xs
xsm
sm
md
lg

“แก้วสรร” ยุถ่ายคลิปด่าป้าย “ยิ่งลักษณ์” หน้าด้าน ซัดโฆษณาผู้นำเหมือนเกาหลีเหนือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายแก้วสรร อติโพธิ แกนนำกลุ่มไทยสปริง (ภาพจากแฟ้ม)
ไทยสปริงชุมนุมออนไลน์ครั้งที่ 2 “แก้วสรร” ชี้ “ทักษิณ” ส่ง “สุธรรม” ซ้ายอกหักล้วงลูก อสมท บีบซื้อพรีเมียร์ลีกใช้เป็นทุนการเมือง แทรกรายการจอแดงล้างสมอง ยกเคส “บ้านเอื้ออาทร” เหลือที่ดินเน่า ไม่ต่างจากจำนำข้าว ยุถ่ายคลิปด่าโฆษณาพีอาร์ยิ่งลักษณ์ “หน้าด้าน” ชี้ไม่ต่างจากเกาหลีเหนือ โฆษณาชวนเชื่อผู้นำ “วสิษฐ์” เผยเตรียมจัดอีก 4 ครั้งก่อนประมวลผลกำหนดทิศทางกลุ่ม



วันนี้ (30 มิ.ย.) แฟนเพจ “Thai Spring Forum” ของกลุ่มไทยสปริง ได้มีการนำคลิปไทยสปริงตอนที่ 2 ระบอบทักษิณ รัฐบาลขี้หมูไหล โดย นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการ คตส.ได้อธิบายถึงความหมายของระบอบทักษิณ...รัฐบาลขี้หมูไหล ว่า มีจุดกำเนิดจากการใช้เงินซื้ออำนาจใช้อำนาจสร้างบารมี ซื้อเครือข่าย สร้างกระบอกเสียง โฆษณาชวนเชื่อ หว่านประชานิยมให้ประชาชนเสพติด สร้างขุมกำลังในทุกระบบตั้งแต่การเมือง ข้าราชการไปจนถึงการปลุกปั่นประชาชนให้กลายเป็นทาสรับใช้ โดยมีหัวหน้าแก๊งคือ ประมุข และคนใกล้ชิด ใช้คนหลายรูปแบบมีทั้ง ขี้ข้าใกล้ตัว นักเลือกตั้งมืออาชีพ ขุนนางสวามิภักดิ์ นักเลือกตั้งอาชีพ เสธซ้ายเก่าไร้สำนึก นักวิชาการปล่อยไวรัส นักกระบอกเสียง นักปลุกระดม อันธพาลใหญ่ อันธพาลน้อย นักจัดตั้งระดับพื้นที่ และมวลชนเสพติด โดยทั้งหมดจะถูกใช้งานอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างฐานอำนาจ แสวงหาประโยชน์ และทำลายระบบการปกครองเดิมให้สั่นคลอนเพื่อให้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ จึงขอยืนยันว่าระบอบทักษิณมีชีวิตที่ยังเคลื่อนตัวตลอดเวลา ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นไม่มีโครงสร้างแบบนี้ และประเทศไทยไม่เคยมีระบอบแบบนี้

“ผมเคยสงสัยว่าในหลวงท่านไปทำอะไรให้พวกนี้ ทำไมจึงปล่อยไวรัสทำลายตลอด ผมมีคำตอบเพราะระบอบทักษิณต้องดึงคนมาแยกออกจากประชาชนมารวมเป็นสาวกเขาให้ได้ ผูกขาดว่าตัวเองคือความหวัง สร้างอำมาตย์ไล่จนถึงหัวหน้าอำมาตย์ เพราะถ้าสามารถสลายความเชื่อถือต่อสถาบันได้ เราจะกลายเป็นทรายร่วนๆ ที่ให้เขาตักไปใส่ถังหรือปั้นแต่งได้ตามจริง สถาบันกษ้ตริย์คือสิ่งที่ขวางทางระบบทักษิณ ทรงเป็นองค์คุณของความสมานฉันท์การอยู่ร่วมกันของบ้านเมือง ทรงยากลำบากมาตลอดพระชนมายุเพื่อสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นถ้าจะทำลายความสมานฉันท์จนเป็นเม็ดทรายที่อยู่โดยลำพังไม่ได้ ทางเดียวคือการปล่อยไวรัสทางปัญญาลงไป นี่คือหน้าที่ของนักวิชาการพวกนี้ และมีการจัดตั้งกลุ่มบุคคลให้รวมตัวด้วยความเกลียดชัง เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ จึงเป็นหน้าที่ของเราต้องปฏิบัติต่อคนเสื้อแดงโดยสมานฉันท์ เพราะคนเหล่านี้ไม่เห็นอนาคตในวันรุ่งขึ้น เป็นเหยื่อของระบอบทักษิณ เราต้องทำให้คนเหล่านี้ปลีกตัวออกจากบ่วงมาของระบอบนี้” นายแก้วสรร กล่าว

