xs
xsm
sm
md
lg

“ไทยสปริง” จัดชุมนุมออนไลน์ “วสิษฐ” ปลุกคนไทยแข็งข้อต่อสู้พวกทรยศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร (ภาพจากแฟ้ม)
กลุ่มไทยสปริงโพสต์วีดีโอคลิปชุมนุมออนไลน์ “พล.ต.อ.วสิษฐ” ปลุกคนไทยแข็งข้อพวกทรยศ ย้ำศาลรัฐธรรมนูญจะค้ำจุนประชาธิปไตย ยันไล่รัฐบาลตามสิทธิ “แก้วสรร-ขวัญสรวง” ประสานเสียง สิงหานี้รัฐบาลจะล้างผิด “บรรเจิด” ชี้ไม่อาจปล่อยชาติถูกเสียงข้างมากกำหนดโดยลำพัง



วันนี้ (23 มิ.ย.) เฟซบุ๊กแฟนเพจ “Thai Spring Forum” ของกลุ่มไทยสปริงได้มีการโพสต์คลิปชุมนุมออนไลน์ครั้งที่ 1 “ทำไมไทยสปริง ทำทรราชข้างมากให้ชัดเจน” เมื่อเวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นไปตามปฏิทินไทยสปริงฟอรั่มที่จะจัดชุมนุมออนไลน์เสมือนจริงเพื่อให้ความรู้กับประชาชนเตรียมความพร้อมให้คนไทยตกผลึกทางความคิดก่อนถึงเดือนสิงหาคมที่รัฐบาลจะพิจารณาร่างกฎหมายปรองดองและนิรโทษกรรมในที่ประชุมสภา ซึ่งจะเป็นการทำลายระบบกฎหมาย ล้มล้างอำนาจตุลาการอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับประเทศใดในโลกมาก่อน

โดยมีการแบ่งกิจกรรมการชุมนุมออกเป็น 6 ตอน คือ 1 ทำไม ไทยสปริง “ทำทรราชข้างมากให้ชัดเจน 2 รัฐบาลขี้หมูไหล ฉายภาพรัฐบาลหุ่น เหลวไหล พึ่งพาไม่ได้ 3 รถรางคันนั้น ชื่อปรารถนา ชี้บ่งชุดนโยบายประชานิยม ที่กำลังลากจูงประเทศไปสู่หายนะ 4 ...เหยียบเมฆ สังเคราะห์ความยอกย้อนล้ำลึกของคอร์รัปชั่นระบอบทักษิณ 5 ลงแขกแล้วสู่ขอ ร่วมคลี่คลายความลวงโลกของร่างกฎหมายปรองดอง และ 6 แข็งข้อ พวกทรยศ ทำความเข้าใจสิทธิแข็งข้อของประชาชนที่รัฐธรรมนูญปัจจุบันรองรับไว้ โดยในตอนแรกมีวิทยากรประกอบด้วย นายแก้วสรร-ขวัญสรวง อติโพธิ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ผู้ประสานงานไทยสปริง และนายบรรเจิด สิงคเนติ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย

พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวถึง เหตุผลที่ชักชวนให้ประชาชนร่วมกันแข็งข้อพวกทรยศ เพราะทนพฤติกรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ร้ายประเทศไทยจากการปาฐกถาที่อูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ไม่ได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อคัดค้าน และจัดการชุมนุมออนไลน์เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในการต่อสู้กับรัฐบาลที่ไม่ได้ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

“มีการตั้งคำถามมากครับว่าเราจะปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังกันรึเปล่า ไม่ใช่ ...สิ่งที่เราไม่อยากเห็นที่สุดคือความเกลียดชังของคนไทยด้วยกัน เราอยากจะเห็นความรักใคร่ปรองดอง ปรองดองแบบเรานะฮะ ไม่ใช่ปรองดองแบบเฉลิม อยากจะเห็นความเข้าใจของคนไทยหรือความสามัคคี ความสามัคคีที่พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งแล้วรับสั่งอีกว่าเป็นปัจจัยสำคัญของการอยู่รอดของประเทศไทย ถามอีกว่าเราต้องการไล่รัฐบาลนี้หรือเปล่า ตอบว่าเราต้องการไล่รัฐบาลนี้ครับ แต่เป็นการไล่ตามกฏหมาย ตามสิทธิที่เรามีอยู่ ตามรัฐธรรมนูญ เป็นการไล่แบบผู้ดีไล่ ไม่ใช่กุ๊ยไล่ เพราะฉะนั้นรับรองได้ว่า ไม่มีแน่นอนครับ ไอ้ที่จะไปทำอะไรนอกกฏหมายเนี่ย เราทำอย่างเปิดเผย สงบ ปราศจากอาวุธ อาวุธของเรามีแค่นี้” พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าว

