กลุ่มคนไทยรักชาติฯ นำผู้ชุมนุม ยื่น 8 ล้านชื่อถวายฎีกา ขอนายกฯ พระราชทาน ระบุ การบริหารประเทศของ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” และการใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ละเมิดหลักสำคัญ ปชต. ให้นักโทษหนีคดีอยู่ต่างประเทศสั่งการ แทรกแซงองค์กรอิสระ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทุจริตจากนโยบายต่าๆ ก่อหนี้ในอนาคตให้ประชาชน
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยรักชาติรักแผ่นดิน นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี พร้อมผู้ชุมนุมกว่าพันคน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มพลังธรรมาธิปไตยในเครื่องแบบคล้ายทหาร ใส่หมวกแก๊ปมีดาวแดงบริเวณด้านหน้าหมวก เดินทางมายังสำนักพระราชวัง เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอนายกฯ พระราชทาน โดยกลุ่มแนวร่วมคนไทยฯได้ส่งตัวแทนจำนวน 5 คน เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ซึ่งระหว่างนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยืนรอบริเวณแยกถนนหน้าพระลาน ได้ตะโกน “ยิ่งลักษณ์ เก็ตเอาต์ ชินวัตร เก็ตเอาต์” อยู่เป็นระยะ ขณะเดียวกัน มีการประกาศผ่านไมค์จากผู้ชุมนุมเป็นภาษาอังกฤษ เพื่ออธิบายสาเหตุการเคลื่อนขบวนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าใจ โดยมีนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปบรรยากาศการชุมนุมเป็นจำนวนมาก
นายไชยวัฒน์กล่าวภายหลังส่งตัวแทนยื่นฎีกาว่า เครือข่ายภาคประชาชนไทยขอแสดงเจตนารมณ์ปฏิเสธอำนาจศาลโลก และนักการเมืองที่ทุจริต โดยมียอดรายชื่อประชาชนยื่นฎีการ้องทุกข์จำนวน 8,999,999 รายชื่อ โดยคำถวายฎีกามีเนื้อหาสำคัญว่าขณะนี้ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการบริหารราชการแผ่นดินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และการใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติของสภา ได้ละเมิดหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย มีการแบ่งแยก 3 อำนาจสูงสุด มีการแทรกแซงองค์กรอิสระเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นอกจากนี้ การบริหารราชการแผ่นดินมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักโทษอาญาหนีคดีที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศเป็นผู้สั่งการ โดยใช้อำนาจระบบรัฐสภาที่มีพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.บางส่วนก่อตั้งระบอบเผด็จการเสียงข้างมาก โดยไม่นำพาเสียงคัดค้านของประชาชน อาทิ การแก้รัฐธรรมนูญ หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อล้างผิด อีกทั้งใช้กำลังปราบปรามประชาชน โดยใช้มวลชนข่มขู่องค์กรตุลาการ และประชาชนที่เห็นต่าง แต่รัฐบาลยังนิ่งเฉยโดยหวังผลกดดันให้กลุ่มเหล่านี้จำยอมต่อการนิรโทษกรรมพวกพ้อง
“ยังมีการทุจริตโครงการจำนำข้าว เกิดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท ส่วนโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท จะส่อไปในทางล้มเหลวสร้างหนี้ให้ประชาชนในอนาคต”
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการชุมนุมจะปักหลักต่อที่สนามหลวง เพราะการปกครองประเทศอยู่ในภาวะซวนเซ จนกระทบต่อประชาชน การรวมพลังจะเป็นประโยชน์ก่อนการบริหารราชการแผ่นดินจะเปลี่ยนผ่านด้วยความเรียบร้อย ที่สำคัญการเลือกใช้พื้นที่สนามหลวงเพราะอยู่ใกล้โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดด้วย อย่างไรก็ตาม พบว่าในนิตยสารเรดพาวเวอร์ ฉบับที่ 36 เดือนพฤษภาคม 2556 มีการพาดหัว “การเมืองเปลี่ยนผ่าน สัญญาณเปลี่ยนระบอบ การสละราชบัลลังก์เพื่อรักษาสถาบันกษัตริย์” นั้น นิตยาสารดังกล่าวมีเนื้อหาล่อแหลม แต่รัฐบาลก็ไม่ไปจัดการเช่นกัน
จากนั้นกลุ่มแนวร่วมคนไทยฯ เดินทางต่อไปยังทำเนียบองคมนตรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยเป็นระยะ