"องอาจ" ตอกนายกฯรู้อยู่แก่ใจจำนำข้าวมีปัญหา แต่ฝืนไปตายเอาดาบหน้าจนต้องลดราคา หวังคะแนนเสียงไม่สนผลกระทบ ชี้ ต้นเหตุโกงแหลกชาวนารับเคราะห์ ซัดแจงปชช.ไม่รู้เรื่องผู้ว่าฯคงไม่เข้าใจ เย้ยขู่ฟันคนโกง แต่คนรบ.ทำเองกลับเฉย "มัลลิกา" อัดรบ.เหตุชาวนาถูกโรงสีโครงการโกง ชี้ผู้มีอิทธิพลฮั้ว บี้สอบข้าวเน่าทั่วไทย "บุญเลิศ" ซัดทำร้ายชาวนาและข้าวไทย แฉเก็บข้าวสุดห่วย แถมถูกมอดกินจนกลายเป็นแป้ง สารปนเปื้อนเพียบ
วันนี้ ( 20 มิ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธานส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีอ้างวินัยการเงินการคลังต่อปัญหาโครงการจำนำข้าว ว่า เป็นปลายเหตุ รัฐบาลรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่เริ่มโครงการรับจำนำข้าว แต่ที่ยังดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันกระทั่งต้องลดราคาจำนำนั้นเพราะต้องการเสียงสนับสนุนจากประชาชนให้ได้เป็นรัฐบาล จึงไม่คำนึงถึงผลกระทบในอนาคตซึ่งกำลังส่งผลอยู่ในขณะนี้ โดยหวังที่จะไปตายเอาดาบหน้า แต่เมื่อผลกระทบเกิดขึ้นจึงจำเป็นต้องปรับลดราคาจำนำลงแล้วอ้างว่าต้องรักษาวินัยการคลัง ทั้งที่หากไม่มีการทุจริตจนนำไปสู่การขาดทุนมหาศาลก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องลดราคาจำนำ แต่ยังสามารถเดินหน้าต่อได้ รัฐบาลต้องยอมรับความจริงว่าอ้างวินัยการคลังเพื่อให้ดูดีเท่านั้น โดยไม่ยอมรับเรื่องการทุจริตจนนำไปสู่การขาดทุนที่เป็นปัญหาแท้จริงของการลดราคาจำนำจนกระทบชาวนาในขณะนี้ เพราะแม้รัฐบาลจะตั้งราคา 15,000 บาท แต่ชาวนาได้น้อยกว่านั้นคือประมาณ 11,000-12,000 บาท แต่เมื่อประกาศลดลงเหลือ 12,000 บาท ชาวนาจะได้เงินลดลงด้วย การแก้ปัญหานี้จะทำให้ชาวนาขาดประโยชน์ที่พึงมีพึงได้ ทั้งที่ควรไปแก้ปัญหาทุจริตที่ก่อให้เกิดผลกระทบจากการขาดทุนโดยไม่จำเป็น
" รัฐบาลยังไม่บอกว่ามีวิธีคิดอย่างไรในการลดราคาจำนำจาก 15,000 บาทเหลือ 12,000 บาท จึงควรชี้แจงเพิ่มเติมว่าตัวเลขนี้มาอย่างไร และเห็นว่าถ้านายกไม่สามารถทำความเข้าใจกับประชาชนทั้งประเทศได้ ทั้งที่มีช่องทางสื่อสารจำนวนมากก็เพราะมีพฤติกรรมการปกปิดข้อมูล ไม่ยอมรับความจริงว่าโครงการนี้มีปัญหามากมายหลายประการ เหตุผลสำคัญคือไม่แก้ปัญหาให้ตรงจุด ดังนั้นนายกจะหวังให้ผู้ว่าทั่วประเทศไปทำความเข้าใจกับประชาชนคงเป็นไปไม่ได้ เพราะสวนทางกับการกระทำของรัฐบาลที่ยังสื่อสารกับประชาชนไม่ได้ ถ้ารัฐบาลยอมรับความจริงแก้ปัญหาให้ตรงจุดก็จะคลี่คลายปัญหาได้มากขึ้น" นายองอาจกล่าว
ส่วนการที่นายกฯคาดโทษเอาผิดข้าราชการทุจริตจะไม่ช่วยให้การทุจริตลดลงแต่ต้องแสดงความเอาจริงเอาจังกับปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาขู่มาหลายรอบแล้วว่าจะเอาจริงเอาจังแต่ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงคิดว่าไม่ต้องไปขู่ใครแต่ให้ดูคนรอบข้างและคนในรัฐบาลว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านได้ใช้กระบวนการตรวจสอบทั้งการอภิปรายในสภาและการชี้แจงนอกสภา ชี้ให้เห็นมาโดยตลอดว่าการจำนำข้าวมีการทุจริตอย่างไร ตั้งแต่การรับจำนำ เก็บรักษา จนถึงการระบายข้าว แต่นายกฯก็เฉย ๆ ไม่ส่งสัญญาณหรือดำเนินการใด ๆ ทั้ง ๆ ที่มีการชี้เป้าบอกประเด็นอย่างชัดเจนจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 โดยเฉพาะการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการการเมือง ที่มีเอกสารหลักฐาน ตัวบุคคลชัดเจนแต่นายกฯก็ไม่ทำอะไร
"ก่อนที่นายกฯจะขู่เอาผิดข้าราชการประจำ ต้องเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ฝ่ายค้านได้เปิดโปงให้เห็นถึงกระบวนการทุจริตที่มีข้าราชการการเมือง นักการเมืองไปเกี่ยวกับพ่อค้าและข้าราชการบางคนก่อน จึงจะทำให้การทุจริตหมดไปได้ เพราะข้าราชการในพื้นที่ที่ไปเกี่ยวข้องมีส่วนน้อยจัดการไม่ยาก แต่ที่จัดการยากคือข้าราชการการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต หากนายกฯจัดการตรงนี้ได้ความโปร่งใสจะเกิดขึ้น ความเชื่อมั่นต่อโครงการนี้จะมีมากขึ้น นายกต้องจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง"นายองอาจกล่าว
