“วัชระ” เผยเลขาฯ สภาพัฒน์ยืนยันโครงการเงินกู้ 3.5 แสนล้านจะใช้เพียง 6-7 หมื่นล้าน ส่วนกู้เงิน 2 ล้านล้านจะใช้เพียง 2.5-5 หมื่นล้าน แถมไม่สามารถการันตีความโปร่งใสได้ ขณะที่ตัวเลขคอร์รัปชันของไทยพุ่งถึง 30-40% แนะรัฐบาลควรใช้งบประมาณปกติแทนการกู้เงิน เพื่อให้ตรวจสอบได้ ป้องกันการโกง
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ว่า ขณะนี้กรรมาธิการฯ ได้พิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ปรับลดงบประมาณในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปแล้ว 100 ล้านบาท
นายวัชระกล่าวว่า การออก พ.ร.บ.กู้เงินบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างโครงข่ายคมนาคมของประเทศนั้น จากตัวเลขที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ทำสมติฐานตัวเลขงบ 3.5 แสนล้านบาทในปี 2556-2557 จะใช้เพียง 6-7 หมื่นล้านบาท ขณะที่งบเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่ใช้ในโครงข่ายคมนาคม จะใช้เพียง 2.5- 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากผ่านการพิจารณาจะเป็นตัวเลขเงินกู้ที่สูงที่สุดในประเทศไทย หากรวมดอกเบี้ยแล้วอยู่ที่จำนวน 5 ล้านล้านบาท
อีกทั้งข้าราชการไม่สามารถการันตีเรื่องความโปร่งใสได้ ขณะที่ตัวเลขคอร์รัปชันของไทยอยู่ที่ร้อยละ 30-40 ดังนั้นมองว่ารัฐบาลไม่ควรกู้เงินทั้งหมด แต่ให้ใช้งบประมาณที่ได้มีการคาดการณ์ไว้น่าจะเพียงพอ
นายวัชระยังกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของบประมาณ 8.7 หมื่นล้านบาทว่า ส่วนตัวอยากให้กรรมาธิการฯ ปรับลงประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเห็นว่า สตช.ทำงานไม่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล เช่นกรณีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ดังนั้นการที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝันว่าจะได้งบประมาณตัวนี้คงเป็นเพียงความฝันต่อไป
