xs
xsm
sm
md
lg

“องอาจ” แฉรัฐนำเข้าสารพิษรมควันข้าว 62% - “มัลลิกา” ร้องชาวนาทวง “เจ๊ ด.” งาบจำนำข้าว 1.3 แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธาน ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ภาพจากแฟ้ม)
ประธาน ส.ส.กทม.ปชป.ชี้รัฐนำเข้าสารเมธิลโบร์ไมด์รมควันข้าวสูงมาก ทำสัตว์หลายชนิดตายคาโกดัง สวนทางข้อตกลงอียูให้เลิกใช้ตั้งแต่ มิ.ย. 55 แนะตั้งกรรมการกลางสุ่มตรวจ สร้างความมั่นใจผู้บริโภค ด้าน “มัลลิกา” แนะชาวนาทวงเงิน “เจ๊ ด.” งาบเงินจำนำข้าว 1.3 แสนล้าน ชี้ทิ้งช่วงเวลาตรวจสต๊อกเหมือนบอกโจรก่อนไปจับ หยันปรับ ครม. ออกไปแต่ร่างทรงยังอยู่



วันนี้ (25 มิ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ตรวจสอบโกดังเก็บข้าวสารของ อคส.ในโครงการจำนำข้าว 2 แสนกระสอบ พบว่ามีซากหนู แมว คางคกตายจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุมาจากการใช้สารเคมีกำจัดแมลง หรือสารรมควันข้าว จนกระทั่งมีสัตว์ที่ไปกินข้าวเสียชีวิต สืบเนื่องจากปัญหาข้าวเน่าแต่รัฐบาลเคยชี้แจงว่าสารรมควันต่างๆ ไม่มีพิษ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของพรรคพบว่าสารดังกล่าวมีการนำเข้าผิดปกตินับจากมีโครงการจำนำข้าว ขณะเดียวกันก็พบสารเคมีในข้าวถุงมากขึ้น จึงสำรวจการนำเข้าสารรมควันข้าวจากสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร พบว่าสถิติลดลงตั้งแต่ปี 2550 แต่ในปี 2554-2555 มีสถิตินำเข้าสูงขึ้นถึง 62% ทั้งที่ควรลดลง เพราะไทยมีพันธกรณีภายใต้พิธีสารมอนทรีออล ประเทศแคนาดาที่ต้องลดการใช้สารเมธิลโบร์ไมด์ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการรมควันข้าวต้องทยอยลดลงจนไม่มีการใช้ในปี 2556 เฉพาะที่อียูมีข้อตกลงยกเลิกใช้สารนี้ไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน 2555 แล้วแต่ไทยกลับนำเข้าเพิ่ม

“เจ้าหน้าที่อ้างว่าการใช้สารรมควันเป็นเรื่องปกติก็จริง แต่ที่ผิดปกติคือการนำเข้าสารเมทิลโบรไมด์เข้ามามาก นำมาใช้รมควันข้าวตามโครงการจำนำข้าวใช่หรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งปัญหาข้าวเน่า และสัตว์ตายในโกดังเก็บข้าวทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจในการบริโภคข้าว โดยก่อนหน้านี้ก็มีการเตือนว่าการบริโภคข้าวค้างสต๊อกของรัฐบาลอาจเกิดการสะสมจนเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ แต่แทนที่รัฐบาลจะรีบสร้างความเชื่อมั่นกลับให้ข้าราชการออกมาชี้แจงว่าการรมควันข้าวเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ควรทำมากกว่านี้ คือเร่งสร้างความเชื่อมั่นในการบริโภคข้าวไทยโดยต้องตั้งคณะกรรมการกลางที่มีผู้เชี่ยวชาญและประชาชนให้ความเชื่อถือ มาสุ่มตรวจสอบข้าวทั่วประเทศ โดยเฉพาะข้าวคุณภาพต่ำที่ประชาชนจำนวนมากบริโภค ซึ่งหลายชนิดยังมีการนำไปแปรรูปเป็นอาหารสำเร็จรูปด้วย แต่ถ้ายังปล่อยอย่างนี้ต่อไปนอกจากทำลายการบริโภคข้าวในประเทศแล้วยังทำลายความเชื่อมี่นในต่างประเทศด้วย จะยิ่งทำให้รัฐบาลระบายข้าวลำบากมากยิ่งขึ้น จึงต้องรีบสร้างความเชื่อมั่นโดยด่วน ก่อนที่จะสายเกินไป” นายองอาจกล่าว

