"อดุลย์"ยันจับคนร้ายลอบวางระเบิดหน้ารามฯได้แล้ว ชี้ผู้ต้องหารับสารภาพเพื่อนบชักชวนร่วมขบวนการก่อเหตุ แต่ปัดไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงภาคใต้ อ้างเทคนิคประกอบระเบิดไม่เหมือนกัน!
วันนี้(18 มิ.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เปิดเผยถึงการจับกุมนายอิดริส สะตาปอ อายุ 24 ปี ขณะอยู่ที่บ้านพักเลขที่ 18 บ้านฮูแตทูวอ หมู่ 4 ต.โคกเคียน อ.เมืองจ.นราธิวาส ผู้ต้องหาในคดีลอบวางระเบิดบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถจับผู้ก่อเหตุวางระเบิดได้แล้ว 1 ราย จากทั้งหมด 4 ราย ที่เป็นคนทางภาคใต้ทั้งหมด ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่วางระเบิดไม่ได้อยู่ในกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น หรืออาร์เคเคใหม่ รวมถึงเครือข่ายกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ส่วนผู้ต้องหาที่สามารถจับกุมได้นี้เป็นชาว จ.นราธิวาส
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ถูกชักชวนจากเพื่อนให้มาร่วมขบวนการ โดยมีหน้าที่ประกอบระเบิดและวางระเบิด ซึ่งรายละเอียดยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนจะเป็นคนเดียวกับที่ปรากฎอยู่ในกล้องวงจรปิดหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามในขั้นต้นจากการดูประวัติผู้ต้องหารายนี้ การรับสารภาพ และดูหมายจับ พบว่าไม่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มกระบวนการทางภาคใต้ แต่จากหลักฐานที่รวบรวมได้ในที่เกิดเหตุนั้น ได้เชื่อมโยงว่า ผู้ต้องหาเป็นคนวางระเบิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมตำรวจถึงยืนยันว่าผู้ต้องหารายนี้และพวกซึ่งเป็นคนภาคใต้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีประวัติผู้ต้องหา มีหมายจับ และหลักฐานมีความเชื่อมโยงหลายอย่าง การเกิดเหตุไม่ได้เกิดจากกระบวนการก่อความไม่สงบในภาคใต้ แต่เป็นบุคคลที่ฝึกมา และถูกชักจูงจากกลุ่มที่มีผลประโยชน์มาก่อเหตุ ทั้งนี้รูปแบบการประกอบระเบิดนั้น ไม่ใกล้เคียงกับการก่อเหตุระเบิดในภาคใต้
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แผงค้าอีกหรือไม่ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังต้องสอบสวนอีก แต่ในขั้นต้นเราได้ตัวผู้ต้องหาแล้ว และผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้วางระเบิด โดยการสอบสวนจะมอบหมาย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ให้ควบคุมการปฎิบัติ และให้ พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผบช.ส.และฝ่ายสืบสวนของ บช.น.ดำเนินการขยายผลจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุอีก 3 คนต่อไป
