xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ชี้ “ปู” อุทธรณ์ยื้อเก้าอี้ “ถวิล” แค่ซื้อเวลา-แนะ “เหลิม” หยุดขู่บึ้ม “หน้ากากขาว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ภาพจากแฟ้ม)
หน.ปชป. ชี้นายกฯ ยื่นอุทธรณ์คดีคืนเก้าอี้เลขาฯ สมช. หวังประวิงเวลาถึงเกษียณ หวังศาลปกครองเร่งรัดคดีเป็นพิเศษ อีกด้านแนะรองนายกฯ เลิกข่มขู่ “หน้ากากขาว” ถ้ารู้ว่ามีระเบิดก็ต้องดูแล ยัน ถอด ครม.ทั้งคณะ ปล่อยทุจริตโครงการน้ำ ชี้รัฐเอางานบังหน้าทุจริต บนความทุกข์ของชาวบ้านไม่ได้


วันนี้ (21 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง กรณีให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้นายถวิล เปลี่ยนศรี ว่า เป็นความพยายามที่จะประวิงเวลา เพราะก่อนหน้านี้คดีของนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ศาลปกครองกลางให้เพิกถอนคำสั่งย้ายนายพีรพล โดยนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ จึงต้องมีคำอธิบายว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์อยู่แล้วว่ารัฐบาลจะพยายามประวิงเวลา และขณะนี้การกระทำของนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันสิ่งที่หลายฝ่ายคาดหมายไว้ตั้งแต่ต้น ทั้งนี้เห็นว่าคำสั่งของศาลปกครองกลางมุ่งที่จะคืนความเป็นธรรมให้กับนายถวิล จึงหวังว่าศาลจะเห็นความสำคัญของคดีนี้และเร่งพิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรมกับนายถวิลและทุกฝ่าย เพราะที่ผ่านมามีข่าวว่าจะยื่นอุทธรณ์เพื่อยื้อเวลาให้นายถวิลเกษียณอายุราชการ จึงหวังว่าศาลปกครองสูงสุดจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ

อย่างไรก็ตาม หากคดีถึงที่สุดแล้วนายถวิลคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องมีการเยียวยาด้วย แต่ตนอยากให้การปฏิบัติงานทางปกครองเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักของกฎหมาย เมื่อศาลชี้มาแล้วรัฐบาลก็ควรเร่งปฏิบัติ แม้ว่ารัฐบาลจะมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตามกฎหมายแต่ประเด็นอยู่ที่เจตนามากกว่าว่าคืออะไร ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่านายกฯอุทธรณ์คดีด้วยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอะไร ทั้งนี้นายถวิลก็ได้ใช้สิทธิทางกฎหมายอยู่แต่กระบวนยังไม่สิ้นสุดเนื่องจากนายกฯยื่นอุทธรณ์ ตนเห็นใจนายถวิลเพราะเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน และตนเชื่อว่าหากรัฐบาลให้นายถวิลกลับไปทำงานจะทำได้เป็นอย่างดีด้วยความเป็นมืออาชีพ แต่ที่มีการยื่นอุทธรณ์ก็คงเพราะไม่ต้องการให้นายถวิลกลับไปดำรงแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาย้ำว่าอาจเกิดเหตุปาระเบิดใส่กลุ่มหน้ากากขาวว่า หากมีปัญหาเกิดขึ้นกับการชุมนุมจริง ร.ต.อ.เฉลิม จะต้องรับผิดชอบคนแรก เพราะอ้างว่าทราบว่ามีเบาะแสและเป็นผู้มีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดขึ้น ในฐานะที่รับผิดชอบความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน เมื่อทราบหรืออ้างว่าทราบว่ามีกลุ่มคนที่จะก่อความไม่สงบต้องไปดำเนินการ ไม่ใช่มาขู่ประชาชน แต่ต้องใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่ของตัวเองให้หลักประกันกับประชาชนว่าสามารถใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญได้

"ร.ต.อ.เฉลิม ควรหยุดพูดแล้วไปแก้ปัญหา หากมีอะไรเกิดขึ้นทุกคนควรไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ร.ต.อ.เฉลิม เพราะรู้ว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น มีหน้าที่ป้องกันแก้ไข และไม่เชื่อว่าคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม จะทำให้เกิดความหวาดกลัวจนประชาชนไม่กล้าเคลื่อนไหว เพราะประชาชนที่รักหวงแหนสิทธิเสรีภาพคงไม่กลัวคำพูดเหล่านี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

สำหรับการยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ กรณีอนุมัติโครงการบริหารจัดการน้ำตาม พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขั้นตอนในการเตรียมเนื้อหาเรียบร้อยแล้วอยู่ในระหว่างการรวบรวมรายชื่อให้ได้ 120 ชื่อ เพราะในขณะนี้ปิดสมัยประชุมอยู่ อย่างไรก็ตามประเด็นที่จะยื่นถอดถอนชัดเจนแล้วคือ ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติการมีส่วนร่วมของประชาชนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช.ว่าด้วยราคากลางและมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการสมยอมในการเสนอราคา หรือกฎหมายฮั้ว จากการออกแบบวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า อยากให้ ป.ป.ช.ใช้อำนาจของตัวเองตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่รัฐบาลไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 103/7 ที่ให้หน่วยงานรัฐต้องประกาศราคากลาง ป.ป.ช.ควรใช้อำนาจตามกฎหมายเพื่อให้ครม.มีมติ ไม่เช่นนั้นตนเกรงว่าครม.จะอ้างว่ายังไม่มีการสั่งการหรือมีหนังสือที่ใช้อำนาจตามกฎหมายของป.ป.ช.ไปยังรัฐบาล แต่คงตอบแทน ป.ป.ช.ไม่ได้ว่าที่ยังไม่กล้าดำเนินการเรื่องนี้เพราะกลัวแรงกดดันที่เกิดขึ้นหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าหาก ป.ป.ช.สามารถใช้อำนาจของตัวเองตามกฎหมายเพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับประเทศ ทั้งนี้ปัจจุบันมีปัญหาจากการสร้างความเข้าใจผิดว่า ป.ป.ช. เป็นอุปสรรคของฝ่ายบริหารจึงต้องทำความชัดเจนว่าการบริหารของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นชุดใดโดยใครก็ตามต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและต้องบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์ การเอางานที่จะทำซึ่งมีการทุจริตหรือมีการกระมิชอบมาบังหน้าว่างานต้องเดิน คนอื่นอย่ามายุ่ง คือการแสวงหาประโยชน์บนปัญหาหรือบนความทุกข์ของประชาชนหรือของประเทศ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง


กำลังโหลดความคิดเห็น