ด้านนายแก้วสรรและนายขวัญสรวง แสดงความเป็นกังวลต่อความขัดแย้งในสังคมไทยที่หยั่งรากลึกจนทำให้เกิดความแตกแยกถึงระดับครอบครัว ซึ่งทั้งหมดล้วนมีที่มาจากระบอบทักษิณที่ใช้เงินซื้ออำนาจ ใช้อำนาจสร้างฐานกำลัง แสวงหาประโยชน์ นำเงินกลับมาซื้ออำนาจ ทำลายวัฒนธรรมที่ดีงามของระบอบประชาธิปไตย ด้วยการสร้างความเข้าใจผิด บิดเบือนความจริง บริหารประเทศบนความเกลียดชังเพื่อประโยชน์ทางการเมือง จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องลุกขึ้นมาต่อต้านไม่ให้ระบอบทักษิณครอบงำระบอบประชาธิปไตยของไทย เพื่อไม่ให้ความเป็นปรกติสุขของประเทศถูกทำลาย เพราะตอนนี้มีการทำลายสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค จนทำลายความสมานฉันท์ของคนในประเทศจนหมดสิ้น ไทยสปริงเกิดจากความอึดอัดของคนในสังคมไทยที่ระบอบทักษิณทำลายการยึดโยงของสังคมไทย ทำให้คนไทยต้องเผชิญหน้ากับความแตกแยกอย่างรุนแรง คนไทยทุกคนไม่ว่าจะสีไหนก็ตามจึงควรใช้สิทธิแข็งข้อพวกทรยศที่ไม่ใช้อำนาจเพื่อประชาชน ไม่ปฏิบัติตามคำถวายศัตย์ปฏิญาณตนตามรัฐธรรมนูญ

นายแก้วสรร ยกตัวอย่างว่า การที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ บอกว่าจะไม่สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติภูเก็ต เพราะไม่ได้เลือกส.ส.เพื่อไทยแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้สร้างความเสมอภาคให้เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ ทั้งที่เลือกตั้งเพื่อทำงานส่วนรวมไม่ใช่การได้สัมปทานที่จะไปทำอะไรก็ได้

“สิงหานี้รัฐบาลจะล้างผิด ตั้งแต่ด่าในหลวง วางเพลิง ยิงคน ถือเป็นคดีการเมืองไม่ผิดทั้งหมด ใครวางเพลิง ใครด่าในหลวง พวกคุณทั้งนั้นแสดงว่าพวกคุณจะอยู่เหนือกฎหมาย คนอื่นทำผิดติดคุกโว้ย พวกข้าไม่ต้องติด คนอื่นคอร์รัปชั่นติดคุก นายข้าไม่ผิด ความเสมอภาคหายไป พวกเราที่เป็นเสียงข้างน้อยในหีบเลือกตั้งยอมมั้ยครับ ก็มีคำถามว่ากูจะอยู่กับมึงทำไม ภาษีกูก็เสีย คนภูเก็ตบอกว่าเขาเสียภาษีให้คนภูเก็ตใช้คนอื่นอย่ามาใช้ ก็ไม่เอา ภายใต้ระบอบทักษิณเล่นพวกเล่นพ้อง สร้างความเกลียดชัง คุณทักษิณก็เคยพูดใครเลือกเราเราให้ก่อน การเลือกตั้งไม่ใช่ให้สัมปทาน ระบอบทักษิณจึงอ้างความเสมอภาคทางการเลือกตั้งมาทำลายความเสมอภาคในทางสิทธิเสรีภาพของประชาชน ส่วนนายกเป็นแค่พริตตี้ของระบอบทักษิณเท่านั้น กฎหมายไม่ได้เป็นใหญ่แต่ตีนมาเป็นใหญ่ ถูกละเมิดสิทธิสารพัดจะชุมนุมก็เห็นหน้าเอกยุทธลอยมา นี่คือบรรยากาศที่รัฐบาลสร้างขึ้น” นายแก้วสรร กล่าว

นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า เราไม่ต้องการยุแหย่ให้เกิดความเกลียดชัง แต่เราต้องรู้ว่าความเกลียดชังเกิดจากอะไร เพราะฉะนั้น ทำไมไทยสปริง นี่คือคำตอบว่าการสร้างระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม เอาระบอบทักษิณเป็นราหูมาอมจันทร์เป็นทรราชเสียงข้างมาก อ้างชนะเลือกตั้งแต่ทำลายหมด ทั้งสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค อย่างนี้ไม่เรียกว่าประชาธิปไตย

ด้านนายบรรเจิด กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นแค่เสื้อคลุมประชาธิปไตย่เนื้อในเผด็จการ โดยชี้ว่า ประเทศประชาธิปไตยมีสี่หลัก คือ มีเสรีในการเลือกตั้ง มีเสรีในการตั้งพรรคการเมือง การสมัครรับเลือกตั้งต้องเสรี และผู้แทนของประชาชนต้องมีเสรีในการตัดสินใจ แต่ประเทศไทยขาดเสรีในการลงสมัครรับเลือกตั้งเพราะต้องสังกัดพรรคการเมืองและไทยเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้สังกัดพรรคการเมือง จนเปิดช่องให้ระบอบทักษิณเติบโตอย่างเข้มแข็งมาก นอกจากนี้ไทยยังไม่มีเสรีภาพของผู้แทนที่จะต้องตัดสินใจโดยสำนึกของตน แม้จะมี รธน.คุ้มครองแต่ก็มีบทบัญญัติห้ามไม่ให้ส.ส.ละเมิดมติพรรคจะต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคและส.ส. ในขณะที่พรรคการเมืองเป็นบริษัทจำกัดเป็นสมบัติส่วนบุคคลของทุน คุมสภาผู้แทนราษฎร คุมฝ่ายบริหาร ระบบเสียงข้างมากไม่ยึดอุดมการณ์ ทำตามกระเป๋าเงินคุมอำนาจทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ทำให้ตำแหน่งต่าง ๆ ต้องบินไปฮ่องกง ดูไบ สะท้อนว่าไทยไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยทั้งในแง่วิชาการและความเป็นจริง

“สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอาการของโรคเผด็จการ เช่น เป็น ส.ส.อยู่แล้วลาออกมา สมัคร ส.ส. ทำตามความต้องการของคนมีอำนาจสั่งการประเทศนี้ได้ทุกอย่าง นี่คือโรคไม่เป็นประชาธิปไตยที่ถูกชาวดอนเมืองสั่งสอน เพราะฉะนั้นเสื้อคลุมประชาธิปไตยเนื้อใดเผด็จการรัฐสภาของพรรคการเมืองนายทุน สูบความมั่งคั่งไปสู่ชนชั้นนำ สุบความมั่งคั่งจากงบประมาณแผ่นดิน สินทรัพย์ของประเทศไปอยู่ที่คนกลุ่มเดียว ผ่านเครื่องมือเผด็จการรัฐสภาจากการรวมศูนย์กลไกราชการในการสั่งการ ยังไม่รวมเครือข่ายอันธพาล นักเลง นี่คือสิ่งที่กลืนกินประเทศไทยทุกขณะจิต เป็นอันตรายที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่” นายบรรเจิด กล่าว

นายบรรเจิด กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างเสียงข้างมากกับศาลรัฐธรรมนูญและมวลชนของกลุ่มการเมืองนั้น ตนอยากชี้แจงว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นระบบที่ออกแบบจากประเทศเยอรมันจากประสบการณ์เจ็บปวดของเผด็จการนาซี จนมีการปฏิรูปประเทศใหม่ในปี 1948 มีการวางรากฐานประเทศใหม่ ด้วยหลักคิดว่า เราไม่อาจปล่อยให้ประเทศถูกกำหนดทิศทางโดยเสียงข้างมากโดยลำพัง นี่คือการสรุปจากความหายนะของประเทศเยอรมันจนต้องปฏิรูปประเทศวางโครงสร้างทางการเมืองใหม่ จึงสร้างกลไกถ่วงดุลเสียงข้างมากในสภาด้วยการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งประเทศไทยไม่ได้เป็นระบบรัฐสภาตามแบบอังกฤษแต่เป็นระบบที่ผูกพันภายใต้รัฐธรรมนูญ คือมีศาลรัฐธรรมนูญมาถ่วงดุลว่าอำนาจต้องใช้ภายใต้รัฐธรรมนูญมีศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดไม่ให้มีการใช้อำนาจเกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนด พร้อมกับยกตัวอย่างฮิตเลอร์ว่าก้าวขึ้นสู่เผด็จการโดยอาศัยบันไดประชาธิปไตยที่มอบอำนาจให้ จุดอ่อนประชาธิปไตยคือกินตัวเอง เพราะจะขยายอำนาจทำลายการตรวจสอบจนทำลายตัวเองในที่สุด และในขณะนี้ไทยกำลังเดินตามรอยเยอรมันอยู่

นายบรรเจิด กล่าวว่า คนไทยต้องให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญในการถ่วงดุลกับฝ่ายบริหารที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญเยอรมันใช้อำนาจเพื่อพิทักษ์กติกาประชาธิปไตย พิทักษ์คุ้มครองฝ่ายข้างน้อย และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทำให้อำนาจเกิดดุลยภาพ แต่วันนี้ประเทศไทยกำลังหายนะ ถ้าคนไทยไม่ช่วยกันลุกขึ้นมาถ่วงดุลชาวศาลรัฐธรรมนูญ ถ่วงรั้งไม่ให้ประเทศไปสู่หายนะ จากเสื้อคลุมประชาธิปไตยเนื้อในเผด็จการที่เอาประชาธิปไตยมาสร้างความชอบธรรม อ้างเป็นตัวแทนประชาชนทั้งที่เนื้อในเน่าเฟะ เหลวแหลกนำชาติไปสู่หายนะ โดยมีการอาศัยงบระมาณแผ่นดินไปยึดกุมฐานเสียงผ่านประชานิยมสร้างความเข้มแข็งให้เผด็จการ เพื่อกลืนกินประเทศอย่างราบคาบโดยอาศัยเงินของประชาชนมาทำลายแผ่นดินของประชาชน แผ่นดินสุวรรณภูมิอาจจะเหลือเพียงชื่อในอนาคตข้างหน้าเพราะถูกกลืนกินไป นี่คือหายนะที่รออยู่ข้างหน้าของประเทศไทย

“ผมถามว่าการขาดทุนในโครงการจำนำข้าวไม่มีความรับผิดชอบขอสังคมประชาธิปไตยหรือ เราต้องถามว่าอะไรคือความรับผิดชอบต่องบประมาณแผ่นดินที่สูญเสียไปเป็นเงินหลายล้านล้าน แต่เขาไม่สนใจเพราะจะใช้งบประมาณเพื่อยึดกุมสร้างฐานที่มั่นในทางประชาธิปไตยเพื่อเผด็จการ ซึ่งต้องไม่ลืมว่าการที่ประชาชนมอบอำนาจให้ใช้อำนาจรัฐที่ทำเนียบรัฐบาลก็เพื่อให้ตอบสนองต่อประโยชน์สาธารณะ เมื่อใดก็ตามที่คุณใช้อำนาจนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง คุณคือผู้ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ผู้ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนไม่มีความชอบธรรมแม้แต่นาทีเดียวที่จะนั่งในตำแหน่งอีกต่อไป” นายบรรเจิด กล่าว

พล.ต.อ.วสิษฐ สรุปจุดยืนของไทยสปริงโดยขอให้คนไทยหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อแข็งข้อต่อสู้กับพวกทรยศ โดยไม่แบ่งแยกสี และย้ำว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นตัวจักรสำคัญที่จะค้ำจุนประชาธิปไตยอย่าปล่อยให้กุ๊ยไปไล่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ประชาชนควรไปให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญด้วย พร้อมกับยกพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวสยาม” ถือเป็นสัญญาที่พระองค์ทรงให้ไว้กับประชาชน ในขณะที่รัฐบาลเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระมหากษัตริย์ และการปฏิญาณตนของสภา เก๊หมด เพราะคนที่สั่งให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีอยุ่ที่ดูไบ ประธานรัฐสภาเอามติของสภาไปทูลเกล้าฯ ว่าเลือกนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นการโกหกพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงต้องลงพระปรมาภิไธยตามรัฐธรรมนูญ ท่านไม่มีทางเลือก แต่ทั้งหมดคือการโกหกเป็นลำดับ สภาโกหก ประธานสภาโกหก ในที่สุดตนจึงบอกว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเก๊ สภาก็เก๊ รับไม่ได้ทั้งสองอย่าง


กำลังโหลดความคิดเห็น