“แม้ว” โผล่วอชิงตัน ดี.ซี. เผยมาก่อน “ยิ่งลักษณ์” น้องสาวจะมาพบ “บารัค โอบามา” อีกกระแสไม่ทราบพบ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผบ.ทบ.หรือไม่ คนไทย ดี.ซี.รวมตัวกันไปขับไล่หน้าโรงแรมท่ามกลางสายฝน
เว็บไซต์ The Asianpacific News รายงานข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาโดยเครื่องบินส่วนตัว พักจอดที่นิวยอร์กก่อนที่จะมุ่งตรงสู่วอชิงตัน ดี.ซี. และเข้าพักที่โรงแรม Fairmont Washington D.C., Georgetown อยู่เลขที่ 2401 M St NW, Washington, DC20037 อันเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมาถึง พ.ต.ท.ทักษิณได้นิมนต์พระวิเทศธรรมรังสี (หลวงตาชี) เจ้าอาวาสวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ไปยังโรงแรมเพื่อกราบนมัสการโดย พ.ต.ท.ทักษิณไม่กล้าเดินทางไปวัดเพราะเกรงว่าจะมีผู้คนเห็น จึงได้ให้คนขับรถของวัดนำหลวงตาชีไปหาถึงโรงแรม Fairmont Washington D.C., Georgetown
ทั้งนี้ หลวงตาชีเพิ่งจะฉลองอายุครบ 88 ปีไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนนี้ โดยท่านเกิดวันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2468 มาเป็นพระธรรมทูตสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อเที่ยงของวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Cafe Milano เลขที่ 3251 Prospect St NW (ระหว่าง N Potomac St กับ N Wisconsin Ave) Washington, DC20007 เป็นห้องอาหารอิตาเลียน อยู่ห่างจากโรงแรมที่พักประมาณ 1 ไมล์
บริเวณคูหานี้ยังเป็นที่ตั้งห้องอาหาร “ไหมไทย” อีกด้วย ห้องอาหารแห่งนี้อยู่ใกล้กับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน เลขที่ 1024 Wisconsin Ave. NW, Washington, DC20007 สามารถเดินจากสถานทูตไปยังร้านอาหารได้ในเวลาประมาณ 6 นาที หรือระยะทาง 0.3 ไมล์ แต่แหล่งข่าวไม่ทราบว่านายชัยยงค์ สัจจิพานนท์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตันไปรับประทานอาหารร่วมด้วยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.00 น.ของวันที่ 10 มิถุนายน กลุ่มคนไทยในวอชิงตัน ดี.ซี.ประมาณ 30 คนบุกไปยังบริเวณหน้าโรงแรม Fairmont เพื่อประท้วงการเดินทางมาของ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ นักวิเคราะห์มีข้อสังเกต 2 ประการ
ประการแรก เป็นช่วงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้รับเชิญมาเยือนสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 1-10 มิถุนายน ไม่ทราบว่าได้มีการพบปะกันหรือติดต่อกันหรือไม่อย่างไร
ประการที่ 2 พ.ต.ท.ทักษิณมักจะเดินทางไปล่วงหน้าก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปประเทศใด ตัวอย่างเช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปกรุงพนมเปญ กัมพูชา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 18-20 พฤศจิกายน 2555 พ.ต.ท.ทักษิณก็เดินทางไป เป็นเหตุให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมว.ต่างประเทศเงา พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเรื่องนี้เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางเป็นข่าวออกสื่อไปทั่ว
จึงอยากถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ถ้าทราบเรื่องแล้วจะดำเนินการอย่างไร เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานะเป็นผู้ร้ายข้ามแดน นายกฯ ได้คำนึงถึงกฎหมายอาญามาตรา 157 เรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และคำนึงถึงมาตรา 189 และ 192 เรื่องการซ่อนเร้นช่วยเหลือผู้กระทำผิดที่หลบหนีคดีหรือไม่ ในส่วนของ รมว.ต่างประเทศก็อยากให้มีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
“ยิ่งลักษณ์” จะมาสหรัฐฯ เร็วๆ นี้
เมื่อ 29 พ.ค. 2556 เวลา 19.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะแขกเกียรติยศ เป็นประธานกล่าวเปิดงานเลี้ยงรับรองเฉลิมฉลองมิตรภาพไทย-สหรัฐฯ ในโอกาสที่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศครบ 180 ปี โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะเจ้าภาพ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมอเมริกา และข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ
ขณะที่ด้านสหรัฐฯ มีนางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และคณะจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เดินทางมาร่วมงาน โดยภายในงานแบ่งเป็นงานเลี้ยงรับรอง และการออกร้านหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) พร้อมนิทรรศการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ โดยนักเรียนนักศึกษาจากโรงเรียนและสถาบันพี่น้องไทย-สหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ กว่า 200 คน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงานเลี้ยงรับรองว่า ขอชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่ใกล้ชิดและดำเนินมาครบรอบ 180 ปี โดยไทยเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย และปัจจุบันมิตรภาพนับวันยิ่งแน่นแฟ้น ด้วยการยึดมั่นในคุณค่าประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนร่วมกัน อีกทั้งมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการเป็นหุ้นส่วนที่พัฒนาเติบโต และสร้างประโยชน์ต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนมีความเข้มแข็ง สหรัฐฯ ถือเป็นคู่ค้าและนักลงทุนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของไทย และมีนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ กว่า 800,000 คนมาท่องเที่ยวไทยในแต่ละปี
นอกจากนี้ ด้านการศึกษามีนักศึกษาไทยจำนวนมากสำเร็จการศึกษาจากสหรัฐฯ เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี อีกทั้งไทยสนับสนุนการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ทั้งกับอาเซียนและหุ้นส่วนอื่นๆ เพื่อสร้างอนาคตที่รุ่งเรืองยิ่งขึ้นร่วมกัน ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
ดังนั้น ไทยจึงยินดีสนับสนุนนักลงทุนสหรัฐฯ ในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา และสาขาอื่นๆ ในไทยและอาเซียน พร้อมทั้งยินดีต้อนรับนักลงทุนจากสหรัฐฯ ในการลงทุนโครงการพัฒนาเครือข่ายคมนาคมของรัฐบาล รวมถึงหวังว่าจะได้หารือเพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนไทย-สหรัฐฯ และผลประโยชน์ต่อภูมิภาคกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในอนาคตอันใกล้นี้