ศาล รธน.รับคำร้อง “พันธมิตรฯ-วิรัตน์” ขอให้สั่งระงับแก้ไข รธน.มาตรา 68 ขณะเดียวกันยังสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ “มาร์ค” คดี กห.มีคำสั่งปลดออกจากราชการทหาร พร้อมมีมติเอกฉันท์ ม.267 วรรคสี่ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ที่ห้ามจำเลย.เดินทางออกนอกประเทศไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญว่าด้วยเสรีภาพการเดินทางของบุคคล
วันนี้ (13 มิ.ย.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 รับคำร้องที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพวกรวม 6 คน และคำร้องของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งระงับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ของสมาชิกรัฐสภา และให้ยุบ 6 พรรคการเมืองที่ร่วมเข้าชื่อเสนอแก้ไข ไว้พิจารณาวินิจฉัยเนื่องจากเห็นว่าทั้ง 2 คำร้องต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสอง แต่ไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวสั่งระงับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ไว้ก่อน เนื่องจากยังไม่ปรากฎมูลกรณีอันเป็นเหตุฉุกเฉินหรือมีเหตุผลอันสมควรเพียงพอที่จะต้องใช้วิธีการชั่วคราวดังกล่าว
และมีคำสั่งให้ผู้ร้องทำสำเนาคำร้อง ส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 312 ชุดเพื่อส่งให้ผู้ถูกร้อง และให้ผู้ถูกร้องซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภา ทั้ง 312 คน ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง หากไม่ยื่นภายในกำหนดเวลาดังกล่าวถือว่าไม่ติดใจ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่นชี้แจงในกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของส.ส. 134 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (5) ประกอบมาตรา 102 (6) หรือไม่ เนื่องจากมีคำสั่งกระทรวงกลาโหมปลด ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากราชการเป็นนายทหารกองหนุน พร้อมกับมีคำสั่งรับหนังสือมอบฉันทะของนายอภิสิทธิ์และอนุญาตให้บุคคลดำเนินคดีแทนจำนวน 3 ฉบับรวมไว้ในสำนวนแล้ว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า มาตรา 267 วรรคสี่ ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 2535 ที่บัญญัติว่า กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลที่อาจกระทำผิดตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ อาจหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ให้สำนักกำกับตลาดหลักทรัพย์ร้องขอให้ศาลอาญามีคำสั่งห้ามมิให้บุคคลดังกล่าวออกจากราชอาณาจักรไว้ก่อนได้ หากเป็นกรณีฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วนให้คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ มีคำสั่งห้ามบุคคลดังกล่าวเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไว้เป็นการชั่วคราวได้ เป็นเวลาไม่เกิน 15 วันจนกว่าศาลอาญาจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นนั้น ไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 34 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ที่ให้บุคคลมีสิทธิเสรีภาพในการเดินทาง โดยเห็นว่าบทบัญญัติมาตรา 267 วรรคสี่ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 2535 นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชน
สำหรับการมีคำวินิจฉัยดังกล่าวสืบเนื่องมาจากศาลอาญาได้ส่งคำโต้แย้งของนายสนทยา น้อยเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ในคดีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กล่าวโทษนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน เจ้าของบริษัทปิกนิก คอเปอร์เรชั่น จำกัด นายสนทยา และพวกรวม 12 คน ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่ากระทำทุจริตผิดหน้าที่ และยักยอกเงินของบริษัทอีสเทิร์นไวร์ฯ เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เพื่อตนเองหรือผู้อื่นในระหว่างปี 2547-2548 โดยศาลอาญามีคำสั่งห้ามนายสนทยาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ตามมาตรา 267 วรรคสี่ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งนายสนทยาเห็นว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการเดินทางที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ จึงได้ขอให้ศาลอาญาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย