“คำนูณ” เตือน “พงษ์ภาณุ” รองปลัดคลัง คิดให้ดีลงนามกู้เงินแผนจัดการน้ำส่วนที่เหลือ 3.4 แสนล้าน ชี้ถ้าไม่ยอมทำตามฝ่ายการเมืองจะได้รับการยกย่อง แนะประชาชนฟ้องศาลปกครองอีกครั้งโดยให้เพิกถอนมติ ครม.เพื่อล้มโครงการน้ำไปเลย พร้อมกระทุ้ง ป.ป.ช.ฟันคณะรัฐมนตรีฐานผิดกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 103/7 ว่าด้วยการประมูลโดยไม่ประกาศราคากลาง
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี ถึงกรณีที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้รัฐบาลนำแผนบริหารจัดการน้ำไปจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียก่อนจะดำเนินการจ้างออกแบบแต่ละแผนงานว่า ผลทางกฎหมายต่อไป คือศาลปกครองไม่ได้บอกไม่ให้ดำเนินการ ไม่ได้บอกว่าโครงการผิด ไม่ได้บอกว่ากู้เงินไม่ได้ เพียงแต่บอกว่ายังดำเนินขั้นตอนไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ
พ.ร.ก.กู้เงินน้ำท่วม 3.5 แสนล้านนี้จะหมดอายุในวันที่ 30 มิ.ย. 2556 ถ้านับเวลาราชการ ก็คือสิ้นสุดวันพรุ่งนี้ (28 มิ.ย.) ที่การกู้เงินในส่วนที่เหลือ 3.4 แสนล้านบาทจะทำได้ ในทางกฎหมายถือว่าพ.ร.ก.ยังอยู่ ไม่ได้ถูกเพิกถอน แล้วที่เป็นความลำบากใจคือบังเอิญว่าศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยความถูกต้องไปแล้ว ฉะนั้น พ.ร.ก.กู้เงินฉบับนี้ยังคงถูกต้องอยู่ ที่สำคัญไม่ได้เพิกถอนมติ ครม.แปลว่าตัวโครงการยังอยู่ ฉะนั้นการกู้เงินจะเกิดขึ้นได้ก็อยู่ที่ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ที่เพิ่งถูกปรับย้ายมารับผิดชอบงานแทน นางสาวสุภา ปิยะจิตติ ว่า เวลาราชการที่เหลืออยู่วันพรุ่งนี้ ตัดสินใจว่าจะลงนามหรือไม่ ตนค่อนข้างเชื่อว่าท่านอาจต้องลงนาม แต่ก็หวังลึกๆว่าจะไม่ตัดสินใจลงนาม แม้ว่าท่านจะประสบเหตุเพศภัยอะไรต่อไป แต่พี่น้องประชาชนจะจดจำสิ่งที่ท่านทำ
แต่ถ้าทำตามฝ่ายการเมืองกู้มาอีก 3.4 แสนล้านบาท แม้ว่าโครงการจะได้ทำหรือไม่ก็ไม่รู้ กู้มากองไว้เฉยๆ ตนฝากไปถึงรองปลัดกระทรวงการคลัง ว่าถ้าท่านลงนามกู้ท่านก็เป็นข้าราชการธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ถ้าตัดสินใจไม่กู้ท่านจะได้ลิ้มรสชาติแห่งความปลาบปลื้มปีติในการทำสิ่งที่ถูกที่ควร
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า ประเด็นคดีในศาลปกครองเป็นชัยชนะของประชาชนในระดับหนึ่ง แต่ยังหวาดเสียวอยู่ เพราะสิ่งสำคัญคือ พ.ร.ก.กู้เงินยังอยู่ มติ ครม.ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ยังไม่ถูกเพิกถอน ซึ่งการเพิกถอนมติ ครม.นั้นสามารถทำได้โดยศาลปกครอง แต่เกิดภายใต้คดีนี้ไม่ได้เพราะผู้ฟ้องไม่ได้ร้องให้เพิกถอน สิ่งที่ตนคาดหวังคือน่าจะต้องมีคดีใหม่ ประชาชนต้องเดินหน้าฟ้องร้อง ว่าการดำเนินโครงการน้ำนี้ผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554 มาตรา 103/7 เฉพาะวรรคแรกระบุว่า “ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการจัดทำข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโดยเฉพาะราคากลางและการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้” ซึ่งโครงการนี้ผิดชัดเจน เพราะคิดไปสร้างไป ไม่มีการกำหนดราคากลาง
นอกจากที่ศาลปกครองแล้ว ประเด็นใหญ่สุดของโครงการนี้อยู่ที่ว่าจงใจปฏิบัติขัดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 มาตรา 103/7 ดำเนินการประมูลและอนุมัติโดยไม่มีการประกาศราคากลาง กรณีนี้ไม่ต้องมีคนไปร้อง ป.ป.ช.ก็สามารถทำเองได้ และตนอยากให้ทำเอง ถ้าไม่ทำ ประชาชนก็ต้องไปฟ้อง ป.ป.ช.ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
สิ่งที่ต้องทำต่อไป ตนอยากเห็นคดีใหม่ ประชาชนไปฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนมติ ครม.ซึ่งถ้าศาลเพิกถอนแปลว่าโครงการนี้จบ แต่ถ้านี่โครงการนี้ยังอยู่ รัฐบาลก็ยังสามาถไปอุทธรณ์แล้วก็ดำเนินการใหม่