นายแก้วสรร กล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา ได้ก่ออาชญากรรมกลางเมืองหลวง เกิดการเสียชีวิต มีความสูญเสียในบ้านเมือง แต่แกนนำกลับทอดทิ้งคนตามให้ตาย ตัวเองไปกินปูนึ่งอยู่ที่หัวหิน ชาวบ้านค้างอยู่วัดปทุม แกนนำที่ไหนทิ้งคนตามตาย ถ้าแน่จริงต้องตายก่อน เพราะฉะนั้นพวกนี้มันล่อคนไปตาย เรียกแกนนำยกย่องมากไป

“นอกจากนี้ยังเห็นว่าตระกูลชินวัตร เป็นตระกูล “ซุก” เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้ทั้งลูกชาย ลูกสาว และหลานสาวในการซุกหุ้น โดยบางครั้งก็ยังไปไกลถึงการซุกของโจร เช่นกรณีการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย 9,000 ล้านบาท ที่มีหลักฐานเส้นทางการเงินจำนวนหนึ่งไปที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเห็นว่าอาจเป็นเพราะเคยชินกับการซุกทำให้ในปัจจุบันนายพานทองแท้ยังซุกทีมงานไว้โพสต์เฟซบุ๊คแล้วอ้างว่าเป็นการโพสต์ด้วยตัวเอง” นายแก้วสรร กล่าว

นายแก้วสรร กล่าวว่า ขณะนี้ นายสุธรรม แสงประทุม ประธานบอร์ด อสมท ซึ่งตนขอเรียกว่าซ้ายไร้สำนึก เป็นคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯตัวจริงแต่งตั้งให้ไปทำหน้าที่นี้ กำลังล้วงลูกบีบให้ อสมท ซื้อพรีเมียร์ลีก เพื่อใช้เป็นทุนทางการเมืองในการขยายฐานเสียงกับคนในแวดวงกีฬา โดยจะตั้งทีวีที่จ่ายตังค์ต้องซื้อกล่องแล้วเอาพรีเมียลีกมาเป็นตัวล่อ สอดแทรกด้วยการจัดรายการล้างสมองประชาชน เพื่อขยายฐานจากทีวีแดงให้ครอบคลุมประชาชนมากขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการลงทุนซื้อพรีเมียร์ลีก เป็นการลงทุนทางการเมืองไม่ใช่การลงทุนทางธุรกิจ ต้องลงทุนถึงปีละ 160 ล้านบาท 3 ปี 480 ล้าน ถ้าจะให้คุ้มทุนต้องหาโฆษณา 1 นาทีให้ได้ 20 ล้าน ขาดทุนแน่นอน อย่างนี้เรียกประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ คิดได้ยังไงเห็นพรีเมียลีกเป็นทุนในการมอมเมาประชาชน เพราะฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ มีคนพร้อมรับใช้ทุกอย่าง เช่น กรณีพวกซ้ายไร้สำนึก

นายแก้วสรร ยังได้ยกตัวอย่างโครงการบ้านเอื้ออาทรในรัฐบาลทักษิณ ที่ให้ความหวังกับคนจนเมืองว่าจะมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ผ่านการลงทุนของรัฐบาลโดยยืนยันว่าจะไม่ขาดทุน แต่ในทางปฏิบัติเมื่อมีการดำเนินโครงการกลับแสวงหาประโยชน์ตั้งแต่ ที่ดิน ไปจนถึงการก่อสร้าง จนทำให้เกิดความล้มเหลวรัฐเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท เพราะสร้างไม่เสร็จ การเคหะฯต้องอมที่ดินเน่าเหมือนข้าวเน่าในสต๊อค และสุดท้ายก็ไปเอาที่ดินไกลๆ ของพรรคพวกตัวเอง ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ไม่มีใครไปอยู่ จนกลายเป็นบ้านเอื้ออาทรร้าง ซึ่งโครงการนี้ยังพบว่า นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตเลขา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ผลประโยชน์จากที่ดินด้วย โดยเส้นทางการเงินจากการทุจริตในโครงการบ้านเอื้ออาทรโยงไปถึงข้าว คือบริษัท เพรสซิเดนท์อะกริ เจ้าของคือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง แล้วออกไปข้างนอก มีจำนวนเงินที่ตามได้จากการจ่ายเงินล่วงหน้าถึง 1,400 ล้านบาท ซึ่งตนเชื่อว่าหากตามเส้นทางการเงินกรณีจำนำข้าวในปัจจุบันหาก ก็จะพบว่าเป็นคนเครือข่ายเดียวกันทั้งสิ้น

