ว และควรมีการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ และกล้อง ซีซีทีวี มาใช้ในการรวบรวมข้อมูลเกษตรกรและผลผลิตที่นำมาเข้าโครงการจำนำข้าว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบความโปร่งใส รวมทั้งขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้ง กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งชี้แจงพื้นที่ ๆ จะส่งเสริมให้มีการปลูกพืชทดแทน เช่น อ้อย มันสำปะหลังและข้าวโพด โดยเร็ว และขอให้เร่งเจรจาเพื่อหาตลาดรองรับผลิตผลทางการเกษตรดังกล่าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชทางเลือก ว่าจะผู้ซื้อผลผลิตที่แน่นอน ในราคาที่ดี
นอกจากนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกับผู้ที่ทุจริตในโครงการจำนำข้าวอย่างจริงจัง และควรแจกแจงให้สังคมเห็นว่า เป็นความบกพร่องในส่วนของ 1.ตัวนโยบาย หรือ 2.ขั้นตอนการปฏิบัติ หรือ3. เป็นปัญหาของตัวบุคคคล คือ ผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการปฏิบัติงานหรือปัญหาของตัวบุคคล ก็ไม่ควรโทษว่านโยบายไม่ดี
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เสนอให้คงรับจำนำข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,000 บาท และรับจำนำครัวเรือนละไม่เกิน 500,000 บาท ให้มีผลถึง 15 ก.ย. และภาคใต้ 30 พ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้มติ กขช. วันที่ 18 มิ.ย. มีมติปรับลดราคาจำนำข้าวเหลือ 12,000 บาท ที่ประชุม ครม. ระบุว่าการปรับเปลี่ยนราคาครั้งนี้ได้คำนึงถึง 4 สมดุล คือการสร้างความสมดุลในการดูแลเกษตรกร การดำเนินการตามกลไกตลาด การรักษาวินัยการเงินการคลัง และการดูแลเกษตรกรรายย่อย สิ่งที่ ครม. พูดอย่างกว้างขวางคือเมื่อฤดูกาลผลิตนี้กลับไปใช้ราคา 15,000 บาท แล้วฤดูกาลใหม่จะได้ราคาเท่าไร ซึ่งนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ระบุว่าจะเร่งพิจารณาการกำหนดราคาของฤดูกาลผลิตหน้า เพื่อแจ้งให้เกษตรกรทราบและสามารถวางแผนให้สอดคล้องกับราคาที่จะมีการกำหนดต่อไป
ด้าน ร.ท. หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ค.ร.ม. กล่าวถึงแนวทางชี้แจงหากมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลเรื่องการเปลี่ยนแปลงราคารับจำนำข้าว จาก 12,000 บาท มาเป็น 15,000 บาท โดยที่ประชุมเห็นว่า เป็นเรื่องที่สามารถชี้แจงได้ เนื่องจาก การเปลี่ยนราคาจำนำ เป็น 15,000 บาท นั้น มีข้อดีหลายประการ เช่น นาย กิตติรัตน์ ณ.ระนอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนราคาดังกล่าว จะทำให้ประชาคมโลก โดยเฉพาะ ไอเอ็มเอฟ และสถาบันจัดลำดับความเชื่อถือต่าง ๆ เห็นว่าราคารับจำนำของรัฐบาลไทยสามารถเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับสถานการณ์โลกได้เมื่อจำเป็น นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมุ่งมั่นที่จะดูแลชีวิตเกษตรกร ให้มีรายได้ที่ดีขึ้น ตามกำลังความสามารถของรัฐบาล ส่วนที่ก่อนหน้านี้ กขช. ลดราคาจำนำข้าวเหลือ 12,000 บาท เป็นเพราะขณะนั้น ขาดข้อมูลที่สมบูรณ์เรื่องการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ในส่วนของนาปรัง ล็อตที่เหลือในฤดูกาล 2556 ประกอบกับ ในขณะนั้น มีความกังวลของสังคมว่า ราคาจำนำที่ 15,000 บาท ไม่สะท้อนกลไกราคาข้าวในตลาดโลก จึงนำไปสู่การลดราคาเหลือ 12,000 บาท แต่ขณะนี้ เมื่อ กขช. มีข้อมูลเรื่องจำนวนการขึ้นทะเบียนเกษตรกรครบถ้วนแล้ว และคำนวณว่ารัฐบาลจะสามารถดูแลเกษตรกรได้ ที่ราคารับจำนำ 15,000 บาท จึงมีการปรับขึ้นราคาดังกล่าว
กลุ่ม 40 ส.ว.รักชาติ นำโดยนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ส.ว.ปทุมธานี นายต่วน อับดุลเลาะห์ ดาโอ๊ะมารียอ ส.ว.ยะลา แถลงสนับสนุนการประกาศคงราคารับจำนำข้าว 15,000 บาทต่อตัน โดยนายสิงห์ชัยกล่าวว่า ขอให้รัฐบาลยืนยันราคานี้ตลอดไป แต่ต้องแก้ไขกระบวนการทุจริตทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทาง ไปยันปลายทาง โดยตั้งองค์กรเฉพาะขึ้นมาตรวจสอบ ส่วนการลดราคาขอให้เป็นวิธีการสุดท้าย ขนาดน้ำมันรัฐบาลยังอุดหนุนได้เลย ละขอเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งระบายข้าวออกให้มากที่สุด โดยเฉพาะการนำข้าวไปแลกเปลี่ยนกับสินค้าต่างประเทศ ในแบบจีทูจี สำหรับโครงการบริหารจัดการน้ำตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท พวกตนเห็นด้วยกับโครงการนี้ แต่เป็นคนละเรื่องกับเรื่องทุจริต และอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ และอย่าใช้เทคนิคทางกฎหมายมาล้มโครงการ
นายต่วนกล่าวว่า แม้โครงการข้าวจะขาดทุน แต่รัฐบาลก็ต้องอุดหนุนต่อไป อย่าไปกลัวให้เอาประชาชนมาเป็นหลัก หากรัฐบาลไม่ทำเพื่อประชาชนจะมาเป็นรัฐบาลทำไม เพราะสามารถเอารายได้จากรัฐวิสาหกิจที่ทำกำไรมาชดเชยได้