ส่วนการลดราคาจำนำข้าวจาก 15,000 บาท เป็น 12,000 บาท เพื่อลดภาระทางการคลังของรัฐบาลนั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพราะรัฐบาลจะไม่สามารถระบายข้าวที่ค้างสต๊อกกว่า 20 ล้านตันออกไปได้ และมีข้าวประมาณ 16-17 ล้านตันที่ต้องระบายออกไปต่างประเทศ โดยจากสถิติที่ผ่านมาในแต่ละปีจะขายได้ราว 6-7 ล้านตัน สต๊อคที่มีอยู่จึงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี แต่รัฐบาลกำลังจะรับจำนำเพิ่มเข้ามาอีก ในขณะที่ข้าวที่มีอยู่จะเสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆ ปีละประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ เหตุผลที่จะทำให้ข้าวไทยลดมูลค่าลงเนื่องจากผู้ซื้อชะลอการซื้อทันทีที่รัฐบาลประกาศลดราคาจำนำข้าวลงทำให้ผู้ซื้อรอให้รัฐระบายข้าวในราคาถูก อีกทั้งลูกค้ารายใหญ่ของไทยคือจีน ได้หันไปซื้อข้าวคุณภาพต่ำจากประเทศเพื่อนบ้านของไทยแทน ทำให้ไทยไม่สามารถระบายข้าวไปยังลูกค้ารายใหญ่อย่างจีนได้ นอกจากนี้เวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในการขายข้าวได้ดัมป์ราคาลงมามากกว่าปกติเพื่อแข่งขันกับไทย ทำให้โอกาสการระบายข้าวของไทยมียากมากขึ้น จึงขอเรียกร้องไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าปัญหาที่ใหญ่ไม่ต่งจากการลดราคาจำนำคือการระบายข้าวในสต๊อกซึ่งรัฐบาลต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา โดยเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) รัฐบาลเชิญผู้ขายข้าวรายใหญ่ของไทยไปพบ 4-5 เจ้า แต่ไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการในเรื่องการระบายข้าวอย่างไร ที่จะแบ่งเบาภาระจากปัญหาที่เกิดขึ้นจากโครงการจำนำข้าวในปัจจุบัน

ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยควรออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ และอยากให้ตรวจสอบว่ากระบวนการเจ๊ ด. คือผู้ปล้นเงินชาวนาไปใช่หรือไม่ เพราะตัวเลขเงินถึงมือชาวนาประมาณ 1.2 แสนล้านบาท แต่มีการงาบเงินหายไปประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ขอถามว่าเงินจำนวนดังกล่าวตกไปอยู่ในมือของใคร ซึ่งรัฐบาลไม่เคยให้คำตอบหรือสร้างความกระจ่างให้กับประชาชน ที่สำคัญคือชาวนาที่เตรียมการชุมนุมแต่โดนสกัดกั้นนั้น นอกจากถนนหน้าทำเนียบรัฐบาลที่ต้องเดินทางมาแล้ว ยังมีถนนอีกเส้นคือต้องไปทวง 1.3 แสนล้านบาทที่บ้านเจ๊ ด. ว่าเอาไปฟอกที่ประเทศไหน เพื่อเอาเงินกลับมาคืนให้กับชาวนา หากไม่ทราบว่าเจ๊ ด. เป็นใครหรือบ้านอยู่ที่ไหน ให้ถามกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าเจ๊ ด.คือใคร เพราะเป็นชื่อที่กระฉ่อนไปทั่ววงการและเปิดโปงหลายครั้งในสภา

ส่วนการตรวจสอบสต๊อกข้าว ตนไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ในการตรวจสอบ เพราะแทนที่จะตรวจสอบพร้อมกันเพื่อไม่ให้ตั้งตัวทัน แต่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ประกาศล่วงหน้าว่าจะตรวจสอบวันที่ 29 มิ.ย.นั้น ภาษาพื้นๆ เรียกว่าอาจจะกลายเป็นรัฐบาลเป็นใจให้โจร คือบอกโจรก่อนไปจับ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัยมาก อีกทั้งรัฐบาลยังมีปัญหาเรื่องสติปัญญาในการแก้ไขด้วย เนื่องจากการปรับ ครม. ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แม้จะปรับนายบุญทรง ออกไปก็ยังมีร่างทรงอยู่เต็มไปหมด แนวทางที่ดีที่สุดควรทบทวนและตระหนักถึงปัญหาอย่างแท้จริงแก้ปัญหาให้ตรงจุด เริ่มจากคนใกล้ตัวทำให้เกิดความโปร่งใสแทนการซ้ำเติมชาวนา


กำลังโหลดความคิดเห็น