“เงินทุจริตบ้านเอื้ออาทรเข้าบริษัท เพรสสิเดนท์อะกริ มี นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง เป็นเจ้าของมียอดเงินที่ตามได้ 1,400 ล้าน คนๆ นี้คือผู้ชำนาญการในการจัดการคอร์รัปชัน สร้างสินค้า เรียกโควตา ส่งเงินให้นายต่างประเทศ ฟอกเงินกลับมาในฐานะค้าข้าว มือๆ นี่ละครับที่ทำโครงการจำนำข้าว มือๆ นี้ที่สั่งโครงการบ้านเอื้ออาทร ไม่ใช่รัฐมนตรี นี่คือรัฐมนตรีเอื้ออาทรตัวจริง และปัจจุบันคือรัฐมนตรีจำนำข้าวมันนี่แหละสองหนเลย อยากให้ฟ้องจะได้แฉมาชนกันเลย คนๆ นี้ถ่ายรูปคู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีใบฝากตัวของอธิบดีในกระทรวงพาณิชย์คนหนึ่งว่าจะทำตามนโยบายทุกอย่างให้บอกรัฐมนตรีด้วย และในที่สุดอธิบดีคนดังกล่าวก็ได้เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์คุมจำนำข้าว นี่คืออินไซด์ขุนนางสวามิภักดิ์จับมือกับมือจัดการการคอร์รัปชัน ในการสอบของ คตส.มีสิบบริษัทยอมรับว่า จ่ายเงินให้เสี่ยคนนี้ นี่คือคนที่ระบอบทักษิณใช้ทั้งในบ้านเอื้ออาทรและจำนำข้าว” นายแก้วสรร กล่าว

นายแก้วสรร ยังเชิญชวนประชาชนทำภารกิจพลเมืองร่วมจัดการโฆษณาหน้าด้านที่ใช้งบแผ่นดินเป็นร้อยล้านไปหาเสียงให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำให้ไทยมีสภาพไม่ต่างจากเกาหลีเหนือที่เต็มไปด้วยภาพโฆษณาผู้นำประเทศ ด้วยการส่งภาพประจานพริตตี้ระบอบทักษิณระบาดบนป้ายคัตเอาต์ โดยขอให้คนไทยถ่ายภาพมาโพสต์ในเว็บเพจไทยสปริงฟอรั่ม แนะหน้ากากขาวเจอป้ายที่ไหนนัดรวมตัวหน้าป้ายด่าประจาน “หน้าด้าน”

นายขวัญสรวง อติโพธิ นักวิชาการกล่าวว่า มีความพยายามจะรักษาอำนาจด้วยการแสวงหาประโยชน์จากโครงการต่างๆ นี่คือศูนย์รวมที่ทำให้เกิดรัฐบาลขี้หมูไหลมารวมกัน คือทำโครงการให้ฟังดูดี แต่ลงมือทำแล้ว “ทำเหี้ย” เกิดความ “เสียหาย” แต่ “ไม่รับผิดชอบ” เช่นโครงการน้ำที่กำลังมีปัญหาก็ไม่มีใครรับผิดชอบ

ขณะที่ พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร อดีตนายตำรวจประจำราชสำนัก กล่าวว่า จากการสำรวจอย่างคร่าวๆ ถึงการออนไลน์ครั้งแรกที่ออกไปพบว่ามีผู้ที่เข้ามารับชมคลิปผ่านเฟซบุ๊กกว่า 60,000 คนในรอบหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งต่อไปจะมีการจัดเวทีในลักษณะเช่นนี้อีก 4 ครั้ง และจะมีการประมวลความเห็นของประชาชน เพื่อกำหนดทิศทางของกลุ่มต่อไป พร้อมย้ำว่าการต่อสู้ของกลุ่มไทยสปริงด้วยอาวุธทางปัญญา โดยยกตัวอย่างการต่อสู้ของนายสมชัย กตัญญุตานนท์ หรือ ชัย ราชวัตร ที่ใช้การเขียนการ์ตูนเป็นเครื่องมือในการแสดงออกทางการเมือง


กำลังโหลดความคิดเห็น