“อดุลย์” ยืนยันตำรวจ ศชต.จับกุมผู้ต้องสงสัยในคดีลอบวางาระเบิดหน้าราม ฯ 43/1 ได้เพียง 1 ราย พร้อมยืนยันไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ด้านโฆษก ตร.ยันจับได้แค่ 1 ราย อีก 3 ราย ยังไม่ได้ตัว ซึ่งขณะนี้ตำรวจ 3 หน่วยงานกำลังเร่งสอบเค้นผู้ต้องสงสัย!
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีควบคุมตัว นายอิดริส สะตาปอ อายุ 24 ปี ชาว จ.นราธิวาส ผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดบริเวณปากซอยรามคำแหง 43 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้เพียง 1 ราย โดยยังอยู่ระหว่างกระบวนการซักถาม และขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อเหตุในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยตนจะยังไม่ลงไปในพื้นที่ เพื่อปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการ เพราะแต่ละคนก็มีฝีมือการทำงานอยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก สตช.แถลงข่าวถึงคดีดังกล่าวว่า เบื้องต้นผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น อยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอยู่ระหว่างการซักถามที่ศูนย์ปฏิบัติการชายแดนภาคใต้ (ศชต.) โดยมี 3 หน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมซักถาม คือ ศชต., กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.), กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) ซึ่งตามกฎหมายที่กำหนดไว้สามารถควบคุมตัวได้ไม่เกิน 30 วัน นอกจากนี้กรณีผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวอ้างต่างๆ อย่างข่าวที่ระบุว่าเป็นผู้ร่วมก่อเหตุระเบิดสนามบินนานาชาติ จ.นราธิวาส ตรงนี้เป็นเพียงแค่คำให้การของผู้ต้องสงสัยเท่านั้น ซึ่งสามารถสันนิษฐานได้ 2 ประเด็นว่า เป็นไปได้ว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้มีความรู้เรื่องของการประกอบระเบิดและอุปกรณ์ง่ายๆ ที่หาได้ และถูกชักจูงมา หรือผู้ต้องสงสัยรายนี้ต้องการเพิ่มความสำคัญให้กับตนเอง ฉะนั้นขอยืนยันว่า ตำรวจจะดำเนินการตามพยานหลักฐานต่างๆ เป็นตัวตั้ง โดยเฉพาะพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิด หรือดีเอ็นเอที่เก็บมาได้ เพราะถ้าหากมุ่งประเด็นตามคำให้การเพียงอย่างเดียว อาจจะหลงประเด็นได้
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวยืนยันว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ไม่มีประวัติอยู่ในโครงข่ายของกลุ่มก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หรืออยู่ในกลุ่มอาร์เคเค โดยหลังจากนี้ตำรวจจะต้องหาพยานหลักฐานให้มั่นคงแน่ชัด เพื่อให้เกิดความแน่นหนา อย่างทาง บช.น.จะมีการสืบสวนเชื่อมโยงกับภาพจากล้องวงจรปิด ซึ่งหากมีหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิดนั้น จะเข้าสู่ขบวนการ ป.วิอาญา ต่อไป แต่หากไม่ได้กระทำผิดก็จะต้องมีการปล่อยตัวไป ทั้งนี้จากพยานหลักฐานของทาง พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ศชต.ที่ได้มาจากหลายทาง ก็มีความน่าเชื่อได้ว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้มีการเดินทางมาในพื้นที่ กทม.ที่ประกอบกับคำให้การของผู้ต้องสงสัยเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบถึงมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุแล้วหรือยัง พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ในเชิงลึกยังไม่ทราบ แต่เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยให้การรับสารภาพว่า ถูกชวนมาทำอะไรสนุกๆ ที่ กทม.ส่วนจะมีค่าจ้างอย่างไรนั้น เรายังไม่ทราบ สำหรับที่พักใน กทม.ที่ผู้ต้องสงสัยเดินทางมาพักช่วงเกิดเหตุนั้น ขณะนี้ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ได้จัดทีมให้ลงไปตรวจสอบว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้มีการพักอาศัยที่ไหน และพักอาศัยกับใครบ้าง ทั้งนี้ทาง ผบ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ดูเนื้อหาสาระในการสอบสวนด้วย โดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.เป็นผู้ดูแล ที่จะมีการมอบหมายจัดทีมลงไปตรวจสอบตามจุดที่ผู้ต้องสงสัยให้การมา
เมื่อถามว่า ได้มีการออกหมายจับ หรือออกภาพสเกตช์ผู้ร่วมก่อเหตุอีก 3 รายแล้วหรือยัง พล.ต.ปิยะ กล่าวว่า ยังไม่มีการออกหมายจับ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้เพียง 1 ราย ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องสงสัยยังให้การซักทอดผู้ร่วมก่อเหตุอีก 3 คนเท่านั้น
ถามถึงมาตรการดูแลความปลอดภัย พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ทาง บช.น.ก็ได้มีการออกมาตรการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ อย่างพื้นที่สัญลักษณ์ต่างๆ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ออกมาตรการเช่นกัน ที่ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ กทม.เท่านั้น ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทาง ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชุมนุม ที่เริ่มจะมีแนวโน้มเกิดขึ้นในช่วง 1-2 เดือนนี้ โดยในจุดพื้นที่ กทม.จะต้องมีการลงไปกวาดล้างอาวุธ เพราะว่าในการตรวจสอบการชุมนุมในจุดต่างๆ ได้มีการนำอาวุธเข้าไปด้วย หรือการเข้าไปกดดันตรวจค้นพื้นที่มากขึ้น
เมื่อถามว่า ทางฝ่ายการเมืองแสดงความกังวล ในการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง โดยวิธีก่อเหตุแบบคดีนี้ขึ้นมาอีก พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตรงนี้ทางตำรวจได้ทำการบ้านไว้แล้ว หลังจากการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยจะมีการประสานไปยังศูนย์สืบทุกหน่วย เพื่อดำเนินการด้านการข่าว และให้ทาง บช.ส.เป็นเจ้าภาพหลัก โดยเฉพาะการชุมนุมนั้น ซึ่งในเดือน ส.ค.นี้ จะมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น เนื่องจากจะมีการเปิดสมัยประชุมสภา