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีชาวนาจ.พิจิตรร้องเรียนว่ายังไม่ได้รับใบประทวนหลังนำผลผลิตไปเข้าโครงการรับจำนำข้าวกับรัฐบาลแล้ว แต่ถูกโรงสีโกงชาวนา 300 ราย มูลค่าราว 100 ล้านบาท โดยรัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการให้ชาวนาไปแจ้งความร้องทุกข์เพื่อฟ้องร้องเอาเงินค่าข้าวของตัวเอง ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับชาวนาที่เพชรบูรณ์มาแล้ว จึงเห็นว่าเป็นการแก้ไขไม่ตรงจุด ซ้ำเติมชาวนา เพราะในปัจจุบันมีชาวนาที่ไม่เข้าโครงการประมาณกว่าสามล้านราย โดยชาวนาที่เข้าโครงการได้เพียงกว่าหนึ่งล้านรายก็ยังถูกทุจริตจากโรงสีที่เข้าโครงการรับจำนำกับรัฐบาลด้วย ซึ่งโรงสีเหล่านั้นก็เข้าข่ายมีผู้มีอิทธิพลฝากเข้าโครงการทั้งสิ้นและก็มาทุจริตเงินจำนำข้าวกับชาวนา
"ส่วนเรื่องข้าวเน่าคาโกดังอ.พนมสารคามนั้น ได้มีความพยายาจัดฉากเพื่อกลบเกลื่อนข่าวนี้ว่าไม่มีข้าวเน่าแต่ถูกโจมตีทางการเมือง ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีเฉพาะที่โกดังอ.พนมสารคามเท่านั้น แต่มีในพื้นที่อื่นด้วย จึงอยากเรียกร้องให้ตรวจสอบโกดังทั้งประเทศ เพราะเคยมีการแจ้งปัญหาที่จังหวัดแพร่แล้วแต่รัฐบาลไม่ดำเนินการใด ๆ " น.ส.มัลลิกา
ด้านนายบุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่ต้องการเอาชาวนามาเล่นการเมือง แต่ต้องการรายงานความทุกข์ยากของชาวนาอย่างแท้จริงและเป็นข้อมูลจริงทั้งหมด นโยบายจำนำข้าวทำร้ายชาวนา ทำลายชื่อเสียงและคุณภาพข้าวไทย รวมทั้งทำลายระบบการค้าข้าวเสรีของชาติโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ยังมีปัญหาข้าวเน่าที่โกดังเก็บข้าว อ.พนมสารคามโดยตนเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับเซอเวเยอร์พบว่า ข้าวที่เก็บในโกดังมีมอดกัดกินจำนวนมาก โดยสภาพข้าวถูกมอดกัดกินจนกลายเป็นแป้งอย่างเห็นได้ชัดเจน และมีการรมยาจนมอดตายซึ่งก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่ามอดตายหมดแล้วจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คือมีการรมยาข้าวแต่ก็ยังมีความเสียหายจากการเก็บรักษาข้าวในโกดังของรัฐบาลที่สร้างความเสียหายต่องบประมาณประเทศ
นอกจากนี้ยังไปตรวจสอบโกดังคลังสินค้ากลาง 83/3 คลองอุดมชลจร หมู่ 7 อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พบว่าการจัดเก็บมีปัญหามาก โดยพบว่ามีปัญหาข้าวยุบลงไป 6 ชั้นกระสอบ และกรมการค้าภายในจังหวัดก็ยอมรับในเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครตอบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ว่าใครจะรับผิดชอบ โดยโกดังนี้เก็บรักษาข้าว 1.39 แสนตัน ทั้งนี้กรมการค้าภายในอ้างว่าทาง อคส.เอาข้าวดีมาทดแทนแล้วแต่ไม่มีคำตอบว่าเอาข้าวเสียไปทิ้งที่ไหน และข้าวใหม่ที่เอามาแทนนำมาจากไหน อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบก็พบว่ายังมีซากกระสอบข้าวทิ้งอยู่รอบ ๆ โกดัง และใช้ทรายมาโรยรอบพื้นที่ที่เกิดการยุบตัวซึ่งไม่ได้แก้ปัญหา แต่น้ำยังสามารถซึมเข้าไปในโกดังได้ จนกระทั่งข้าวเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็นแล้ว
“ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะโกดังไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเก็บรักษาข้าวแต่เป็นโกดังเก็บเฟอนิเจอร์เก่าที่เอามาใช้เก็บรักษาข้าวอย่างไม่ได้มาตรฐาน โดยเป็นความสับเพร่าของ อคส.ที่เช่าโกดังจากบริษัทแพลนแปซิฟิค เวิล์ดเทรด จำกัด โดยมีการเก็บข้าวสองโกดังรวมปริมาณ 2.7 แสนกระสอบแต่ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นผมได้นำปัญหาเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการข้าวระดับจังหวัดรับทราบเพื่อให้ป้องกันไม่ให้น้ำซึมป้องกันข้าวเน่ามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงอยากให้สื่อมวลชนไปร่วมตรวจสอบด้วย และผมจะไปขอให้ผู้ว่าฯเปิดโกดังเพื่อพิสูจน์ด้วย” นายบุญเลิศ กล่าว