“ยิ่งลักษณ์” ได้ที! เจอเด็กเรียกแม่ปู โผล่เข้ากอดเลี่ยงสื่อซักสำเร็จ ด้าน “ธวัช” รับข้าวโกดังพิจิตรหาย 8 พันตัน แถมโรงสีติดแบล็กลิสต์ อคส.ด้วย เชื่อจังหวัดบกพร่อง แจ้งจับแล้ว พร้อมส่งตำรวจประจำทั่วไทย “ภักดีหาญส์” เผยนายกฯ สั่ง 3 กระทรวงร่วม สตช.คุมเข้ม ย้ำไม่เอาเปรียบชาวนา “หมวดเจี๊ยบ” แถลงซ้ำ กำชับปลัดไปมุกดาหาร-ยโสธรด้วยกัน แนะผู้ตรวจฯ อย่าจับผิดเรื่องเล็ก
วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่กรมประชาสัมพันธ์ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ในกรณีข้าวที่หายไปกว่า 8 พันตัน ที่โกดังจังหวัดพิจิตร รวมถึงชาวนาเตรียมเดินทางเรียกร้องให้นายกฯทบทวน ราคาจำนำข้าวในวันพรุ่งนี้ (25 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยระหว่างที่ผู้สื่อข่าวจะสัมภาษณ์อยู่นั้นได้มีเด็กหญิงคนหนึ่งอายุราว 5 ขวบ เดินเล่นอยู่ในบริเวณดังกล่าว และเมื่อเห็นนายกฯ ก็ตะโกนเรียกนายกฯ ว่า “แม่ปู” ทำให้นายกฯ เดินเลี่ยงกองทัพสื่อมากอดรับเด็กคนดังกล่าวให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพ ก่อนเดินทางไปปฏิบัติภารกิจอื่น
ด้าน พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานจากการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงปริมาณข้าวคงเหลือขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงสีข้าวใน จ.พิจิตร พบว่ามีจำนวนข้าวหายไปกว่า 8 พันตัน มูลค่าความเสียหายกว่า 133 ล้านบาท พร้อมกันนี้พบว่าโรงสีใน จ.พิจิตรดังกล่าวติดบัญชีดำกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงปริมาณข้าวคงเหลือขององค์การคลังสินค้า (อคส.) แต่นำมาจำนำกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และมีอีกหลายจังหวัดที่มีพฤติกรรมในลักษณะนี้ โดยเชื่อว่าคณะพิจารณาระดับจังหวัดเกิด บกพร่องในการพิจารณารับจำนำข้าว เบื้องต้นได้แจ้งความดำเนินคดีกับโรงสีที่ทุจริตแล้วทั้งทางแพ่งและอาญา พร้อมทั้งส่ง จนท.ตร.เฝ้าประจำทุกโรงสีทั่วประเทศ ควบคุมการขนข้าวเข้า-ออก
ขณะที่นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ในที่ประชุม นายกฯ ได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุมเข้มและตรวจสอบทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ว่าอยู่ที่ขั้นตอนใด โดยมี พล.ต.ต.ธวัชรับผิดชอบการตรวจสต๊อกข้าวทั่วประเทศ และรายงานให้ทราบความชัดเจนโดยเร็ว ทั้งนี้ นายกฯ เน้นย้ำให้ทุกขั้นตอนของโครงการไม่เอาเปรียบชาวนา รวมถึงให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง รายงานรายละเอียดการจัดทำเกษตรโซนนิ่ง ทั่วประเทศภายในสัปดาห์นี้ อีกทั้งระยะยาวต้องมีการปฏิรูปเกษตรกรรมทั้งระบบให้เป็นรูปธรรม
และที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 5/2556 ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานอีกว่า นายกฯ ได้กล่าวถึงเรื่องการเตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร โดยสั่งการให้ปลัดกระทรวงทุกกระทรวงร่วมลงพื้นที่ครั้งนี้ด้วย เพื่อเข้าร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และนำยุทธศาสตร์ประเทศทั้ง 8 ด้าน ไปร่วมหารือเพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด ซึ่งถือเป็นการนำไปสู่การปฏบัติอย่างแท้จริง ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา รวมถึงการลงพื้นที่ต่างจังหวัดในครั้งต่อไป นายกฯ อยากเห็นการบูรณาการและการจัดแผนพัฒนาจังหวัดให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวอีกว่า ทั้งนี้นายกฯ ยังได้มอบนโยบายให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงบูรณาการการทำงาน ไม่อยากให้ทำหน้าที่จับผิดเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่อยากให้ช่วยเหลือในการปรับปรุงการทำงานของแต่ละส่วนงานในแต่ละกระทรวง พร้อมรับฟังเสียงสะท้อนของเจ้าหน้าที่และประชาชนด้วย ขณะที่ในส่วนงานรับผิดชอบของกรมประชาสัมพันธ์ และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) นายกฯ อยากเห็นแผนและทิศทางการทำงานในการพัฒนาองค์กรจากระบบแอนะล็อกไปสู่ระบบดิจิตอล พร้อมขอให้แผนการสื่อสารเป็นประโยชน์คุ้มค่าต่อประชาชน อย่าเน้นการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ ร.ท.หญิง สุณิสายังเปิดเผยว่า นายกฯยังกล่าวในที่ประชุมถึงเรื่องการปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำข้าว ว่าเป็นการรักษาสมดุลในเรื่องของวินัยการเงินการคลัง การดูแลความเป็นอยู่ของชาวนา การพัฒนาพันธุ์ข้าว และการแข่งขันในตลาดโลก รวมถึงอยากเห็นความโปร่งใส่ และการป้องกันทุจริตในโครงการ พร้อมทั้งย้ำถึงการตรวจสอบโกดังข้าวสารในโครงการ หากมีปัญหาขอให้เจ้าที่ดำเนินการไปตามขั้นตอน และให้แยกแยะปัญหาว่าเกิดจาก นโยบาย หรือขั้นตอนปฏิบัติ หรือผู้ปฏิบัติงาน เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรับฟังความเห็นของเกษตรกร นายกฯ ยินดีที่จะพูดคุยร่วมกันเพื่อหาทางออก พร้อมกำชับให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำพื้นที่โซนนิ่งการเกษตร เพื่อแก้ปัญหาด้านการเกษตรกรรมและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตร รวมทั้งให้เตรียมหามาตรการดูแลผลเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจาการปรับลดราคาจำนำข้าวเปลือก โดยการลดต้นทุนการผลิต เช่น ราคาปุ๋ย หรือเมล็ดพันธุ์ โดยคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
