รองนายกฯ ไล่ “อภิสิทธิ์” เอาเวลาไปเตรียมตัวสู้คดีเผาเมือง ชี้พวกล้มรัฐหน้าเดิมๆ ย้ำฝีมือเจ้าของโรงแรมกับไอ้เตี้ยดำ บอกม็อบไปหลายที่เสี่ยงระเบิดลง วอนอยู่เป็นที่ แย้มถ้าเกิดอะไรขึ้นรัฐไม่ได้ทำ ปูดบึ้มหน้ารามส่อเอี่ยวป่วนการเมือง เย้ยประชาธิปัตย์ยื่นถอดครม.จัดการน้ำเรื่องปกติ งงเรียกแจงคดี “เอกยุทธ” กลับไม่มา ก่อนขย้ำคนตายผู้ต้องหาหนีคดีเดินผ่านเพื่อไทยยังปัดรังควาน
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุให้ถอนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปรองดอง ออกจากสภาฯ ว่า อย่าเอาเวลามาพูดถึงตนเลย เอาเวลาไปเตรียมตัวสู้คดีที่มีการกล่าวหาว่าจ้างวานฆ่าจะดีกว่า เพื่อจะได้มีอนาคตทางการเมืองหากชนะคดี เพราะตนไม่เคยคิดแข่งขันกับนายอภิสิทธิ์ในการเป็นนายกฯ หากตนทำอะไรไม่เหมาะให้มายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นไปเตรียมตัวสู้คดีจะดีกว่า
เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่พยายามเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ขบวนการนี้เป็นตัวละครเก่าทั้งหมด อาจจะมีเพิ่มมาบ้าง ทั้งนี้ขอแนะนำผู้เคลื่อนไหวและผู้ชุมนุมว่าสามารถทำได้ แต่ต้องกำหนดขอบเขต เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดูแลง่าย การเคลื่อนไหวไปหลายที่ เสี่ยงที่จะถูกก่อเหตุ หากโดนระเบิดสักลูกก็จะวุ่นวาย ซึ่งทางตำรวจก็หนักใจหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น จึงแนะนำให้อยู่เป็นที่แล้วจะจะปราศรัยหรือมีกิจกรรมอะไรก็ได้
“ตอนนี้เจ้าของโรงแรมจ่ายเยอะนิดนึงกับไอ้ดำเตี้ย และออกมาปฏิเสธว่าไม่จริง แต่เจ้าหน้าที่เขาไม่สับสนหรอก ไอ้เจ้าของโรงแรมเนี่ยเคยร่วมปฏิวัติกับเขาครึ่งหนึ่งแล้วหนีหัวซุกหัวซุนกลับที่เดิมที่เก่า ผมหนักใจจริงๆ พูดไปจะหาว่าขู่ แต่ไม่ได้ขู่ เพราะการเมืองวันนี้มีคนฉวยโอกาสเยอะ สวมหน้ากากขาวเราไม่กลัว เรื่องของเขา แต่หากเกิดอะไรขึ้นมาต้องเข้าใจรัฐบาล เพราะไม่ได้ทำ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการข่าวระยะหลังจะมีการสร้างความรุนแรงใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า แน่นอน พวก 5 คนที่ร่วมก่อเหตุวางระเบิดหน้าปากซอยรามคำแหง 43/1 ตำรวจจับได้ 2-3 คน ที่เหลือกำลังตามหาอยู่ก็มาสร้างความรุนแรง ตำรวจมีข้อมูลหมด แต่หนักใจเพราะตำรวจพูดเองไม่ได้ ตนเป็นฝ่ายการเมืองที่รับผิดชอบจึงต้องบอกสื่อ
เมื่อถามว่า แสดงว่าเหตุการณ์วางระเบิดหน้าปากซอยรามคำแหง 43/1 มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่กล้าพูดถึงขณะนั้น แต่ระเบิดอย่างนี้หวังผลถึงการเมืองและการค้า ไม่มีอย่างอื่น ไม่มีทำโดยนึกสนุก
ร.ต.อ.เฉลิมยังได้กล่าวย้ำถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาวอีกว่า ตนไม่เข้าใจกลุ่มหน้ากากขาว ที่ทำแบบนี้มาตั้งแต่ปี 49 พอมีเลือกตั้งก็แพ้ จากนั้นมาฉกชิงวิ่งราวไปเป็นรัฐบาล แต่ไปไม่รอดต้องยุบสภา พอเลือกตั้งก็แพ้ตลอด พรรคประชาธิปัตย์แพ้มาแล้ว 21 ปีแล้วต้องคิดทบทวน นอกจากนี้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) หรือพวกดาวแดงที่เดินกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว จับเข้าคุกได้ แต่หากรัฐบาลรุนแรงก็หาว่าเผด็จการ จึงต้องอดกลั้น
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะ หลังจากมีมติอนุมัติให้มีการประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เป็นพฤติกรรมปกติของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ครั้งนี้ช้าไปด้วยซ้ำ ปกติต้องคิดเร็วกว่านี้ วันนี้ไม่มีใครกลัวนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว เพราะมีคดีเต็มพรรค อย่างคดีทุจริตโรงพักทั่วประเทศ หรือการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต 98 ศพ หรือคดีการขายทรัพย์สินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ก็ยังค้างอยู่ ตนมองว่าตอนนี้อยู่ในลักษณะเสียการทรงตัว ไม่รู้จะทำอย่างไร
รองนายกฯ ยังได้ตอบโต้กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตการไต่สวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังและเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ด้วยว่า เวลาเชิญมาให้การ เหตุใดจึงพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มา กลับไปบอกว่าคุกคาม ทั้งที่นายเอกยุทธเสียชีวิตไปแล้ว มีคนรับสารภาพ มีของกลาง ประจักษ์พยาน พยานแวดล้อม ผู้ร่วมกระทำผิด ซึ่งทุกอย่างครบ แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับบอกว่าไม่น่าเชื่อถือ ส่วนที่บอกว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลังนั้น ตนคิดว่าสังคมและประชาชนจะไม่ไขว้เขว
“ตำรวจยังไม่ได้ปิดคดี มีอะไรยังมาบอกได้ แต่การเมืองแน่ เพราะนายเอกยุทธเขาฝ่ายการเมือง ตอนคดีแชร์ชาร์เตอร์หมดอายุความ นายเอกยุทธกลับมาเมืองไทย เขาเข้าไปพรรคการเมืองพรรคไหน นั่นผู้ต้องหาหนีคดีนะ ยังมีพรรคการเมืองบางพรรคเปิดประตูพรรครับฟังคำบรรยายสรุปแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจากนายเอกยุทธ แต่พรรคเพื่อไทยไม่รับหรอก เดินผ่านพรรคเขายังปัดรังควานเลย” รองนายกฯ ระบุ